https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/issue/feed
Maejo Business Review
2024-12-23T13:49:40+07:00
Assistant Professor Dr.Kulchaya Waenkaeo
kulchaya@mju.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสาร Maejo Business Review เผยแพร่บทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยบทความที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ในหลายมิติ โดยต้องนำเสนอให้เห็นถึงการสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ทางวิชาการที่มีประโยชน์และน่าสนใจ รวมถึงการนำเสนอผลการวิจัยที่เป็นปัจจุบัน และเป็นประโยชน์ต่อแวดวงวิชาการ และวิชาชีพ <strong>โดยวารสารได้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ (peer review) ที่มีความเชี่ยวชาญตรงสาขาที่เกี่ยวข้องโดยไม่เปิดเผยชื่อผู้เขียนต่อผู้พิจารณา (double blind peer review) และ<em>มีผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 ท่าน</em> ทำหน้าที่ในการประเมินคุณภาพผลงานวิชาการ เพื่อความเป็นมาตรฐานของวารสาร และเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ</strong> โดยบทความที่ผ่านการพิจารณาประเมินคุณภาพผลงานวิชาการ จะได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Maejo Business Review</p>
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/273188
The Influence of Corporate Governance on Against Corruption of Thai Listed Companies
2024-09-19T10:12:45+07:00
Jirapa Chalatharawat
jirapa.ch@rmuti.ac.th
Duangrudee Wu
sumintorn@hotmial.com
Sumintorn Baotham
sumintorn@hotmail.com
Wijittra Suwiangtha
sumintorn@hotmail.com
Sudarat Sukhirun
sumintorn@hotmail.com
<p>The objective of this study is to study the influence of corporate governance on against corruption of Thai listed companies. The sample was collected from the company summary of 466 firms on the website of the Securities and Exchange Commission Thailand (SET) in 2023 and website of Thai Private Sector Collective Action Against Corruption (CAC). The statistics used in the data analysis were frequencies, percentage, minimum, maximum, mean, the Spearman correlation analysis and simple regression analysis. The results of the hypothesis testing indicated that the level of corporate governance has a positive influence on against corruption of Thai listed companies<strong>.</strong> As a result, corporate governance and involvement in the CAC project are ideal instruments for CEOs to convey signals that will increase investor and stakeholder trust.</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/271000
กลยุทธ์การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนนทบุรี
2024-03-18T14:55:08+07:00
อนงค์ ไต่วัลย์
anong.t@rmutp.ac.th
นวรัตน์ ชวนะโชติ
Nawarat.c@rmutp.ac.th
ลลิดา จูมโสดา
lalida.j@rmutp.ac.th
พัทรียา เห็นกลาง
pattareya.h@rmutp.ac.th
<p>การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลยุทธ์การปรับตัวที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์การปรับตัวกับความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชน วิธีดำเนินการวิจัยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนนทบุรีที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียน จำนวน 308 วิสาหกิจ โดยทำการแจกแบบสอบถาม 1 คน ต่อ 1 วิสาหกิจ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นการหาความสัมพันธ์ของตัวแปรโดยใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory factor analysis : CFA) และทดสอบข้อสมมติฐานจากสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling : SEM) ผลการวิจัยพบว่า กลยุทธ์การปรับตัวด้านการให้ความสำคัญกับลูกค้า กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และกลยุทธ์ด้านต้นทุน มีค่า p-value น้อยกว่า .05 จึงสรุปได้ว่า กลยุทธ์การปรับตัวทั้ง 4 ด้าน มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความอยู่รอดของวิสาหกิจชุมชน จากผลวิจัยดังกล่าว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนควรเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการปรับตัว กล่าวคือ เมื่อสภาพแวดล้อมเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อความอยู่รอดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้น ควรสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้เกิดความผูกพันในตัวสินค้าและบริการ สร้างความแตกต่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ปรับใช้เทคโนโลยีตามยุคสมัยใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานและต้องบริหารด้านต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/271947
รูปแบบความจงรักภักดีในตราสินค้าทางการเกษตรโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง
2024-06-14T16:40:23+07:00
สุธีรา หมื่นแสน
thitinun@mju.ac.th
ศิริกุล ตุลาสมบัติ
sirikul@mju.ac.th
วิยะดา ชัยเวช
wiyada-c@mju.ac.th
<p>การเปลี่ยนแปลงในสถานะของเกษตรกรในประเทศไทยเน้นไปที่ภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลต่อภาพลักษณ์ของเกษตรกรและกิจกรรมเกษตรกร พบว่าเกษตรกรมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นและจำนวนเกษตรกรรุ่นใหม่ลดลง ทำให้เกิดความขาดแคลนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร เกษตรกรต้องการการพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เกษตรกรรุ่นใหม่ต้องพัฒนาทักษะในการเกษตรสมัยใหม่ เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์อารมณ์และความรู้สึกของลูกค้า ช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจของธุรกิจ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประเภทและระดับความจงรักภักดีในตราสินค้าทางการเกษตร ผ่านเครื่องมือการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) โดยใช้การศึกษาในรูปแบบวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการสัมภาษณ์และการสังเกตจากกลุ่มตัวอย่างของลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าทางการเกษตรจากธุรกิจ ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และนำข้อมูลเข้าสู่แบบจำลองสำหรับการเรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าด้วยเทคนิคการประมวลผลภาษาธรรมชาติ และการเรียนรู้ด้วยเครื่อง โดยใช้อัลกอริทึมการจำแนก 3 วิธี คือ 1) Support Vector Machines (SVM) 2) Naïve Bayes 3) Decision Tree เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการจำแนกหมวดหมู่ของรูปแบบความจงรักภักดีในตราสินค้าทางการเกษตร จากผลการศึกษาพบว่า การเพิ่มความพึงพอใจหรือลดความไม่พอใจของลูกค้าในผลิตภัณฑ์หรือบริการสามารถนำเสนอได้ด้วยข้อมูลที่ได้จากการใช้วิธีการจำแนกข้อมูลผ่านชุดการเรียนรู้ ความจงรักภักดีต่อตราสินค้าทางการเกษตรมีความสำคัญสูงสุดในระดับที่ 1 และลดลงเมื่อขึ้นไปยังระดับที่ 5 ในกลุ่มความคิดเห็นเชิงบวก (Positive) และมีความสำคัญสูงสุดในระดับที่ 1 และลดลงเมื่อขึ้นไปยังระดับที่ 2 ในกลุ่มความคิดเห็นเชิงลบ (Negative) โดยข้อมูลที่ได้นั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/274371
ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับมูลค่ากิจการ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2024-08-20T11:11:16+07:00
ศิรินันท์ วรรณรังษี
mju6506402005@mju.ac.th
อรุณี ยศบุตร
yodbutr@mju.ac.th
ชัยยศ สัมฤทธิ์สกุล
chaiyot_s@mju.ac.th
รัชนียา บังเมฆ
ratchaneeya@mju.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ บริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการแสดงตัวเลขปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปี 2564-2566 จำนวน 705 ชุดข้อมูล โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานความยั่งยืนและแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (One Report) ส่วนมูลค่ากิจการคำนวณด้วยวิธี Tobin’Q และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) มีความสัมพันธ์เชิงลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กับมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประโยชน์ของงานวิจัยนี้ คือ บริษัทเห็นถึงความสำคัญของการจัดทำรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผู้มีส่วนได้เสียสามารถใช้ข้อมูลจากงานวิจัยนี้ในการตัดสินใจและสามารถต่อยอดงานวิจัยในอนาคตสำหรับผู้สนใจศึกษาปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในมุมมองอื่น ๆ</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/274649
การพยากรณ์ดัชนีราคารถยนต์มือสองโดยการพยากรณ์แบบอนุกรมเวลา
2024-10-11T11:37:12+07:00
อโณทัย เทพปัญญา
anotaith@gmail.com
นภาวรรณ เนตรประดิษฐ์
nok_napawan@hotmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการพยากรณ์ดัชนีราคารถยนต์มือสอง โดยใช้วิธีแยกส่วนประกอบ (Classical Decomposition) วิธีทำให้เรียบแบบเอกซ์โปเนนเชียลซ้ำสองครั้ง (Double Exponential Smoothing) และวิธีการปรับเรียบเอกซ์โปเนียนเชียลแบบวินเทอร์ (Holt-Winters’ Exponential Smoothing Method) 2) เพื่อเปรียบเทียบวิธีพยากรณ์ดัชนีราคารถยนต์มือสอง ได้แก่ วิธีแยกส่วนประกอบ (Classical Decomposition) วิธีทำให้เรียบแบบเอกซ์โปเนนเชียลซ้ำสองครั้ง (Double Exponential Smoothing) และวิธีการปรับเรียบเอกซ์โปเนียนเชียลแบบวินเทอร์ (Holt-Winters’ Exponential Smoothing Method) ซึ่งการเลือกวิธีการพยากรณ์ที่เหมาะสมที่สุดพิจารณาจากค่าความผิดพลาดสัมบูรณ์ (MAD) และค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย (MAPE) ที่มีค่าต่ำที่สุด</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า 1) การพยากรณ์เลือกวิธีแยกส่วนประกอบของอนุกรมเวลาของข้อมูลชุดนี้แบบ Multiplicative Model เนื่องจากให้ ค่า MAD ต่ำสุด ค่า MAD = 6.1813, MAPE = 6.5451 ค่าพยากรณ์โดยใช้วิธีทำให้เรียบแบบเอกซ์โปเนนเชียลซ้ำสองครั้ง (Double Exponential Smoothing) (α = 0.8, y = 0.8) ค่าความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ์ MAD = 3.9621 และ MAPE = 4.1532 และการพยากรณ์โดยวิธีการปรับเรียบเอกซ์โปเนียนเชียลแบบวินเทอร์ (Holt-Winters’ Exponential Smoothing Method) (α = 0.8, y = 0.6, δ = 0.8) ค่าความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ์ MAD = 3.9535 และ MAPE = 4.0722 และ 2) วิธีการปรับเรียบเอกซ์โปเนียนเชียล (Holt-Winters’ Exponential Smoothing Method) มีความเหมาะสมกับอนุกรมเวลาชุดนี้มากที่สุดเนื่องจากให้ค่าความผิดพลาดสัมบูรณ์เฉลี่ย (MAD) และค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย (MAPE) ต่ำที่สุด</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/272379
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้ระบบวางแผนทรัพยากรแบบคลาวด์และผลการดำเนินงาน ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2024-09-19T10:11:53+07:00
รสสุคนธ์ สุวรรณกูฏ
rossukon.koy@npu.ac.th
พรหมภัสสร ชุณหบุญญทิพย์
prompassorn@npu.ac.th
ขจิต ณ กาฬสินธุ์
khajit.nk@npu.ac.th
<p>ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศที่นำมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานของกิจการมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายกิจการต้องการแสวงหาระบบสารสนเทศที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อช่วยในการประมวลผลการปฏิบัติงานและนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ทันเวลา เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้บริหาร งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้ระบบวางแผนทรัพยากรแบบคลาวด์ (ระบบ Cloud ERP) ตามกรอบแนวคิดของ DeLone และ McLean โดยกำหนดให้ คุณภาพของระบบ คุณภาพของสารสนเทศและคุณภาพการให้บริการ เป็นตัวแปรอิสระที่มีผลกระทบต่อการใช้ระบบวางแผนทรัพยากรแบบคลาวด์ นอกจากนี้ ยังได้ทำการศึกษาผลกระทบของการใช้ระบบ Cloud ERP ที่มีต่อผลการดำเนินงานขององค์กร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 166 บริษัท โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า คุณภาพของระบบ คุณภาพของสารสนเทศ และคุณภาพการให้บริการ มีผลกระทบเชิงบวกต่อการใช้ระบบ Cloud ERP และการใช้ระบบ Cloud ERP มีผลกระทบเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานขององค์กรทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/MJBA/article/view/274271
การวิเคราะห์อิทธิพลของเนื้อหาเชิงการตลาดต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำ ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2024-08-19T15:30:44+07:00
อารีรัตน์ ปานศุภวัชร
areerat.s@msu.ac.th
อัครวิชช์ รอบคอบ
phaiboon.r@mbs.msu.ac.th
พลาญ จันทรจตุรภัทร
palan.j@mbs.msu.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา การวิเคราะห์อิทธิพลของเนื้อหาเชิงการตลาดต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำ ผ่านแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างด้วยการเปิดตาราง Krejcie และ Morgan จำนวน 380 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย การเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบพหุคูณ และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า อิทธิพลของเนื้อหาเชิงการตลาด ด้านเนื้อหาเชิงให้คำแนะนำหรือความรู้ มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำ ผ่านแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานที่ 4 สามารถอธิบายได้ว่า เนื้อหาเชิงให้คำแนะนำหรือความรู้ช่วยให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าซ้ำ ดังนั้น ผู้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก TikTok ควรให้คำแนะนำหรือแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค โดยการสร้างเนื้อหาที่เป็นพื้นที่ให้ติดตามข่าวสารและองค์ความรู้ใหม่ ๆ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วน ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้ ควรนำเสนอเนื้อหาที่มีความสนุกสนานและบันเทิง เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคติดตามเนื้อหาต่อไป ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น และความภักดีจากผู้บริโภคในระยะยาว</p>
2024-12-23T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Maejo Business Review