https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/issue/feed วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ 2023-12-26T00:00:00+07:00 พระสมุห์สมโภชน์ อินฺทวิริโย, ดร. [email protected] Open Journal Systems <p><strong>วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์</strong></p> <p> เป็นวารสารวิชาการมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อส่งเสริมการผลิตผลงานวิชาการ การศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่บทความต่าง ๆ ในสาขาวิชาที่วิทยาสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ เปิดสอนและมีความสัมพันธ์ ได้แก่ (1) พระพุทธศาสนาและปรัชญา (2) วิปัสสนาภาวนา (3) รัฐประศาสนศาสตร์และรัฐศาสตร์ รวมทั้งสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 2) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้พระพุทธศาสนากับศาสตร์สมัยใหม่ ตลอดถึงการบูรณาการสหวิทยาการต่าง ๆ ของคณาจารย์ บุคลากร นิสิตของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานอื่น อันเป็นการบริการวิชาการแก่สังคม 3) เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ และสร้างความร่วมมือในการบูรณาการการเรียนการสอนกับการเผยแพร่ผลงาน องค์ความรู้ของคณาจารย์ บุคลากรและนิสิตในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย</p> <p> ทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิแบบ Double-blind 3 ท่าน เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยรับพิจารณาต้นฉบับของบุคคลทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย กำหนดตีพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ (ราย 4 เดือน)</p> <p><strong>วารสารจะกำหนดออกเผยแพร่ </strong></p> <p> ปีละ 3 ฉบับ (4 เดือนต่อฉบับ)</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม</p> https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/268992 การแสวงบุญ ณ สังเวชนียสถาน กับการพัฒนาศรัทธาตามหลักพระพุทธศาสนา 2023-11-28T13:34:01+07:00 พระสุภกิจ สุปญฺโญ [email protected] พระ เมธีปริยัติวิบูลย์ [email protected] <p>บทความนี้ ต้องการนำเสนอให้เห็นว่า “ศรัทธา” เป็นหลักคำสอนที่มีความสำคัญของพระพุทธศาสนาเป็นหลักความจริงที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ให้คู่กับปัญญา ซึ่งเรียกว่า ศรัทธาเพื่อปัญญา แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงสอนให้คนมีศรัทธา แต่ศรัทธาของพระองค์นั้นต้องผ่านการพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญาให้รอบคอบเสียก่อน สังเวชนียสถาน คือ สถานที่ที่ซึ่งมาแล้วทำให้เกิดการการกระตุ้นเตือนใจสำหรับคนที่มีศรัทธาจะทำให้เกิดการกระตุ้นเตือนจิตใจของตนเอง ทำให้ตื่นมามองดูสิ่งที่ไม่เคยมอง ทำให้นึกได้ถึงสิ่งที่ไม่ได้นึก เพราะผู้ที่มีศรัทธาในปัญญาตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้าที่เราเรียกว่าเป็นชาวพุทธนั้น บางครั้งหรือหลายครั้งก็ประมาทไปพระองค์ ทรงแสดงธรรมะ กระตุ้นเตือนจิตใจให้มานึกถึงธรรมะ ให้มานึกถึงความจริง หรือแม้เห็นเหล่าพระอรหันต์ที่ท่านเดินทางจาริก ท่านเหล่านั้นเป็นผู้หมดจดจากกิเลสแล้ว ได้ทำประโยชน์ตนอย่างสูงสุด คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาแล้ว ก็กระตุ้นเตือนตัวเองว่าควรพัฒนาศรัทธาเพื่อปัญญาให้ดีที่สุด</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/269093 เครือข่ายนโยบายสาธารณะ: กรณีศึกษากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 2023-12-06T10:10:38+07:00 เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม [email protected] <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเครือข่ายนโยบายสาธารณะ กรณีศึกษากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเน้นการพิจารณาการปฏิบัติงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ มีการสร้างเครือข่ายนโยบายสาธารณะใน 3 มิติ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กร ประกอบด้วย (1) เครือข่ายด้านสุขภาพ<br />เป็นเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมีความหลากหลายและถูกแบ่งออกเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคม มีหน้าที่จัดตั้งหรือได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ทั้งทางตรงและทางอ้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีบทบาทและหน้าที่ต่าง ๆ (2) เครือข่ายด้านวิชาการ เกี่ยวข้องกับด้านวิชาการมีทั้งเครือข่ายประชาสังคมแบบจัดตั้งและสนับสนุน รวมถึงเครือข่ายประชาสังคมภาครัฐ เครือข่ายประชาสังคมประกอบด้วยหลายหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีการร่วมมือกับหลายสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัย และ (3) เครือข่ายด้านสังคม เครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับด้านสังคมมีการแบ่งเป็นเครือข่ายประชาสังคมแบบจัดตั้งและสนับสนุน และเครือข่ายประชาสังคมภาครัฐ ในเครือข่ายประชาสังคมมีหน่วยงานที่มุ่งเน้นการพัฒนานโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่หลากหลาย เครือข่ายภาครัฐมีร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความชำนาญในการดำเนินนโยบายสาธารณะ</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/268138 แนวทางการส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียนของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ กลุ่ม 1 สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 2023-10-13T20:09:44+07:00 อัญชลี กะการดี [email protected] ปรเมศร์ กลิ่นหอม [email protected] มิตภาณี พุ่มกล่อม [email protected] <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาค่าระดับการส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียน และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียน ของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์กลุ่ม 1 สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยผสมผสาน ใช้กรอบแนวคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการเป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัย คือ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ กลุ่ม 1 สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำนวน 184 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน ที่ระดับค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 95 โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ จำแนกตามกลุ่มของสถานศึกษา และผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการสนทนากลุ่ม จำนวน 10 คน คัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด คือ 1) แบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67-1.00 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.77 และ 2) ประเด็นการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติวิเคราะห์ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการสรุปการสนทนากลุ่มใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาแล้วเขียนบรรยายเชิงพรรณนา<br />ผลการวิจัยพบว่า 1) การส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียน ของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ กลุ่ม 1 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีการปฏิบัติในระดับมากที่สุด คือ ด้านความสามารถในการสื่อสาร ส่วนด้านที่มีการปฏิบัติในระดับมาก เรียงตามค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ ด้านความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ด้านความสามารถในการแก้ไขปัญหา และด้านความสามารถในการคิด ตามลำดับ 2) แนวทางการส่งเสริมทักษะชีวิตนักเรียน ของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ กลุ่ม 1 สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ดังนี้ 1) ด้านความสามารถในการสื่อสาร โรงเรียนควรส่งเสริมและให้ความสำคัญด้านการสื่อสาร ฝึกให้นักเรียนมีทักษะการสื่อสารแบบสองทาง จัดการเรียนรู้ควบคู่กันทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่งเสริมให้มีการสื่อสารให้ถูกต้องเหมาะสมในฐานะผู้ส่งสารและผู้รับข้อมูลข่าวสาร 2) ด้านความสามารถในการคิด โรงเรียนต้องจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนส่วนใหญ่มีความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบกิจกรรมตามความถนัดของนักเรียนให้สามารถออกแบบชิ้นงานด้วยตนเองได้ ผลงานการสร้างสรรค์มีหลากหลาย จัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียนคิดเชิงบวก ใช้ความรอบรู้ ใช้ความคิดรอบคอบระมัดระวัง 3) ด้านความสามารถในการแก้ปัญหา โรงเรียนควรมีการส่งเสริมการสร้างกระบวนความคิด กระบวนการจัดการเรียนรู้ ความเข้าใจในสถานการณ์ของสังคมที่เกิดขึ้น 4) ด้านความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต โรงเรียน ครูผู้สอน ควรส่งเสริมนักเรียนให้เกิดทักษะความเป็นผู้นำ มีการวิเคราะห์และแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เกิดการเรียนรู้ทักษะการทำงานประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน 5) ด้านความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โรงเรียนควรมีการส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสร้างผลผลิตและการขายผลผลิตผ่านสื่อสังคมออนไลน์</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/269140 การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี 2023-11-28T13:29:22+07:00 นฤมล วอนเพียร [email protected] อดิเทพ ประดับแก้ว [email protected] พชร วรรณภิวัฒน์ [email protected] <p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี และ 2) ศึกษาแนวทางการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรีในอนาคต เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 175 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์นำเสนอโครงการโดยการแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ระดับการบริหารขององค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วยด้านผู้บังคับบัญชา และองค์การ มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 3.62, S.D = 0.72) และด้านบุคลากร<br />มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.00, S.D = 0.81)</p> <p>ข้อเสนอแนะ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความต้องการให้การบริหารเป็นไปตามงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้มีประสิทธิภาพต่อภารกิจที่ครอบคลุมทุก ๆ ด้าน และนำเทคโนโลยีนำเข้ามาใช้ภายในองค์การ เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน ควรมีการสั่งการอย่างเป็นระบบตามลำดับขั้น เน้นจุดสำคัญ เรียงลำดับความสำคัญของงาน และเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกอง/ฝ่าย/สำนักงาน ภายในองค์การ จึงต้องจัดให้มีกิจกรรมหรือโครงการ เช่น การจัดกิจกรรมนันทนาการ เพื่อให้เกิดความผูกพัน และสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การ เป็นต้น</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/263858 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและทักษะในยุคดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุง เพชร ระ นคร 2023-03-28T20:56:09+07:00 ณฐาพัชร์ วรพงศ์พัชร์ [email protected] เบญจมาศ หมื่นสาย [email protected] <p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุงเพชรระนคร 2. เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับทักษะในยุคดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุงเพชรระนคร จําแนกตามระดับการศึกษาประสบการณ์การทำงาน และขนาดของสถานศึกษาจําแนกตามระดับการศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณมีเครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือครูและผู้บริหารในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเพชรระนคร จำนวน 103 คน กำหนดขนาดโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกนได้มาจากวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น ตามสัดส่วนของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุง เพชร ระ นคร แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบโดยการทดสอบค่าที (t-test) และการทดสอบค่าสถิติค่าเอฟ แล้วนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากเอกสารวรรณกรรม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับทักษะในยุคดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุงเพชรระนคร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ประสบการณ์การทำงานของผู้บริหารและครูในสถานศึกษามีความแตกต่างกัน ขนาดของสถานศึกษามีความแตกต่างกัน แต่ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บุคคลเดียวอาจต้องทำงานหลายอย่าง</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์