https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/issue/feed
วารสารสุทธิปริทัศน์
2025-12-11T10:19:12+07:00
อาจารย์ ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล
dpujournal@dpu.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารสุทธิปริทัศน์</strong></p> <p><strong>ISSN : 2730-2717 (online) ISSN : 2730-2709 (print)</strong></p> <p><strong>กำหนดออก :</strong> ปีละ 4 ฉบับ <br />ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม <br />ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน <br />ฉบับที่ 3 สิงหาคม-กันยายน <br />และฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม รวมทั้งฉบับพิเศษ (ถ้ามี)</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ </strong>วารสารมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความ ในด้านสังคมศาสตร์ อันได้แก่</p> <p><strong>สาขาวิชา </strong><strong>:</strong><strong><br /></strong>1. บริหารธุรกิจ การจัดการและการบัญชี<br />2. เศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติและการเงิน</p> <p><strong>สาขาวิชาย่อย :<br /></strong>1. ธุรกิจทั่วไป การจัดการและการบัญชี<br />2. การจัดการด้านกลยุทธ์และการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ที่เกี่ยวข้องกับทางธุรกิจ)<br />3. พฤติกรรมองค์กรและการจัดการทรัพยากรมนุษย์<br />4. เศรษฐศาสตร์ทั่วไป เศรษฐมิติ และการเงินและการบัญชี</p>
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/279977
การมีส่วนร่วมของพนักงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพมหานครต่อการบริหารองค์กร ตามแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล)
2025-06-11T09:33:49+07:00
ปฐมพร อนุชิตธนานันท์
66130126@dpu.ac.th
สุรวี ศุนาลัย
suravee.sui@dpu.ac.th
<p>งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของพนักงานบริษัทเอกชนต่อการบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และศึกษาอิทธิพลของปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของพนักงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพมหานครต่อการบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG การวิจัยใช้วิธีเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากตัวอย่างจำนวน 415 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่า t-Test, F-Test (one way ANOVA) การเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยแบบรายคู่ และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ ที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน และอายุการทำงานแตกต่างกันส่งผลต่อการมีส่วนร่วมต่อการบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG ที่แตกต่างกัน 2. ปัจจัยภายในองค์กร ได้แก่ การจัดการองค์กร การสื่อสาร และวัฒนธรรมองค์กร มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมต่อการบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG และ 3. ปัจจัยภายนอกองค์กร ได้แก่ นโยบายความยั่งยืนของภาครัฐ และภาคมวลชน สื่อประชาสัมพันธ์ มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมต่อการบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG ผลวิจัยสามารถใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายและแนวทางบริหารองค์กร เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากรในองค์กร ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการสู่องค์กรที่ยั่งยืนตามแนวคิด ESG</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/281234
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างราคากลางงานก่อสร้างของกรมบัญชีกลางและราคาของผู้ชนะการเสนอราคา: หลักฐานจากการประมูลด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐประเทศไทย
2025-06-20T15:30:17+07:00
กฤษรา ลีฉลาด
klissara.leechalard@gmail.com
อารยา เอกพิศาลกิจ
araya.ea@ku.ac.th
<p>การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการแข่ง เศรษฐกิจ และกระบวนการจัดซื้อ 41 จัดจ้าง กับส่วนต่างระหว่างราคากลางที่กำหนดโดยกรมบัญชีกลาง และราคาของผู้ชนะการประมูลในโครงการก่อสร้างทางของ 42 กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งดำเนินการด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยเก็บรวบรวมข้อมูลช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ถึง 2567 สำหรับโครงการที่หน่วยงานได้ทำสัญญาภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 จากเว็บไซต์ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง ทำให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 3,171 โครงการ และดำเนินการใช้สถิติเชิงอนุมานในการทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรด้วยการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis)</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลในเชิงบวกต่อส่วนต่างราคาอันสะท้อนถึงระดับการแข่งขันที่สูงขึ้น และนำไปสู่การประหยัดงบประมาณภาครัฐ ได้แก่ จำนวนผู้ซื้อซองประมูล จำนวนผู้เข้าร่วมเสนอราคา และอัตราการเป็นผู้ชนะของผู้ประกอบการ ซึ่งสะท้อนถึงระดับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลในเชิงลบ ได้แก่ ส่วนแบ่งตลาดของผู้รับเหมา ลักษณะของผู้ชนะการประมูล ราคาน้ำมัน วงเงินงบประมาณ หน่วยงานเจ้าของโครงการ และพื้นที่ตั้งโครงการ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการแข่งขันที่ลดลง แม้การที่ราคาชนะการประมูลต่ำกว่าราคากลางจะสะท้อนถึงการประหยัดงบประมาณภาครัฐ แต่หากเป็นผลจากการเสนอราคาต่ำเกินจริงโดยขาดความสมเหตุสมผล อาจนำไปสู่ปัญหาด้านคุณภาพงาน ความล่าช้าในการดำเนินโครงการ หรือการยกเลิกสัญญา ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในระยะยาว ในขณะเดียวกันงานวิจัยนี้ช่วยผู้ประกอบการภาคเอกชนใช้วางกลยุทธ์การเสนอราคา และช่วยหน่วยงงานภาครัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบใช้เป็นแนวทางประกอบการตรวจสอบความเหมาะสมของการกำหนดราคากลาง และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/281236
ปัจจัยการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค
2025-07-01T08:38:23+07:00
เพ็ญโพยม ศุภชัย
65230063@dpu.ac.th
การดา ร่วมพุ่ม
karada.rua@dpu.ac.th
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาลักษณะประชากรที่แตกต่างกันส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค และ 2. เพื่อศึกษาปัจจัยการสื่อสารทางการตลาดส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ผู้เข้ามาท่องเที่ยวเชิงเกษตรฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค จำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การทดสอบเอฟ และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า ตัวอย่างมีความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านการสื่อสารการตลาด ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การโฆษณา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ การตลาดดิจิทัล และการให้ข่าวประชาสัมพันธ์ ตามลำดับ</p> <p>สำหรับผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศมีผลต่อการตัดสินใจเข้าใช้บริการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อย่างมีนัยสำคัญที่ 0.05 และปัจจัยการสื่อสารการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าใช้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คมากที่สุด คือ การให้ข่าวประชาสัมพันธ์ (Beta = 0.566) รองลงมา คือ การตลาดดิจิทัล (Beta = 0.280) และการโฆษณา (Beta = 0.075) ตามลำดับ</p> <p>ผลจากการศึกษา ทำให้ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาแนวทางการกำหนดรูปแบบกิจกรรมสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถกำหนดกลยุทธ์แผนการตลาดและแนวทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว และเพื่อเป็นการกระตุ้นต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค และผลการศึกษานำไปสู่องค์ความรู้ในเชิงวิชาการในด้านการจัดการท่องเที่ยว สำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านอัตลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว ความหลากหลายของรูปแบบการท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว สถานที่พักแรมและการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปพักผ่อนในวันหยุดให้มากขึ้น</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/282359
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของข้าราชการส่วนบัญชาการ กองทัพอากาศ
2025-07-24T12:53:35+07:00
ณัฐรดา กฤษณคุปต์
natrada.kris@g.swu.ac.th
ทชภณ กุลิสร์
nakgulid@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีเพื่อศึกษาส่วนประสมการตลาด การรับรู้คุณลักษณะของนวัตกรรม และความตั้งใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของข้าราชการ ตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือ ข้าราชการส่วนบัญชาการ กองทัพอากาศ ที่มีความสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 400 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานการวิจัยด้วยสถิติ Independent Sample t-test, One Way ANOVA (F-test), Brown-Forsythe และ Multiple Regression Analysis ผลการวิจัย พบว่า ผู้บริโภคเป็นข้าราชการที่มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป สายงานด้านยุทธการ การข่าว และกำลังพล มีความตั้งใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด โดยข้าราชการมีความคิดเห็นเกี่ยวกับส่วนประสมการตลาด ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการจำหน่ายอยู่ในระดับดี และผลิตภัณฑ์ ราคา และช่องทางการจัดจำหน่าย มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของข้าราชการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสามารถอธิบายได้ร้อยละ 51.2 ส่วนข้าราชการมีการรับรู้คุณลักษณะของนวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย คุณลักษณะผลประโยชน์ที่ได้รับจากนวัตกรรม คุณลักษณะการเข้ากันได้ คุณลักษณะความซับซ้อน คุณลักษณะสามารถทดลองใช้ และคุณลักษณะการสังเกตได้อยู่ในระดับมาก และมีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสามารถอธิบายได้ร้อยละ 69.9</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/281332
อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้าที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสดในจังหวัดพัทลุง
2025-08-04T10:26:24+07:00
สิริยากร พิพิธภัณฑ์
66052515120@student.sru.ac.th
อัจฉราวรรณ รัตนพันธ์
atcharawan.ratt@gmail.com
<p>งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาการรับรู้คุณค่าตราสินค้าชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง 2. เพื่อศึกษากระบวนการตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง 3. เพื่อศึกษาอิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้าที่ส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร คือ ผู้บริโภคชิ้นส่วนไก่สดในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็นแบบสะดวก จำนวน 385 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติที่ใช้ในการทดสอบ คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และวิเคราะห์สมการถดถอย ผลการวิจัย พบว่า อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้าส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง ในระดับสูงมากทุกด้านอย่างนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 สมมติฐานข้อที่ 1 อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าตราสินค้าส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อชิ้นส่วนไก่สดของผู้บริโภคในห้างโมเดิร์นเทรดหมวดอาหารสด ในจังหวัดพัทลุง</p> <p>ประโยชน์ที่ได้จากงานวิจัยครั้งนี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งในห้างโมเดิร์นเทรด และผู้ประกอบการรายย่อยเข้าใจปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการรับรู้คุณค่าตราสินค้าชิ้นส่วนไก่สด โดยเฉพาะสินทรัพย์ตราสินค้าที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าที่ชัดเจนเพื่อเสริมความเชื่อมั่นและความภักดีของผู้บริโภค นอกจากนี้ การรักษาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตตามกฎหมาย ยังเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ผู้ประกอบการจึงสามารถใช้ข้อมูลนี้พัฒนากลยุทธ์การตลาดและสื่อสารจุดเด่นตราสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดที่แข่งขันสูงได้อย่างตรงเป้าหมาย</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/282108
การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ของกองทุน ETF ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และกองทุน ETF แบบดั้งเดิม โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ในช่วงปี พ.ศ. 2563–2567
2025-07-24T16:05:48+07:00
ชาคริต คำเรือ
chakhrit.khu@ku.th
ณัฐวุฒิ คูวัฒนเธียรชัย
fbusnwk@ku.ac.th
<p>การวิจัยนี้มุ่งศึกษาประสิทธิภาพเชิงกลยุทธ์ของกองทุน ETF ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เปรียบเทียบกับกองทุนแบบดั้งเดิม โดยอ้างอิงข้อมูลจากกองทุนที่จดทะเบียนและซื้อขายในตลาดทุนสหรัฐอเมริกา ภายใต้บริบทของความผันผวนทางเศรษฐกิจในช่วงปี พ.ศ. 2563–2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่องของตลาด การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุน และตรวจสอบผลกระทบของปัจจัยเชิงเดี่ยวและเชิงปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อประสิทธิภาพการลงทุน โดยเน้นความสัมพันธ์ระหว่างค่าใช้จ่ายกับความเสี่ยง และระหว่างสัญญาณโมเมนตัมกับผลตอบแทน ตลอดจนเสนอกรอบการวิเคราะห์ที่รองรับตรรกะเชิงสัมพันธ์ของตัวแปรในระดับแบบจำลอง</p> <p>ผลการศึกษาจากข้อมูลรายเดือนของกองทุนตัวแทนชี้ให้เห็นว่า กองทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีประสิทธิภาพด้านผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงเหนือกว่ากองทุนแบบดั้งเดิมในหลายช่วงเวลา โดยเฉพาะภายใต้ภาวะความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายและระดับความเสี่ยงมีบทบาทร่วมกันต่อความสามารถในการสร้างผลตอบแทน ขณะที่สัญญาณโมเมนตัมสัมพันธ์กับพฤติกรรมผลตอบแทนของกองทุน นอกจากนี้ สภาพคล่องของตลาดยังมีความเชื่อมโยงกับความสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงของพอร์ต แบบจำลองเชิงตรรกะที่ใช้ในการวิเคราะห์ให้ค่าความน่าเชื่อถือทางสถิติอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ และสนับสนุนข้อสรุปเชิงกลยุทธ์ว่าการผสานตรรกะที่ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรช่วยให้กองทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ปรับกลยุทธ์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับกองทุนแบบดั้งเดิม</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์