วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor <p><strong>วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์</strong></p> <p> มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการ วารสารมุ่งเน้นบทความทางด้านพุทธศาสนาสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ การท่องเที่ยว ศิลปกรรมด้านการศึกษา นวัตกรรมการศึกษา นวัตกรรมการบริหารการศึกษา หลักสูตรและการสอน ศิลปศาสตร์ และการศึกษาเชิงประยุกต์ เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p> ทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิแบบ Double-blind 3 ท่าน เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยรับพิจารณาต้นฉบับของบุคคลทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย กำหนดตีพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ (ราย 4 เดือน)</p> <p><strong>วารสารจะกำหนดออกเผยแพร่ </strong></p> <p> ปีละ 3 ฉบับ (4 เดือนต่อฉบับ)</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม</p> <p> <img src="https://so05.tci-thaijo.org/public/site/images/kanchanaburi/999.gif" /> ฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม</p> มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ th-TH วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ 3027-6802 การกำหนดรู้เวทนาตามหลักสติปัฏฐาน 4 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/270784 <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกำหนดรู้เวทนาตามหลักสติปัฏฐาน 4 เป็นการปฏิบัติวิปัสสนา สติปัฏฐาน 4 เพื่อการนำมาใช้เพ่งพิจารณาตามความเหมาะสมกับจริตของแต่ละบุคคล คือ การพิจารณาร่างกาย (กายานุปัสสนา) การพิจารณาความรู้สึก (เวทนานุปัสสนา) การพิจารณาจิต (จิตตานุปัสสนา) และการพิจารณาธรรม (ธรรมานุปัสสนา) ตามหลักของเวทนาในสติปัฏฐาน 4 หมายถึง อารมณ์ของสติปัฏฐาน เรียกว่า เวทนานุปัสสนา คือ เมื่อพิจารณาเวทนาก็ต้องพิจารณาที่เวทนา ไม่เผลอไปพิจารณากาย จิต หรือธรรมในขณะที่พิจารณาเวทนา ก็คือ การรู้เท่าทันต่อเวทนาที่เกิดขึ้น ก็เพื่อรู้แจ้งรู้เห็นความเป็นไปของ ไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น อนัตตา ไม่หลงไปตามกระแสอารมณ์เวทนา ย่อมทำลาย อภิชฌาโทมนัส ความโลภ โกรธ หลง กิเลส ตัณหา โดยมีสติ สัมปชัญญะเป็นตัวระลึกรู้ ตัดกระแสเวทนาที่เกิดขึ้นในจิต เพื่อให้เกิดปัญญา เป็นหนทางที่จะทำให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง หรือถึงพระนิพพานได้ นั่นคือ การบรรลุธรรมต้องเป็นการบรรลุธรรมอันเกิดมาจากการเจริญสติปัฏฐานที่ถูกต้อง ดังนั้น หากปราศจากสติปัฏฐานแล้ว ก็ยากที่จะพ้นทุกข์ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้</p> พระธีระวัฒน์ ฌานวโร (เฮงสกุล) Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 71 78 การพัฒนากระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกการพัฒนาครูเครือข่ายเชิงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/271091 <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพพึงประสงค์ของการพัฒนาครูเครือข่ายพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี 2) พัฒนากระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกการพัฒนาครูเครือข่ายเชิงพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษาตามประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา 3) จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายกระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกการพัฒนาครู เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mix Method) กลุ่มเป้าหมายการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ได้แก่ สถาบันผลิตครูและสถานศึกษา จำนวน 45 คน โดยเฉพาะเจาะจงผู้ให้ข้อมูล (Purposive Sampling) ผู้ทรงคุณวุฒิยืนยันกระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกรอบที่ 1 จำนวน 15 คน ผู้ทรงคุณวุฒิรอบที่ 2 จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบเก็บรวบรวมข้อมูล แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าเฉลี่ยของความต้องการจำเป็น (PNI<sub>modified</sub>)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <p>1) สภาพปัจจุบันและสภาพพึงประสงค์ 1.1) ผลจากสถาบันผลิตครู พบว่า ด้านสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับมากมี 2 ด้าน คือ ด้านรูปแบบการพัฒนาครู และด้านกระบวนทัศน์การพัฒนาครู สำหรับสภาพ พึงประสงค์ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้านส่วน 1.2) ผลจากสถานศึกษาด้านสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านกลไกการพัฒนาครู สำหรับสภาพพึงประสงค์ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน</p> <p>2) การพัฒนากระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกการพัฒนาครูตามแนวคิดเครือข่ายเชิงพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษาตามประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา และตามประเภทสถานศึกษา จากการศึกษาความต้องการ ผลในภาพรวม พบว่า ด้านกระบวนทัศน์การพัฒนาครูมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมารูปแบบการพัฒนาครูและกลไกการพัฒนาครูตามลำดับ</p> <p>3) ข้อเสนอเชิงนโยบายกระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกการพัฒนาครูได้จัดทำข้อเสนอแนะสำหรับหน่วยการพัฒนาครูและหน่วยงานใช้ครูเพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานได้ปรับกระบวนทัศน์ รูปแบบและกลไกให้เหมาะสมตามบริบทพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี</p> กรัณย์พล วิวรรธมงคล สุนิสา ละวรรณวงษ์ พัสสกรณ์ วิวรรธมงคล ปัณณพัฒน์ อภิณัฐคุณากร Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 1 14 แนวทางการจัดตารางเรียนตารางสอนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยพะเยา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/272495 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดตารางเรียนตารางสอนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยพะเยา และ 2) ศึกษาแนวทางการจัดตารางเรียนตารางสอนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยพะเยา ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีผู้ให้ข้อมูลหลัก ประกอบด้วย ผู้บริหาร, อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป ด้วยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ชนิดกึ่งโครงสร้าง และเก็บรวบรวมรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ แล้วนํามาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันและปัญหาเกี่ยวกับการจัดตารางเรียนตารางสอนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยพะเยา กลุ่มที่ 1 (นิสิต) ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบ คือ ช่วงเวลาในการจัดการเรียนการสอนไม่ค่อยเหมาะสม การแบ่งกลุ่มเรียนของนิสิต ขาดความต่อเนื่องในการจัดการเรียนการสอน และการจัดลำดับการเรียนของรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป และกลุ่มที่ 2 (อาจารย์) ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบ คือ ตารางเรียนตารางสอนชนกับรายวิชาของสาขา จำนวนอาจารย์ผู้สอนไม่สอดคล้องกับจำนวนของนิสิต ภาระงานในรายวิชามีมากเกินไป และระยะเวลาของกิจกรรมการเรียนการสอนไม่ค่อยชัดเจน และ 2) แนวทางการจัดตารางเรียนตารางสอนรายวิชาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยพะเยา คือ แนวทาง “SPACE” ประกอบด้วย S = Student (นิสิต), P = Policy (นโยบาย), A = Activity (กิจกรรม), C = Communication (การสื่อสาร), และ E = Environment (สภาพแวดล้อม)</p> ศิรินทิพย์ หมั่นงาน ณัฐพงษ์ พรมวงษ์ Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 15 25 การสังเคราะห์วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษา ของมหาวิทยาลัยพะเยาระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/272589 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยาระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563 ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการศึกษาเอกสารงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยา ระหว่าง ปี พ.ศ. 2557-2563 จำนวน 26 เรื่อง โดยมีประเด็นการวิจัย ประกอบด้วย 1) ประเภทของการวิจัย 2) ชื่อเรื่องวิจัย 3) วัตถุประสงค์การวิจัย 4) หลักการ แนวคิด และทฤษฎี 5) เนื้อหาสาระที่ใช้ในการวิจัย 6) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 7) วิธีการกำหนดกลุ่มตัวอย่าง 8) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และ 9) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบบันทึกข้อมูล และเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการสังเคราะห์เอกสารจากงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก สาขาวิชาการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยาระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563 และวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัยพะเยาระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563 มีรายละเอียดดังนี้ 1) ประเภทของการวิจัยส่วนใหญ่เป็นการวิจัยและพัฒนา 2) ชื่อเรื่องวิจัยส่วนใหญ่เป็นวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับรูปแบบการบริหารจัดการและการพัฒนากลุ่มตัวอย่าง 3) วัตถุประสงค์การวิจัยส่วนใหญ่เพื่อพัฒนา/สร้างรูปแบบการบริหารจัดการ 4) หลักการ แนวคิด และทฤษฎีส่วนใหญ่ใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารด้านการพัฒนาองค์กร/ทรัพยากรบุคคล 5) เนื้อหาสาระที่ใช้ในการวิจัยส่วนใหญ่ใช้การบริหารจัดการและการพัฒนาสมรรถนะบุคคล 6) ประชากรและกลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรในสถานศึกษา 7) วิธีการกำหนดกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ 8) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนใหญ่ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล และ 9) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนใหญ่ใช้สถิติพรรณนาและสถิติสรุปอ้างอิงหรือสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานการวิจัยส่วนใหญ่เป็นการวิเคราะห์การถดถอย</p> ญานิศา ทิพวะลี ณัฐพงษ์ พรมวงษ์ Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 26 34 “สติ” ในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค: ศึกษาเฉพาะโครงสร้างและกระบวนธรรม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/270386 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างและกระบวนธรรมของสติในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เป็นการวิจัยเอกสาร เก็บรวบรวมข้อมูลจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 9 ชื่อทีฆนิกาย สีลขันธวรรค คำที่ใช้สืบค้น คือ “สติ” สืบค้นจาก “พระไตรปิฎก ประมวลคัมภีร์ และแหล่งค้นพุทธศาสน์ฉบับคอมพิวเตอร์” วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติพรรณนา คือ ค่าเฉลี่ย และร้อยละ และข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงอุปนัย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า สติ ปรากฏในคัมภีร์ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค จำนวน 108 ครั้ง โครงสร้าง 13 สำนวน ได้แก่ 1) ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า 2) ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ 3) ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นผู้สันโดษ 4) โน้มน้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ 5) มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย 6) มีสติ อยู่เป็นสุข 7) มีสติปรารภเฉพาะพระผู้มีพระภาค 8) มีสติสัมปชัญญะ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์ 9) มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์ 10) สติไม่หลงลืม 11) สติสัมปชัญญะ และความอยู่สบายจักมี 12) ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ และสันโดษอันเป็นอริยะ 13) สติหลงลืม และ กระบวนธรรม 2 ชุดซึ่งเป็นการค้นพบเชิงอุปนัยที่สำคัญ ได้แก่ 1) สติแบบบริสุทธิ์เกิดในจตุตถฌานที่จิตเป็นอุเบกขา 2) สติแบบประยุกต์ต้องใช้คู่กับสัมปชัญญะในทุกการกระทำ</p> มนตรี วิวาห์สุข Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 35 46 การพัฒนารูปแบบและชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริต ของเยาวชนในโรงเรียนวิถีพุทธ จังหวัดกาญจนบุรี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/270390 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อบ่มเพาะคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริตของเยาวชนในโรงเรียนวิถีพุทธ 3) เพื่อสร้างเครือข่ายการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนวิถีพุทธเพื่อบ่มเพาะความซื่อสัตย์สุจริตของเยาวชน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยบูรณาการแนวคิด Neuro Linguistic Programming (NLP) กับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เข้าด้วยกัน ผลการวิจัยพบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้เชิงบูรณาการเพื่อบ่มเพาะคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริตนั้นได้กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ เรียกว่า การสร้างการสื่อสารกับตนเองด้วยการยืนยันตนเอง การพูดคุยหรือสั่งสมองของตนเองให้เชื่อในสิ่งที่ย้ำกับตัวเอง ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมยืนยันเรื่องความซื่อสัตย์เป็นกิจกรรมที่ทำหน้าเสาธง และก่อนการเข้าเรียน 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน ได้นำกระบวนการเรียนรู้ชุดกิจกรรมซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับบุคคล 3 มิติได้แก่ 1) การสะท้อนผลในระดับเนื้อหา กล่าวสะท้อนในสิ่งที่บุคคลคิด รับรู้ รู้สึก 2) การสะท้อนผลระดับกระบวนการ ว่าบุคคลคิด รับรู้ รู้สึกได้อย่างไร 3) การสะท้อนกระบวนทัศน์ เป็นการสะท้อนว่าบุคคลคิด รับรู้หรือรู้สึกไปทำไม เป็นการเปลี่ยนแปลงในมิติระดับโลกทัศน์ที่พาบุคคลไปสู่การมีมุมมองใหม่ๆต่อโลก เป็นการเรียนรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง 3) เพื่อสร้างเครือข่าย การดำเนินชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการอบรมการใช้ชุดกิจกรรมให้แก่พระสอนศีลธรรมและครูในโรงเรียนวิถีพุทธ ได้แก่ โรงเรียนวัดทุ่งลาดหญ้า “ลาดหญ้าวิทยา”</p> พระครูกิตติชัยกาญจน์ อยุษกร งามชาติ พระสุภกิจ สุปญฺโญ พระครูปลัดสุวัฒน์ สุวฑฺโน พระครูศรีธรรมวราภรณ์ กัญญาพร สุทธิพันธ์ Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 47 59 การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้ผู้เรียน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Kanchana-editor/article/view/270473 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้ผู้เรียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้ผู้เรียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 จำแนกตามขนาดสถานศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้กรอบแนวคิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัย คือ สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำนวน 291 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน ที่ระดับค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 95 โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ จำแนกตามขนาดสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67-1.00 และความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05<br />ผลการวิจัยพบว่า 1. การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้ผู้เรียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 โดยภาพรวมและรายด้านพบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคในการได้รับการศึกษา ด้านการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และด้านการสร้างสื่อ คลังสื่อ และแหล่งเรียนรู้ดิจิทัล 2. การเปรียบเทียบการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา ให้ผู้เรียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 จำแนกตามขนาดสถานศึกษา ในภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> พรสุดา ด้วงสงค์ สาโรจน์ เผ่าวงศากุล Copyright (c) 2024 วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-29 2024-04-29 4 1 60 70