วารสารสุทธิปริทัศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal <p><strong>วารสารสุทธิปริทัศน์</strong></p> <p><strong>ISSN : 2730-2717 (online) ISSN : 2730-2709 (print)</strong></p> <p><strong>กำหนดออก :</strong> ปีละ 4 ฉบับ <br />ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม <br />ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน <br />ฉบับที่ 3 สิงหาคม-กันยายน <br />และฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม รวมทั้งฉบับพิเศษ (ถ้ามี)</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ </strong>วารสารมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความ ในด้านสังคมศาสตร์ อันได้แก่</p> <p><strong>สาขาวิชา </strong><strong>:</strong><strong><br /></strong>1. บริหารธุรกิจ การจัดการและการบัญชี<br />2. เศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติและการเงิน</p> <p><strong>สาขาวิชาย่อย :<br /></strong>1. ธุรกิจทั่วไป การจัดการและการบัญชี<br />2. การจัดการด้านกลยุทธ์และการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ที่เกี่ยวข้องกับทางธุรกิจ)<br />3. พฤติกรรมองค์กรและการจัดการทรัพยากรมนุษย์<br />4. เศรษฐศาสตร์ทั่วไป เศรษฐมิติ และการเงินและการบัญชี</p> มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ th-TH วารสารสุทธิปริทัศน์ 2730-2709 <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารสุทธิปริทัศน์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ</p> <p>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสุทธิปริทัศน์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารสุทธิปริทัศน์หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารสุทธิปริทัศน์ก่อนเท่านั้น</p> Designing your work life: คู่มือออกแบบชีวิตที่ใช่-งานที่ชอบ ด้วย design thinking https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/273915 เบญจวรรณ เบญจกรณ์ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 179 180 กระแสเงินสดกับการเติบโตของกิจการในสถานการณ์โควิดของ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/267564 <p>งานวิจัยนี้เป็นการศึกษากระแสเงินสดและขนาดของกิจการต่อการเติบโตของกิจการในสถานการณ์โควิด 19 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างการวิจัยนี้ใช้ข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2561-2564 จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 7,103 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ การวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์สถิติการถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน กระแสเงินสดจากการลงทุน และขนาดของกิจการมีผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของกิจการในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 (COVID-19) แสดงให้เห็นว่า กิจการที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การจัดหาเงิน และการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นรวมทั้งขนาดของกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 (COVID-19) ส่งผลให้การเติบโตของกิจการในเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากผู้บริโภคจะต้องมีการใช้เงินในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมายังชีพในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคส่งผลให้กิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นั้นมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นนั่นเอง</p> เปรมารัช วิลาลัย พรชนก เฉลิมพงษ์ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 11 19 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์ม TIKTOK ของเจเนอเรชันวาย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/270476 <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาส่วนประสมการตลาดออนไลน์ การรับรู้ถึงแบรนด์ ความภักดีในแบรนด์ และความรักในแบรนด์ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ของ Generation Y โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริโภคในกลุ่ม Generation Y ช่วงอายุระหว่าง 27-42 ปี โดยสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงกลุ่มที่เคยซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 400 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ของ Generation Y ได้แก่ ความรักในแบรนด์สินค้า รองลงมาคือการรับรู้ถึงแบรนด์ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว และความภักดีในตราสินค้า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยปัจจัยทั้ง 5 ด้าน สามารถร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ของ Generation Y ได้ร้อยละ 70.8 โดยนำตัวแปรทั้งหมดมาสร้างสมการถดถอยพหุคูณ ดังนี้</p> <p>Y = 0.098 + 0.285(Brand Love) + 0.237(Brand Awareness) + 0.167(Place) + 0.154(Privacy) + 0.132(Brand Loyalty)</p> ชญานิษฐ์ ฉวีวรรณภักดี ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 20 35 การศึกษาเปรียบเทียบการใช้เทคนิคลีนในร้านอาหารบุฟเฟต์ประเภทฮอตพอต กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/271140 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับความคิดเห็น การใช้เทคนิคลีนของผู้ประกอบการร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ประเภทฮอตพอทขนาดที่แตกต่างกัน 2. เปรียบเทียบการใช้เทคนิคลีน จำแนกตามขนาดร้านอาหารบุฟเฟต์ ประเภทฮอตพอตที่แตกต่างกัน โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 3 จำนวน ที่แตกต่างกันทั้ง 3 ขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก 1 จำนวน ขนาดกลาง 1 จำนวน และ 1 ขนาดใหญ่ 1 จำนวน โดยใช้เกณฑ์พื้นที่ใช้สอยเป็นตัวกำหนดในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ วิเคราะห์ความแตกต่างระดับการใช้เทคนิคลีนด้วยสถิติการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน เพื่อตรวจสอบเทคนิคลีนทั้ง 8 ด้าน ผลการวิจัยพบว่า ร้านอาหารบุฟเฟต์ประเภทฮอตพอต มีการใช้เทคนิคลีนที่แตกต่างกันตามขนาดของร้านและ ปัจจัยที่มีผลต่อความแตกต่างของการนำแนวคิดลีนต่อร้านอาหารทั้ง 3 ขนาดแตกต่างกันคือ ร้านขนาดเล็กยังขาดการนำแนวคิดการจัดการแบบลีนมาใช้ในด้านระบบปฎิบัติการ เช่น การขาดการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ไม่มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ พนักงานขาดประสิทธิภาพ และพนักงานมี Turnover Rate สูง ร้านขนาดกลางยังขาดการนำแนวคิดการจัดการแบบลีนมาประยุกต์ใช้ในด้านการปรับแต่งเครื่องมือด้วยตนเองอย่างเหมาะสม เช่น กล่องระบบตัด Compressor ของเครื่องปรับอากาศ การลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาโดยใช้หัวจ่ายน้ำระบบฉีดสเปรย์ ร้านขนาดใหญ่มีการนำแนวคิดและเทคนิคต่าง ๆ ของลีนนำมาใช้อย่างหลากหลาย แต่ยังสามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยด้านระบบปฎิบัติการ ด้านการเคลื่อนไหวของพนักงานและ ด้านการปรับแต่งเครื่องมือด้วยตนเองอย่างเหมาะสม พบว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารบุฟเฟต์ประเภทฮอตพอตจะมีการเข้มงวดและเน้นย้ำเรื่องปัจจัยการลดค่าใช้จ่าย ด้านการควบคุมวัตถุดิบและด้านการเตรียมวัตถุดิบ แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้ง 3 ขนาด ยังต้องทำความเข้าใจและตระหนักรู้ในการนำแนวคิดแบบลีนมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนในหลาย ๆ ด้าน เพื่อศึกษาเพิ่มพูนความรู้เทคนิคต่าง ๆ อันจะส่งผลทำให้การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มากขึ้น</p> ภควัต ไศละสูต เทียน เลรามัญ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 36 50 ความสัมพันธ์เชิงอิทธิพลของส่วนประสมการตลาดบริการและการจูงใจของมาสโลว์ที่มีต่อ การตัดสินใจซื้อซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์ของผู้ประกอบไทยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/272051 <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาส่วนประสมการตลาดบริการ การจูงใจของมาสโลว์ และการตัดสินใจซื้อ 2. ศึกษาสหสัมพันธ์ของส่วนประสมการตลาดบริการต่อการตัดสินใจซื้อ 3. ศึกษาสหสัมพันธ์ของการจูงใจของมาสโลว์ต่อการตัดสินใจซื้อ 4. ศึกษาความสัมพันธ์เชิงอิทธิพลของการจูงใจของมาสโลว์และส่วนประสมการตลาดบริการที่มีต่อการตัดสินใจซื้อ ประชากรที่ศึกษา คือ ผู้ประกอบการไทยที่เคยหรือไม่เคยใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปออนไลน์ที่มีรายชื่อในสำนักงานบัญชี และอาศัยอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งทราบขนาดประชากรที่แน่นอน ใช้ขนาดตัวอย่าง 400 คน อธิบายข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงเส้นพหุคูณ ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05</p> <p>ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การจูงใจของมาสโลว์ (<em>r </em>= 0.709) มีสหสัมพันธ์เชิงบวกในระดับค่อนข้างสูงต่อการตัดสินใจซื้อมากกว่าส่วนประสมการตลาดบริการ (<em>r</em> = 0.678) อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง และพบว่า ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า (Beta=0.287) ความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งและได้รับความรัก (Beta = 0.252) ความต้องการความปลอดภัย (Beta=0.238) บุคลากร (Beta=0.180) และหลักฐานทางกายภาพ (Beta = 0.150) มีความสัมพันธ์เชิงอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมีนัยสำคัญยิ่ง ในทางกลับกัน ราคา (Beta = <strong>-</strong>0.219) มีอิทธิพลทางลบต่อการตัดสินใจซื้อ อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ ตัวแปรสามารถพยากรณ์การตัดสินใจซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปออนไลน์ได้ถูกต้อง ร้อยละ 60.4</p> ปิยะวิทย์ ทิพรส สมาน ชาติชาย พีระพล บูรณะมนตรี Shujian Yin Ying Chen Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 51 70 ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาด คุณลักษณะของเทคโนโลยี AR และความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม AR ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภค Generation Z ในกรุงเทพมหานคร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/270746 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภคเจเนอเรชั่น ซี ในกรุงเทพมหานคร จำแนกตามข้อมูลประชากรศาสตร์ 2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาดกับความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภคเจเนอเรชั่น ซี ในกรุงเทพมหานคร 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม กับความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภคเจเนอเรชั่น ซี ในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา คือ กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่มีอายุเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2538-2558 หรือ เจเนอเรชั่น ซี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ที่พัฒนาโดย Google ฟอร์ม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติเชิงพรรณนา และทดสอบสมมติฐานด้วยค่าสถิติเชิงอนุมาน</p> <p>ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ผู้บริโภค Generation Z ในกรุงเทพมหานครที่มีลักษณะด้านประชากรศาสตร์ การศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือนแตกต่างกัน มีความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายออนไลน์ที่แตกต่างกัน ส่วนเพศ และสถานภาพที่แตกต่างกัน มีความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายออนไลน์ที่ไม่แตกต่างกัน โดยส่วนประสมทางการตลาด มีความสัมพันธ์ต่อความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภค Generation Z ในกรุงเทพมหานคร ด้านคุณลักษณะของเทคโนโลยี AR มีความสัมพันธ์ต่อความตั้งใจซื้อสินค้าแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภค Generation Z ในกรุงเทพมหานคร</p> ศรายุทธ กองกานต์รุจิ จิราพร ชมสวน วริศรา แหลมทอง Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 71 86 แนวทางการบริหารจัดการมลพิษของฟาร์มไก่เนื้อระบบปิด เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในจังหวัดนครราชสีมา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/272185 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการมลพิษของฟาร์มไก่เนื้อระบบปิด เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในจังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากเกษตรกรของฟาร์มไก่เนื้อในโรงเรือนระบบปิดในเขตพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 240 ตัวอย่าง ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทำการทดสอบสมมติฐานด้วย <br />t-test และ F-test ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการศึกษา พบว่า แนวทางการบริหารจัดการมลพิษจากฟาร์มไก่เนื้อระบบปิด เพื่อดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนตามความคิดเห็นของเกษตรกรในภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าเกษตรกรให้ความสำคัญกับด้านลักษณะของฟาร์มมากที่สุด รองลงมาคือด้านการจัดการฟาร์ม และด้านทำเลที่ตั้ง ตามลำดับ และผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ฟาร์มไก่เนื้อระบบปิดในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนคนงานในฟาร์ม ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจฟาร์มไก่ และจำนวนไก่ที่เลี้ยง แตกต่างกันมีแนวทางการบริหารจัดการมลพิษของฟาร์มไก่เนื้อระบบปิด เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนแตกต่างกัน (<em>p</em>≤0.001) โดยผู้ประกอบการฟาร์มไก่สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยนี้ไปเป็นแนวทางในการจัดการแก้ไขและป้องกันการเกิดมลพิษจากฟาร์มไก่เนื้อในโรงเรือนปิด (อีแวป) เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของชุมชนและผู้ประกอบการ</p> ปภัสรินทร์ อนันต์มณีชัย จรัญญา ปานเจริญ สุกัญญา สิงห์ตุ้ย Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 87 103 บทบาทพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการและทัศนคติของทันตแพทย์ในการดูแลต่อผู้รับบริการทางทันตกรรมเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/269100 <p>การค้นคว้าทางวรรณกรรมผ่านฐานข้อมูล “ScienceDirect” และ “Emerald” ชี้ให้เห็นว่า งานวิจัยที่เน้นศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับบริการคลินิกทันตกรรมนั้นมีค่อนข้างน้อย งานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบโครงสร้างแบบบูรณาการของตัวแปรด้านการรับรู้ ทัศนคติ คุณค่า และพฤติกรรม งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งสามารถอธิบายได้มากกว่าคุณภาพของบริการ ซึ่งเป็นหัวข้อวิจัยที่พบได้ทั่วไปในงานวิจัยที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานวิจัยนี้บูรณาการและทดสอบทางสถิติเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น พฤติกรรมการมีส่วนร่วมของลูกค้าและทัศนคติที่เอาใจใส่ของแพทย์ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติร่วมในการสร้างคุณค่าที่สำคัญที่มีผลต่อบริการทางทันตกรรม นอกจากนี้ ยังแสดงถึงลักษณะของค่านิยมที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความพึงพอใจ การสนับสนุน และความภักดีในแง่ของผลกระทบต่อการบริหาร ผลการศึกษาครั้งนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้บริหารคลินิกทันตกรรมที่ต้องการยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการให้บริการทางทันตกรรม โดยการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจและความภักดีของผู้ป่วย ผู้บริหารสามารถพัฒนากลยุทธ์ในเรื่องของการปรับปรุงการให้บริการและการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ป่วย นอกจากนี้ งานวิจัยชิ้นนี้ยังมีส่วนช่วยเพิ่มองค์ความรู้เดิมในสาขานี้ ด้วยการส่งเสริมความเข้าใจเชิงทฤษฎีและมอบหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวิจัยในอนาคต</p> นภัสดล เมืองมูล ฉัตรฤดี จองสุรียภาส ธฤตวัน เจริญพร Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 104 122 ประสิทธิภาพทางกำไรและการวางแผนภาษีที่ส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดัชนี 100 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/271103 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพทางกำไรและการวางแผนภาษีที่ส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนี 100 กลุ่มตัวอย่างคือ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนี 100 จำนวน 80 บริษัท โดยไม่รวมกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มธุรกิจการเงิน เนื่องจากมีลักษณะการดำเนินธุรกิจ มีข้อบังคับมาตรฐานรายงานทางการเงิน และหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทำการจัดเก็บข้อมูลแบบทุติยภูมิ โดยจัดเก็บจากรายงานทางการเงิน แบบ 56-1 และข้อมูลจาก SETSMART ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2565 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุดและต่ำสุด สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคุณ ผลการวิจัยพบว่า อัตราผลตอบแทนต่อยอดขาย (ROS) อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่แท้จริง (ETR) อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลต่อสินทรัพย์รวม (ETA) อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D_E) บริษัทตรวจสอบบัญชี (AUD) และขนาดของกิจการ (SIZE) มีอิทธิพลต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยดัชนี 100 ผลลัพธ์ที่ได้นี้มีประโยชน์ต่อนักลงทุนเพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาก่อนลงทุนอีกทั้งผู้บริหารธุรกิจยังสามารถนำไปใช้ไปในการวางแผนธุรกิจเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อการดำเนินงานได้ต่อไปในอนาคตให้เกิดประโยชน์สูงสุด</p> สุมาลี นามโชติ จักรกฤษณ์ มะโหฬาร สุพรรณรัตน์ มาศรัตน์ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 123 141 ปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจไม้ประดับ (ไม้ล้อม) เพื่อการส่งออกในประเทศไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/271124 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการ และปัจจัยเชิงกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดต่างประเทศของการส่งออกไม้ประดับ (ไม้ล้อม) เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการ จำนวน 10 ราย ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบครอบครัว ซึ่งจะส่งออกในประเทศแถบตะวันกลางเป็นหลัก โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการ ได้แก่ 1. ปัจจัยด้านบุคลากรเป็นปัจจัยหลักของธุรกิจ โดยทุกคนจะได้รับการสอนงาน และสามารถปฏิบัติงานเหมือนกันได้ทุกตำแหน่ง 2. ปัจจัยด้านเงินทุนจะมีค่าใช้จ่ายหลักเป็นค่าจ้างพนักงาน 3. ปัจจัยด้านวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์จะพบว่าต้นไม้ที่จัดจำหน่ายในบางช่วงของฤดูกาลมีความไม่สัมพันธ์กับความต้องการของตลาด โดยต้นไม้ล้อมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ต้นสะเดา และต้นหางนกยูง รองลงมา ต้นหูกระจง ต้นชงโค ต้นจามจุรีสีทอง และต้นคูณ 4. ปัจจัยด้านการบริหารจัดการพบว่า ผู้ประกอบการจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ตั้งแต่การแจกจ่ายงาน การวางแผนและจัดสรรเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมคุณภาพ และการควบคุมปริมาณได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างเป็นระเบียบและบรรลุผลสำเร็จได้ สำหรับปัจจัยเชิงกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ด้านการส่งออกทางตรง ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสกระจายสินค้าที่มีอยู่ในมือได้เพิ่มมากขึ้น สินค้ามีการหมุนเวียนอยู่ตลอด และจะไม่โดนบวกราคาจากตัวแทนกลาง แต่ข้อเสียเปรียบคือ ลูกค้าอาจผิดนัดชำระเงินและการจัดเตรียมเอกสารทั้งหมดด้วยตนเอง และด้านการส่งออกทางอ้อม ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลด้านการผิดนัดชำระเงิน ความเสี่ยงด้านการขนส่ง กฎข้อบังคับของแต่ละประเทศ และไม่ต้องรับผิดชอบหากต้นไม้ได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง แต่ข้อเสียเปรียบ คือ การไม่ได้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง และในระยะยาวการได้รับผลตอบแทนที่น้อยลง</p> วรดา เดชเกรียงไกร นิสิต มโนตั้งวรพันธุ์ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 142 165 อิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคแบรนด์ EP https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/270551 <p>การศึกษาวิจัยเรื่อง อิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคแบรนด์ EP มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มีต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคแบรนด์ EP การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยเลือกตัวอย่างเป็นผู้บริโภคเพศหญิง จำนวน 395 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมประมวลผลทางสถิติสำเร็จรูป ผลวิจัย พบว่า อิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้ง 5 ด้าน คือ ความดึงดูดใจ ความไว้วางใจ ความเชี่ยวชาญ ความเคารพและความเหมือนกับกลุ่มเป้าหมาย และความเหมาะสมของราคา ด้านการส่งเสริมการขาย การบริการของพนักงาน และการสื่อสารผ่านโซเชียล มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าของผู้บริโภคแบรนด์ <strong>EP</strong> อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> ญาดา ทวีศักดิ์ ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 166 178 การส่งเสริมการผสมผสาน: การพัฒนาและจัดการหลักสูตรศึกษาอิสลามสำหรับทิศทางการศึกษาของประเทศไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/DPUSuthiparithatJournal/article/view/269425 <p>บทความวิชาการนี้เกี่ยวกับ การพัฒนาหลักสูตรอิสลามศึกษาสำหรับบริบทที่มีความเฉพาะของการศึกษาในประเทศไทย โดยเสนอว่า การพัฒนาหลักสูตรควรมุ่งความสนใจที่ความซับซ้อนและความหลากหลายของสภาพแวดล้อม การเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยกรอบการพัฒนาหลักสูตรอิสลามศึกษาต้องเชื่อมโยงคุณค่าของศาสนาอิสลามและความเป็นไทย เช่น ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น ในบทความนี้ยังวิเคราะห์สถานการณ์การศึกษาอิสลามในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของการพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องการตอบสนองวัฒนธรรมทางมุสลิมยังคงมีความสำคัญและเป็นประเด็นที่ซับซ้อน นอกจากนี้บทความยังวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเข้าใจในต้นกำเนิดของประเทศไทยที่มีผลต่ออิสลามสมัยใหม่ โดยรวมแล้วการผสมผสานความต้องการของการศึกษาอิสลามต้องมีความสมดุล เนื่องจากความซับซ้อนและต้องมีการนำเสนอหลักสูตรที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย</p> อับดุลฮาฟิซ หิเล อาทิตย์ นูระบ๊าฟ อุสมาน มะดามิ Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-06-25 2024-06-25 38 2 1 10