วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR <p>นโยบายและกระบวนการวารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์</p> <p>Aims &amp; scope ของวารสาร </p> <p>วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์และเผยแพร่บทความวิจัย บทความวิชาการและบทวิจารณ์หนังสือที่เป็นภาษาไทยและมีข้อค้นพบ ข้อเสนอแนะที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงความคิดริเริ่มที่มีผลกระทบต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติในวงกว้าง อีกทั้งยังมุ่งหมายที่จะเป็นเวทีในการนำเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางสังคมศาสตร์ และสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนการศึกษา การสอน โดยเน้นสาขาวิชาพระพุทธศาสนา ปรัชญา สังคมและมนุษย์ศาสตร์ในเชิงประยุกต์การศึกษาเชิงนวัตกรรมประยุกต์ และด้านนวัตกรรมต่าง ๆ ตลอดจนสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและรวมถึงสหวิทยาการอื่น ๆ ทั้งนี้ บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ตามมาตรฐาน โดยที่ผู้อ่านไม่ทราบชื่อผู้เขียนและผู้เขียนไม่ทราบชื่อผู้อ่าน (double blind review) และต้องเป็นบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่วารสารอื่นมาก่อน วารสารนี้ออกเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ (มกราคม – เมษายน พฤษภาคม – สิงหาคม กันยายน – ธันวาคม)</p> <p>วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ ได้เริ่มจัดทำและตีพิมพ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 และได้เริ่มจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ซึ่งปัจจุบันวารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศนื ตามที่ศูนย์ดัชนี TCI ได้จัดกลุ่มคุณภาพวารสารที่ต้องการเข้าสู่ฐานข้อมูล TCI วารสารกลุ่มที่ 3 : วารสารที่ผ่านการรับรองคุณภาพของ TCI (จนถึง 31 ธันวาคม 2567) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI </p> <p>Online : 3057-1359</p> <p>วัตถุประสงค์ของวารสาร</p> <p>1. เพื่อนำเสนอบทความทางวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณภาพที่แสดงถึงประโยชน์ทั้งเชิงทฤษฎี (Theoretical Contributions) ที่นักวิจัยหรือผู้ที่สนใจสามารถนำไปพัฒนาหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ และประโยชน์ในเชิงปฏิบัติการ (Managerial Contributions) นักวิจัยหรือผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือต่อยอดการวิจัยที่ครอบคลุมเนื้อหาที่เป็นสหวิทยาการ โดยเน้นสาขาวิชาพุทธศาสนา ปรัชญา สังคมและมนุษย์ศาสตร์ในเชิงประยุกต์การศึกษาเชิงนวัตกรรมประยุกต์ และด้านนวัตกรรมต่างๆ ตลอดจนสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> <p>2. เพื่อให้บริการวิชาการแก่สังคมในการเป็นศูนย์กลางเผยแพร่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์การทำวิจัยและการพัฒนาผลงานวิชาการของนักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ ผู้บริหาร นักศึกษา นักธุรกิจ และประชาชนผู้สนใจการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั่วไป</p> <p>กระบวนการพิจารณา (Peer Review Process)</p> <p>บทความจากผู้ทรงคุณวุฒิวารสารมีกระบวนการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิก่อนตีพิมพ์ โดยบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารที่ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ลักษณะปกปิดรายชื่อ(Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร ส่วนบทความจากผู้นิพนธ์ภายนอกจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายใน หรือนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสารที่มีความเชี่ยวชาญในสาขา และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้นิพนธ์</p> <p>กำหนดเผยแพร่วารสาร (Publication Frequency)</p> <p>ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม – เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 เดือน พฤษภาคม – สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 เดือน กันยายน – ธันวาคม</p> <p>ระยะเวลาตีพิมพ์: ปีละ 3 ฉบับ ทั้งแบบรูปเล่มและออนไลน์ </p> <p>ค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์บทความ</p> <p>ข้อตกลงการส่งบทความตีพิมพ์ของวารสาร</p> <p>เมื่อผู้แต่งส่งต้นฉบับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกองบรรณาธิการ ผู้เขียนจะต้องชำระเงินค่าดำเนินการพิจารณาบทความเพื่อลงตีพิมพ์วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ จำนวน 4,000 บาท (บทความที่ถูกปฏิเสธการดำเนินการต่อจากการพิจารณาของกองบรรณาธิการได้ ทางวารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์จะไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากผู้แต่งในทุกกรณี ขอให้ผู้แต่งบทความควรตรวจสอบบทความของท่านให้มีความสอดคล้องกับขอบเขตการตีพิมพ์ที่เน้นการตีพิมพ์เรื่องพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ เมื่อต้นฉบับได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสาร สามารถชำระค่าส่งบทความเพื่อลงตีพิมพ์วารสารผ่านช่องทางบัญชีธนาคาร กรุณาโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาอยุธยา พาร์ค ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี มจร. หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต เลขที่ 633 2 50225 8 </p> <p>* หมายเหตุ* กรณีที่บทความไม่ผ่านการพิจารณาตีพิมพ์จากผู้ทรงคุณวุฒิ ทางวารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์จะไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากผู้แต่งในทุกกรณี ผู้เขียนสามารถขอคืนเงินค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ได้</p> <p>กระบวนการพิจารณาบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิ </p> <p>วารสารมีกระบวนการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิก่อนตีพิมพ์ โดยบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิในทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้รับการตรวจสอบทางวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) 3 ท่านต่อ 1 บทความ ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้มข้นในการประเมินคุณภาพบทความก่อนออกตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะ ในกรณีที่กองบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินบทความมีความเห็นว่าควรแก้ไข กองบรรณาธิการจะส่งคืนเพื่อให้เจ้าของบทความแก้ไข โดยจะยึดถือข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินเป็นเกณฑ์หลัก และหรือขอสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาไม่ตีพิมพ์ ในกรณีที่รายงานการวิจัย บทความทางวิชาการหรือบทความวิจัยโดยเน้นสาขาวิชาพุทธศาสนา ปรัชญา สังคมและมนุษย์ศาสตร์ในเชิงประยุกต์การศึกษาเชิงนวัตกรรมประยุกต์หรือไม่ผ่าน การพิจารณาของกองบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญ เมื่อบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ผู้เขียนจะได้รับลิ้งก์วารสารที่นำบทความลงตีพิมพ์ผลงานแล้ว พร้อมกับหนังสือรับรองการตีพิมพ์บทความในวารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์</p> <p>Journal History</p> <p>วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ โดยโครงการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยเริ่มจัดพิมพ์ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน</p> <p>บรรณาธิการ</p> <p>เล่มที่ 1: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 2: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 3: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 4: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 5: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 6: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 7: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 8: รองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ศุภษร</p> <p>เล่มที่ 9: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> <p>เล่มที่ 10: ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> <p>เล่มที่ 11: ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> <p>เล่มที่ 12: ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> <p>เล่มที่ 13: ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> <p>เล่มที่ 14: ผู้ช่วยศาสตร์จารย์ ดร.ตวงเพชร สมศรี</p> Project of The Doctoral Program of Buddhist Studies Graduate School Mahachulalongkornrajavidyalaya en-US วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ 3057-1359 <p>เรื่องลิขสิทธิ์/เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน</p> บทบรรณาธิการ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/280040 ตวงพัน สมศรี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-04-09 2025-04-09 6 2 กรรมตามสมอง https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/282284 สมพงษ์ สันติสุขวันต์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 104 111 สารบัญ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/283138 ตวงพัน สมศรี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 ลมหายใจแห่งการตื่นรู้ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/280095 <p>บทความนี้เป็นการนำเสนอวิธีการดับทุกข์ด้วยลมหายใจแห่งการตื่นรู้ตามแนวทางอานาปานสติ ธาตุลมเป็นหนึ่งในมหาภูตทั้ง 4 ธาตุทุกอย่างชื่อว่าเป็นอย่างเดียวกัน ด้วยความสามารถที่เป็นรูป เป็นมหาภูต เป็นธรรม และเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ถูกบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะเป็นทุกข์ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ พระพุทธเจ้าทรงค้นพบวิธีในการดับทุกข์ด้วยการเจริญอานาปาสนติกรรมฐาน 16 ขั้น เป็นกระบวนการฝึกสติอยู่กับปัจจุบัน เช่น กำหนดลมหายใจเข้าออก ลมถูกปลายจมูกก็รู้ ลมหายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ ผูกสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เรียกว่า อานาปานสติ คือ สติกำหนดลมหายใจเข้าและออก เมื่อทำสติเช่นนี้ต่อเนื่อง จะเกิดสมาธิ คือ จิต มีอารมณ์แนบแน่นอยู่กับลมหายใจ ผู้ที่เจริญอานาปานสติจึงมิใช่ว่าบำเพ็ญเพียงสมถกรรมฐานเท่านั้น แต่เป็นการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานด้วยที่ต่อเนื่องกันทีเดียว อานาปานสติจึงเป็นกรรมฐานที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง คุณค่าและประโยชน์ของอานาปานสติในชีวิตประจำวัน 4 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการพัฒนากายช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ (2) ด้านการพัฒนาจิตใจ ทำไห้เป็นผู้มีสุขภาพจิตสมบูรณ์ มีจิตแห่งความสุข (3) ด้านการพัฒนาสังคม ผู้ที่พัฒนากายและจิตที่ดีพร้อมที่จะเป็นกำลังเกื้อหนุนสังคมให้พัฒนายิ่งขึ้นไป และ (4) ด้านการพัฒนาปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลายตามเหตุปัจจัย รู้แจ้ง พ้นจากกิเลส ดับทุกข์ด้วยลมหายใจแห่งการตื่นรู้</p> พระครูโสภณ จารุวัตร (รัตนะ ฐานธมฺโม) ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 1 14 การตื่นรู้ในชีวิตประจำวันตามหลักปฏิจจสมุปบาท https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/278561 <p>การตื่นรู้ในชีวิตประจำวันเริ่มจากการสังเกตและเข้าใจว่าความคิด อารมณ์ และการกระทำทั้งหลายล้วนเกิดจากสาเหตุตามกระบวนการปฏิจจสมุปบาท การรู้เช่นนี้ทำให้สามารถจัดการกับทุกข์ได้ดีขึ้น ลดการสร้างเหตุที่จะนำไปสู่ทุกข์เพิ่มเติม และเลือกที่จะกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น การตื่นรู้ด้วยการฝึกสติในทุกกิจกรรม เจริญจิตภาวนา และพิจารณาความเกิดดับของความคิดจะทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยปัญญาและตื่นรู้ในทุกขณะ นอกจากนี้ การตื่นรู้ในชีวิตประจำวันยังช่วยให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ทั้งในความคิด การกระทำ และปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยจะสามารถเลือกตอบสนองอย่างมีสติและปัญญา แทนที่จะทำตามอารมณ์หรือความเคยชิน ทำให้ชีวิตมีประสิทธิภาพมากในด้านการทำงาน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการจัดการความเครียดได้ดี สามารถลดความทุกข์จากปัจจัยต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างรู้แจ้งเห็นจริง</p> <p> </p> <p>คำสำคัญ: การตื่นรู้; ชีวิตประจำวัน; ปฏิจจสมุปบาท</p> พระมหาทองสุข ปญฺญาวณฺโณ (พรมมีเดช) ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 15 29 โรคซึมเศร้าตามหลักโลกธรรม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/280099 <p>โรคซึมเศร้า คือ โรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งทางด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม สาเหตุของโรคซึมเศร้าที่พบบ่อยได้แก่ ความเครียด สภาพจิตใจที่เกิดจากการเลี้ยงดู การเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย การรักษาโดยทั่วไปมี 2 วิธีคือการใช้ยาและการรักษาทางจิตใจของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงโลกธรรม 8 เป็นธรรมดาของโลกที่ครอบงำสัตว์โลก และสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการคือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ โลกธรรมเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นทั้งแก่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้และผู้ได้เรียนรู้ ต่างกันที่คนพวกแรกย่อมไม่รู้ ไม่เข้าใจตามความเป็นจริง ลุ่มหลง ยินดียินร้ายปล่อยให้โลกธรรมเข้าครอบงำจิตใจเรื่อยไปไม่พ้นจากทุกข์ ส่วนผู้ได้เรียนรู้พิจารณาเห็นตามเป็นจริงว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่ตนล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดาตามกฎของไตรลักษณ์ อันเป็นที่มาของความทุกข์จากการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และตัวทุกข์เอง เมื่อใดก็ตามที่เราผิดหวังไม่สมหวัง เราควรพิจารณาตามหลักของโลกธรรม 8 แล้วยึดเอาความเป็นจริง เป็นปัจจัยเยียวยารักษาใจของเราให้หายทุกข์อันเป็นเหตุให้เกิดโรคซึมเศร้า</p> ฆริศา ไซอ่ำเอี่ยม พระราชวัชรคุณบัณฑิต พระอธิการยุทธนา อธิจิตฺโต วริทธิ์ตา จารุจินดา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 30 43 การส่งเสริมบทบาทสตรีไทยตามหลักโอวาท 10 ประการ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/279655 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการส่งเสริมบทบาทสตรีไทยตามหลักโอวาท 10 ประการใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านเศรษฐกิจ สตรีมีบทบาทในการประกอบอาชีพโดยยึดหลักสัมมาอาชีวะ ซื่อสัตย์ ขยัน และประหยัด 2) ด้านศีลธรรมและจริยธรรม เน้นการประพฤติชอบตามศีล 5 และความกตัญญู 3) ด้านสังคม สตรีมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนที่สงบสุขด้วยเมตตา กรุณา และอุเบกขา 4) ด้านการหย่าร้างและความรุนแรงในครอบครัว ใช้หลักขันติ ให้อภัย และการสื่อสารอย่างสันติ 5) ด้านการเลี้ยงดูบุตร สตรีเป็นครูคนแรกของลูก โดยปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่วัยเยาว์ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการน้อมนำหลักโอวาท 10 ประการมาใช้เสริมสร้างบทบาทสตรี ช่วยเสริมความมั่นคงของครอบครัว สร้างสังคมที่มีคุณภาพ และส่งเสริมความยั่งยืนทางสังคมโดยรวม</p> กรกมล เอื้อวิวัฒน์สกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 44 60 ความเชื่อเรื่องพิธีกรรมการหล่อพระวิถีพุทธยุคใหม่ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/282190 <p>บทความวิชาการเรื่องความเชื่อเรื่องพิธีกรรมการหล่อพระวิถีพุทธยุคใหม่นี้ พิธีประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1.พิธีบูชาฤกษ์ บวงสรวงสังเวยเทวดา 2.พิธีเจริญพระพุทธมนต์ 3.พิธีเททอง การหล่อพระในวิถีปัจจุบันมาจากความเชื่อและความศรัทธาอันแรงกล้าของผู้สร้าง มีความมุ่งหวังของอานิสงค์ของการหล่อพระ ซึ่งได้บุญตั้งแต่ที่คิดสร้างอันประกอบด้วยศรัทธาจัดเป็นตถาคตโพธิศรัทธา เมื่อบริจาคทรัพย์ในการสร้างจัดเป็น ทานบารมี เมื่อขวนขวายติดตามงานสร้างพระปฏิมาจัดเป็นกุศลส่วนไวยาวัจจมัย การส่งเสริมพุทธศิลป์ให้เจริญแพร่หลายเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา ด้านของสังคมนั้น ความเชื่อเรื่องพิธีกรรมการหล่อพระวิถีพุทธใหม่ การเททองหล่อพระก่อให้เกิดความสามัคคีของชุมชน พิธีกรรมการหล่อพระจะกลายเป็นเรื่องเล่าขานของคนในชุมชน เป็นตำนานประวัติของพระพุทธรูปองค์นั้น จิตจะนึกถึงพระอยู่เสมอ เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน ความอิ่มเอมใจความสุขส่งผลให้ไฟแห่งศรัทธาพระพุทธศาสนามิจางคลาย คงดำรงมั่นอยู่กับพุทธศาสนิกชนตลอดไป</p> กันธิมา เผือกเจริญ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 ุ61 75 การบริโภคอาหารไร้สารพิษตามหลักโภชเนมัตตัญญุตา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/282227 <p>การบริโภคอาหารไร้สารพิษตามหลักโภชเนมัตตัญญุตาเป็นแนวทางที่เน้นความพอเหมาะพอควรในการบริโภค โดยให้ความสำคัญกับอาหารที่ปลอดภัย ปราศจากสารพิษ และมีคุณค่าทางโภชนาการ อันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกปฏิบัติธรรม นำไปสู่สุขภาวะที่สมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ หลักการสำคัญประกอบด้วยการบริโภคแต่พอดี ไม่ยึดติดในรสชาติ และเลือกอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แนวทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การเลือกอาหารที่ปลอดภัย การปลูกพืชผักบริโภคเอง และการหลีกเลี่ยงสารเคมี ซึ่งส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรคภัย และเสริมสร้างความสมดุลในชีวิต อันเป็นรากฐานของความสุขที่ยั่งยืน นอกจากนี้ การปฏิบัติตามหลักโภชเนมัตตัญญุตายังช่วยส่งเสริมความตระหนักรู้ในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การบริโภคอย่างมีจิตสำนึกและการดำรงชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ และเกื้อกูลต่อสังคมโดยรวม</p> ยลศิริ ดำช่วย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 76 90 แนวทางการบริโภคปัจจัย 4 เพื่อให้เห็นคุณค่าแท้ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/JBIR/article/view/282193 <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริโภคปัจจัย 4 เพื่อให้เห็นคุณค่าแท้ ได้แก่จีวร อาหารบิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัช ซึ่งพระสงฆ์ได้พิจารณาจีวรโดยแยบคาย จึงใช้จีวร เพียงเพื่อกำจัดหนาว ร้อน สัมผัสแห่งเหลือบยุง ลมแดด สัตว์เลื้อยคลาน เพียงเพื่อปกปิดอวัยวะที่ควรละอาย อาหารบิณฑบาต พระสงฆ์พิจารณาโดยแยบคาย จึงฉันบิณฑบาต มิใช่เพื่อสนุกสนาน มิใช่เพื่อมัวเมา มิใช่เพื่อประดับ มิใช่เพื่อตกแต่ง เพียงเพื่อความดำรงอยู่แห่งร่างกาย เพื่อกำจัดความลำบาก เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ด้วยคิดว่า เราจะกำจัดเวทนาเก่า และไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น การมีชีวิตเป็นไปจักมีแก่เรา พร้อมทั้งความไม่เป็นโทษ และความอยู่ผาสุก พระสงฆ์พิจารณาโดยแยบคาย จึงเสพเสนาสนะ เพียงเพื่อกำจัดหนาว ร้อน สัมผัสแห่งเหลือบยุง ลมแดด และสัตว์เลื้อยคลาน เพียงเพื่อบรรเทาอันตรายจากฤดูกาล เพื่อได้ความรื่นรมย์ในการหลีกเร้นสำหรับภาวนา พระสงฆ์พิจารณาโดยแยบคายจึงเสพคิลานเภสัชเป็นปัจจัยสำหรับบำบัดความป่วย ไข้ เพื่อกำจัดเวทนาทั้งหลายเนื่องจากอาพาธต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว เพื่อความเป็นผู้ไม่มีอาพาธเบียดเบียน มีเป้าหมายที่สำคัญ คือ พิจารณาอย่างมีสติ และสันโดษ ไม่บริโภคตามกิเลสตัณหา มีโยนิโสมนสิการ บริโภคเพื่อดำรงชีพ ยังอัตภาพให้เป็นอยู่ได้ และเจริญสมณธรรม เพราะเป้าหมายของพรหมจรรย์อยู่ที่การบรรลุธรรม ปัจจุบันการบริโภคปัจจัย 4 เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงควรส่งเสริมการนำพุทธประสงค์ในการบริโภคปัจจัย 4 ให้พระสงฆ์ได้ตระหนักรู้และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อให้เห็นคุณค่าแท้และเป็นสังคมต้นแบบในยุคบริโภคนิยมต่อไป</p> พระปรีชา ขนฺติพโล (ท้าวบุบผา) ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพุทธนวัตกรรมปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-25 2025-08-25 6 2 91 103