https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/issue/feed วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ 2024-04-26T10:50:29+07:00 ผศ.ดร.ธานี สุวรรณประทีป [email protected] Open Journal Systems <p>วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ เป็นวารสารที่ตีพิมพ์ความรู้ทางวิชาการและการวิจัยในสาขาที่เกี่ยวกับด้านศาสนาและปรัชญา พระพุทธศาสนา วิปัสสนาภาวนา บาลีพุทธศาสตร์ ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต สังคมวิทยา ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บทความที่ได้รับการเผยแพร่ จะได้พิจารณากลั่นกรองผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 ท่าน ต่อบทความ ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blinded)<br /><br /></p> https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264329 ธัมมาธิปไตย ธัมมาธิปไตย : พุทธปรัชญาการปกครองไทย 2023-07-06T10:49:03+07:00 พีระวัฒน์ ฉัตรไทยแสง [email protected] บุญร่วม คำเมืองแสน [email protected] <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>หลักธัมมาธิปไตยเป็นเครื่องมือแนวทางพัฒนาที่มีคุณค่าทั้งต่อปัจเจกบุคคลในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทย ซึ่งมีหลักยึดมั่นต่อหลักการ กฏกติกา ความจริง ความดีงามและความถูกต้อง โดยการประยุกต์หลักธรรมที่เหมาะสมแก่การพัฒนาความเป็นผู้นำประเทศและองค์กรในระดับต่าง ๆ&nbsp; และส่งเสริมหลักธรรมคือ ศีลห้าและหลักกุศลกรรมบถเป็นมูลฐานของการพัฒนาบุคคล ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นส่งผลให้มีพฤติกรรมทางกาย ทางวาจา และทางความคิดจิตใจที่ถูกต้องดีงาม ละเว้นการทำชั่วและตั้งมั่นอยู่ในกายสุจริต วาจาสุจริต ใจสุจริต ส่งผลให้ปัญหาจริยธรรมของบุคคลต่าง ๆ พร้อมทั้งปัญหาของระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยย่อมได้รับการแก้ไขและพัฒนาไปด้วย แม้ว่าคนไทยจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปมากมาย หากยึดมั่นเดินตามแนวทางแห่งหลักธัมมาธิปไตยแล้ว ความคิดเห็นต่างของคนในชาติจะไม่กลายเป็นเครื่องมือในการประหัตประหารและทำความเสียหายทำลายประเทศชาติ แต่จะสามารถนำมาช่วยพัฒนาประเทศให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองเท่าเทียมอารยประเทศอื่นได้ &nbsp;ธัมมาธิปไตยเป็นพุทธปรัชญาการปกครองที่ยึดกฎกติกา ความถูกต้องเป็นหลัก ส่งเสริมจริยธรรมของปัจเจกบุคคล&nbsp; ย่อมจะส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยมีการพัฒนาและมั่นคงขึ้น</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>ธัมมาธิปไตย, พุทธปรัชญาการปกครองไทย</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264033 หลักการและวิธีการปฏิบัติสมถภาวนา 2023-04-11T12:01:10+07:00 สรวิชญ์ วงษ์สอาด [email protected] พระครูพิพิธวรกิจจานุการ [email protected] พระมหาถนอม ฐานวโร [email protected] พระมหาศุภวัฒน์ ฐานวโร [email protected] บรรพต ต้นธีรวงศ์ [email protected] <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา “หลักการและวิธีการปฏิบัติสมถภาวนา” พบว่า สมถกัมมัฏฐาน เป็นอุบายวิธีสำหรับฝึกจิตให้สงบ ไม่ว่าจะได้สมาธิในระดับใดก็ตาม ก็ถือว่าได้สมาธิแล้ว เหตุที่ต้องฝึกจิตให้เกิดสมาธิ เพราะโดยธรรมชาติ ปุถุชนมักจะถูกกิเลสทำให้จิตไม่สงบเสมอ การที่จิตไม่สงบนั้นเป็นเพราะจิตถูกนิวรณ์ 5 ชนิด โดยการเจริญสมถภาวนา หรือสมาธิภาวนานั้น ข้อปฏิบัติหรือกิจแรกที่พระสงฆ์จะต้องศึกษาอันเป็นจุดหมายสําคัญในพระพุทธศาสนาคือไตรสิกขา เพื่อแก้ความข้องใจของผู้ปฏิบัติที่ต้องการหาวิธีตัดข่ายตัณหา มีอานิสงส์มากเมื่อว่าโดยรวมแล้วมีปรากฏผล คือ เป็นเครืองอยู่เป็นสุขในภพทันตาเห็นในวินัยของพระอริยะ มีวิปัสสนาเป็นอานิสงส์ ทำให้เกิดโลกียอภิญญา ทำเกิดเป็นพรหม เข้าถึงนิโรธสมาบัติ และมีอานิสงส์ที่ตามมา คือ ทำให้จิตใจสงบมากขึ้น กระทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพ กระทั้งการศึกษาเล่าเรียนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ปราศจากโรคภัยบางชนิดให้หายได้ สุขสบงเย็น ผิวพรรณผ่องใสอายุยืน สามารถจะเผชิญหน้าต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้อย่างสุขุม รอบคอบ สามารถแก้ไขความยุ่งยากวุ่นวายในชีวิตได้ถูกต้องเป็นพื้นฐานในการเจริญวิปัสสนา มีพระนิพพานเป็นที่สุด มิฉะนั้น ก็เป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264077 คุณธรรมในตัวละครมหาชาติเวสสันดรชาดกในรูปแบบการปกครอง 2023-04-11T12:05:27+07:00 พงษ์เทพ ล้อประเสริฐ [email protected] สุภาภรณ์ ศรีดี [email protected] หฤทัย ปัญญาวุธตระกูล ปัญญาวุธตระกูล [email protected] <p>ชาดก เป็นเรื่องราวของของพระโพธิสัตว์ ในคัมภีร์ชาดกตัวละครแสดงถึงคุณธรรมของผู้นำทางการปกครอง ความสำคัญแก่ผู้นำทางการปกครอง การตัดสินใจ หรือแก้ไขปัญหา ซึ่งยึดจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ยึดถือคุณธรรม และความถูกต้อง คุณธรรมของผู้นำทางการปกครองต้องเป็นคนกตัญญูรู้คุณต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ตนได้อาศัย กล้าตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; อย่างเร่งด่วน มีความรอบรู้ รอบคอบ มีสติในการพิจารณา ประสานระหว่างความผาสุกมั่งคั่งของบ้านเมืองกับอำนาจที่มองไม่เห็น ความรับผิดชอบ</p> <p>การจะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองก็ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของผู้นำทางการปกครอง ดังนั้น ผู้นำทางการปกครองมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เพราะผู้นำทางการปกครองมีคุณธรรมเหตุการณ์ที่เลวร้ายย่อมไม่เกิดขึ้น</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/271863 แนวคิดเรื่องความเป็นสมัยใหม่ในรวมบทกวีนิพนธ์ จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้ของปาลิตา ผลประดับเพชร์ 2024-03-26T08:57:33+07:00 นงนุช ยังรอด [email protected] <p>บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวคิดสำคัญเรื่องความเป็นสมัยใหม่ในรวมบทกวีนิพนธ์จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้ (2565) ของปาลิตา แสงประดับเพชร์ แนวคิดเรื่องความเป็นสมัยใหม่ที่ปรากฏในรวมบทกวีเล่มนี้มีลักษณะการเสนอแนวคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์ค่านิยมและความคิดของสังคมซึ่งมีลักษณะความเป็นสมัยใหม่ในประเด็นที่สำคัญ คือ สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ เสรีภาพ และความรักอันเป็นสากลของมนุษยชาติ โดยกวีได้นำปรากฏการณ์ทางสังคมมานำเสนอเป็นเรื่องเล่าเปรียบเทียบสะท้อนแนวคิดเชิงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนำเสนอแนวคิดสมัยใหม่ได้อย่างชัดเจนด้วยกลวิธีประพันธ์แบบกลอนแปด โดยใช้ภาษาสมัยใหม่ที่สามารถอ่านเข้าใจได้โดยไม่ต้องตีความหรือติดพรมแดนทางภาษา การนำเสนอแนวคิดในรวมบทกวีเล่มนี้ กวีได้ใช้มุมมองแบบความเป็นสมัยใหม่มานำเสนอปรากฏการณ์ทางสังคมไทยเชิงวิพากษ์วิจารณ์และเสนอแนะด้วยความรักและความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ได้อย่างประทับใจ</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263746 การเข้าถึงความจริงในพุทธปรัชญา The Accession to the Truth in Buddhist Philosophy 2023-03-16T11:54:44+07:00 พีระวัฒน์ ฉัตรไทยแสง [email protected] <p>การเข้าถึงความจริงในพุทธปรัชญา เป็นการเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่จริงโดยปรมัตถ์ หมายถึงการเข้าถึงอสังขตธรรมอันเป็นสภาวะที่ไม่มีปัจจัยหรือไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการปรุงแต่ง ได้แก่ นิพพาน ที่มีสภาวะลักษณะเฉพาะอันมีความเกิดขึ้นไม่ปรากฏ ความดับสลายไม่ปรากฏ เมื่อตั้งอยู่ ความแปรไม่ปรากฏ นิพพานนั้นเป็นภาวะที่จะเข้าถึงได้ด้วยวิปัสสนาญาณเท่านั้น</p> <p>การเจริญวิปัสสนาตามหลักสติปัฏฐานอย่างถูกต้อง เป็นการเจริญญาณปัญญาพิจารณาธรรมทั้งหลายที่ล้วนเป็นเหตุเป็นผลแก่กันตามหลักปฏิจจสมุปบาท เห็นชัดรูปนามโดยอาการต่าง ๆ เกิดปัญญาให้รู้เท่าทันธรรมชาติของชีวิตและสรรพสิ่งตามกฏไตรลักษณ์ อันเป็นทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ในอริยสัจที่เกิดกับกายและใจ เมื่อกำจัดความยึดมั่นในอุปาทานแล้ว หลุดพ้นจากอำนาจการครอบงำของอาสวะกิเลสปรุงแต่งจิตโดยสิ้นเชิง ย่อมมีทิฏฐิความเห็นถูกต้อง ทำให้ไม่หลงยึดติดถือมั่นและปล่อยวางสิ่งปรุงแต่งที่ทำให้เป็นทุกข์ มีจิตใจเป็นอิสระ สู่หนทางแห่งภาวะนิพพาน อันเป็นการเข้าถึงความจริงสูงสุดในพุทธปรัชญา</p> <p>&nbsp;</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>:</strong> ความจริง, นิพพาน, วิปัสสนา</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264699 อิทธิบาท 4: การบริหารงานอาชีวศึกษาสู่สากล 2023-10-24T13:32:15+07:00 สุวัชชัย มงคลธง [email protected] พงษ์เทพ ล้อประเสริฐ [email protected] ภัทริณี เจริญธรรม [email protected] ธนกร สุวรรณปรุง [email protected] <p>การบริหารอาชีวศึกษาในยุคปัจจุบัน ผู้บริหารสถานศึกษามีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ดี สอดคล้องผู้เรียน สถานการณ์ของระบบการศึกษาไทยได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และโลกไร้พรมแดน ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารต้องทำด้วยความพอใจ ด้วยความรักและเต็มใจ ไม่เบื่อหน่ายในกิจที่ทำ ทำด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วย ความพยายาม เข้มแข้งอดทน ไม่ทอดทิ้งกิจที่ทำนั้น ทำด้วยปัญญา เข้าถึงสาเหตุ ทำด้วยความรู้ความเข้าใจ</p> <p>อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงานต่าง ๆ ตามที่มุ่งหวังไว้ ซึ่งประกอบด้วยฉันทะ (ความพอใจ) วิริยะ (ความเพียร) จิตตะ (ความคิด) และวิมังสา (ความไตร่ตรอง)</p> <p>การบริหารอาชีวศึกษาสู่สากลนั้นนั้นต้องมี 1) ฉันทะ ความพอใจ ยินดี เต็มใจที่จะกระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 2) วิริยะ ความพยายาม ความเพียร หรือความกล้าที่จะทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการกระทำ นั้น ๆ โดยไม่มีคาว่าท้อแท้หรือเบื่อหน่าย 3) จิตตะ ความสนใจ เอาใจใส่ หรือตั้งใจในการกระทำนั้น ๆ อย่างจริงจัง โดยไม่ใส่ใจถึง ปัญหาอุปสรรคอันจะเป็นเหตุให้เสียกาลังใจ 4) วิมังสา การใช้ปัญญาพิจารณาตรวจสอบข้อดีข้อเสียข้อบกพร่องตลอดจนปัญหา อุปสรรคและวิธีแก้ไขอย่างมีเหตุผลว่าผลที่ปรากฏนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร มิใช่ขยันอย่างโง่ ๆ&nbsp;</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264906 การบริหารตน บริหารคน บริหารงาน ตามแนวพุทธปรัชญเถรวาท 2023-10-24T13:47:37+07:00 สุนิสา โมสิโก [email protected] <p>การบริหารต้องอาศัยบุคคลเป็นส่วนสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากการที่ผู้บริหารเริ่มพัฒนาตนเอง รู้ตนเอง และนำไปสู่การบริหารคนและบริหารงานต่อไปได้ โดยการนำหลักสัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ทำให้คนเป็นสัปบุรุษ เป็นผู้มีคุณธรรม มีความรู้และความสามารถ มีปัญญา สามารถมองสิ่งที่ถูกต้องและตรงตามความเป็นจริง อันประกอบไปด้วย การรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาลเวลา รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคล ซึ่งสามารถนำหลักธรรมนี้มาใช้เพื่อการพัฒนาตน คือ การรู้จักตนเอง รู้หน้าที่ รู้จุดเด่นจุดด้อยของตนเอง การพัฒนาคนคือการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรให้มีคุณภาพเพื่อช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีความทุ่มเท เสียสละต่อองค์กร การพัฒนางานเป็นศิลปะแห่งการจัดการองค์กรให้เกิดผลสัมฤทธิ์บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ </p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263862 การบริหารแหล่งเรียนรู้ตามหลักพุทธธรรม ในยุคดิสรัปชั่น 2023-04-11T11:58:13+07:00 Thanida Pooljarain [email protected] <p>บทความนี้นำเสนอการบริหารแหล่งเรียนรู้ตามหลักพุทธธรรมในยุคดิสรัปชั่น อันเป็น<br />การบริหารแหล่งเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะศึกษาค้นคว้าหาคำตอบที่สนใจใฝ่รู้ แหล่งเรียนรู้มีทั้งภายในสถานศึกษา และชุมชน แหล่งเรียนรู้ภายนอกสถานศึกษานอกจากห้องเรียน ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ แล้ว สถานที่ทุกแห่งในบริเวณสถานศึกษาจัดเป็นแหล่งเรียนรู้ได้ และบางครั้งสถานศึกษาอาจจัดเพิ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ เช่น จัดเป็นจุดศึกษา สวนการเรียนรู้ ค่ายการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาต้อง<br />จัดการเรียนรู้ให้เชื่อมโยงกิจกรรมอย่างต่อเนื่องระหว่างการเรียนรู้ในห้องเรียนกับแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แหล่งเรียนรู้ที่กล่าวในเบื้องต้นนั้น จะบังเกิดประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติต้องยึดหลักปรัชญาการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ การบริหารแหล่งเรียนรู้จะให้เกิดเป็นผลงานที่ดีและมีประสิทธิภาพต้องมีหลักพุทธธรรมมาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในยุคดิสรัปชั่นด้วย หลักพรหมวิหารธรรม 4 อันเป็นคุณธรรมสำหรับทำให้บุคคลในองค์กรสถานศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติในทางอันประเสริฐ และหลักวุฒิธรรม 4 อันเป็นหลักพุทธธรรมในการส่งเสริมสำหรับการบริหารและการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่มีอุปการคุณสำหรับมนุษย์ทุกคนและเป็นคุณธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญาก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม มาบูรณาการเข้ากับแหล่งเรียนรู้อันจะก่อให้เกิดเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมวิถีไทยและเพื่อ<br />ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ "โลกาภิวัตน์" และ "ดิจิทัลดิสรัปชัน"</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/271860 วิเคราะห์ดนตรีกับการบรรลุธรรมในเถราปาทาน 2024-03-25T11:01:04+07:00 สมเกียรติ เขียวขำ [email protected] พระมหาจีรวัฒน์ กนฺตวณฺโณ [email protected] <p>บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง “ศึกษาวิเคราะห์แนวทางดนตรีในพระไตรปิฎก” มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ 1)เพื่อศึกษาดนตรีในพระไตรปิฎก 2)เพื่อศึกษาแนวทางดนตรีในพระไตรปิฎก และ 3)เพื่อศึกษาวิเคราะห์ดนตรีในพระไตรปิฎก โดยมีระเบียบวิธีวิจัย คือเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพด้วยข้อมูลจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า มนุษย์นอกจากเป็นผู้สร้างดนตรีขึ้นมาเพื่อความบันเทิงในกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ดนตรียังมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์ผ่อนคลายอารมณ์ทางด้านสุนทรีย์ได้ทำให้สามารถค้นหาและสร้างตัวตนจนเกิดความมั่นใจและภาคภูมิใจที่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นได้ในโลกนี้ ดนตรีจึงเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงตัวบุคคลให้เข้ากับสังคมในขณะเดียวกันดนตรีก็มีส่วนปฏิสัมพันธ์ร่วมกับสิ่งอื่น ๆ ในสังคม เพราะเสียงดนตรีเป็นรูปแบบแนวทางของความสุข ความสนุกสนาน มอบความบันเทิงด้านจิตใจแก่บุคคลทั่วไปแล้ว แต่เสียงดนตรีที่ปรากฏในพระไตรปิฎกก็ยังมอบสัจธรรมชีวิตว่าควรพิจารณาให้เห็นเป็นธรรมดาว่ากิจหรือหน้าที่ในการกำหนดรู้ชีวิตทุกอย่างมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา ควรใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและควรอยู่บนทางสายกลาง </p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263651 การพัฒนารูปแบบการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรม ของนักเรียนประถมศึกษาโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร 2023-05-29T10:34:40+07:00 กัลยรัตน์ คำคูณเมือง [email protected] อินถา ศิริวรรณ [email protected] สุทธิพงษ์ ศรีวิชัย [email protected] จุฑามาศ วารีแสงทิพย์ [email protected] <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสภาพการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ ๒) เพื่อพัฒนารูปแบบการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ ๓) เพื่อเสนอรูปแบบการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณสอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๓๗๐ คน สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๑๐ คน และสนทนากลุ่ม จำนวน ๘ รูป/คนใช้การวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p><strong>ผลการวิจัย พบว่า :</strong></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๑. สภาพการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้ง ๕ ด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการนั่ง ด้านการยืน ด้านการเดิน ด้านการแสดงความเคารพ และด้านการส่งและการรับสิ่งของ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๒. พัฒนารูปแบบการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครประกอบด้วย ๔ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ ส่วนนำ สภาพแวดล้อมของโรงเรียน&nbsp; หลักการฝึกมารยาทไทย วัตถุประสงค์การฝึกมารยาทไทย ความสำคัญของมารยาทไทย และ ประโยชน์ของมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ ส่วนที่ ๒ ตัวแบบ ระบบงาน ประเภทมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ ใน ๕ ด้าน คือ ด้านการแสดงความเคารพ ด้านการส่งและการรับสิ่งของ ด้านการยืน ด้านการเดิน ด้านการนั่ง กระบวนการจัดการตามวิธีการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ แนวทางการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพ ด้านการส่งและการรับสิ่งของ โครงการการส่งเสริมการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร หลักสังคหวัตถุ ๔ ส่วนที่ ๓&nbsp; ขั้นตอนการนำไปใช้ ประกอบด้วย โครงสร้างการบริหาร การตัดสินใจของผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง แนวทางการประเมินตามแบบมารยาทไทย ส่วนที่ ๔ เงื่อนไขความสำเร็จตามบริบทของโรงเรียน</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๓. รูปแบบการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครประกอบด้วย ๔ ส่วนสำคัญ คือ ส่วนที่ ๑ ส่วนนำ ส่วนที่ ๒ ตัวแบบ ส่วนที่ ๓&nbsp; ขั้นตอนการนำไปใช้ ส่วนที่ ๔ เงื่อนไขความสำเร็จในการฝึกมารยาทไทยส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยพุทธนวัตกรรมตามองค์ความรู้ PTS</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264517 การเผยแผ่หลักธรรมของคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช 2023-07-06T10:48:07+07:00 พระธรรมนูญ จิรมนุญฺโญ (จุลอมร) [email protected] วชิรวิชญ์ อิทธิธนาศุภวิชญ์ [email protected] โสภณ ขำทัพ [email protected] <p>บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง “การเผยแผ่หลักธรรมของคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช” มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิดการเผยแผ่หลักธรรม 2) ศึกษาการเผยแผ่หลักธรรมของคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีระเบียบวิธีการวิจัยคือ ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพแบบวิจัยเอกสาร ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 12 รูป/คน ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจงเพื่อได้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นตัวแทนที่เหมาะสม และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) การเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นการนำคำสั่ง คำสอน ไปถ่ายทอดสู่สาธารณะชนให้ได้รับรู้ เข้าใจ และนำไปปฏิบัติตามเพื่อเป้าหมายสูงสุด จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีหลักธรรมมากมายที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ และขึ้นอยู่กับระดับปัญญาของผู้ที่ได้รับการถ่ายทอด การเผยแผ่จึงเป็นไปตามระดับความสนใจและความเหมาะสมของผู้ฟัง คือ โลกียธรรมและโลกุตตระธรรม การเผยแผ่ในสังคมไทยปัจจุบันนี้ทางคณะสงฆ์จะมุ่งเน้นหลักธรรมเพื่อคนหมู่มาก และจะให้ความสำคัญในระดับศีลธรรมมากกว่า โดยให้ผู้มีความพร้อมในการประพฤติและการปฏิบัติธรรมได้ง่ายและสะดวกขึ้น และไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักบวช ด้วยวิธีเผยแผ่หลักธรรมผ่านบุคคล ศาสนสถานศาสนวัตถุ เอกสารคัมภีร์ และนโยบายรัฐ 2) การเผยแผ่หลักธรรมของคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พบว่าคณะสงฆ์ทุกระดับภายในวัดดำเนินงานต่อเนื่องมาจากอดีตถึงปัจจุบัน การเผยแผ่มีรูปแบบตามความถนัดของคณะสงฆ์ และทุกกิจกรรมจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน จึงจะเกิดผลด้วยการรับรู้ เข้าใจ และนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมหลักทั้ง 5 กิจกรรม ได้แก่ การเทศน์, การปฏิบัติธรรม, การจัดการศึกษา, การจัดเข้าค่ายอบรมคุณธรรม, และการสาธารณะสงเคราะห์ โดยไม่ให้ภาระหน้าที่เหล่านี้แก่คณะสงฆ์เพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้รับสารหรือผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาครัฐต้องสนับสนุนช่วยเหลือวัดและคณะสงฆ์ เพื่อเป็นหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมการเผยแผ่ในพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) การเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นการนำคำสั่ง คำสอน ไปถ่ายทอดสู่สาธารณะชนให้ได้รับรู้ เข้าใจ และนำไปปฏิบัติตามเพื่อเป้าหมายสูงสุด จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีหลักธรรมมากมายที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ และขึ้นอยู่กับระดับปัญญาของผู้ที่ได้รับการถ่ายทอด การเผยแผ่จึงเป็นไปตามระดับความสนใจและความเหมาะสมของผู้ฟัง คือ โลกียธรรมและโลกุตตระธรรม การเผยแผ่ในสังคมไทยปัจจุบันนี้ทางคณะสงฆ์จะมุ่งเน้นหลักธรรมเพื่อคนหมู่มาก และจะให้ความสำคัญในระดับศีลธรรมมากกว่า โดยให้ผู้มีความพร้อมในการประพฤติและการปฏิบัติธรรมได้ง่ายและสะดวกขึ้น และไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักบวช ด้วยวิธีเผยแผ่หลักธรรมผ่านบุคคล ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ เอกสารคัมภีร์ และนโยบายรัฐ 2) การเผยแผ่หลักธรรมของคณะสงฆ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พบว่าคณะสงฆ์ทุกระดับภายในวัดดำเนินงานต่อเนื่องมาจากอดีตถึงปัจจุบัน การเผยแผ่มีรูปแบบตามความถนัดของคณะสงฆ์ และทุกกิจกรรมจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน จึงจะเกิดผลด้วยการรับรู้ เข้าใจ และนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมหลักทั้ง 5 กิจกรรม ได้แก่ การเทศน์, การปฏิบัติธรรม, การจัดการศึกษา, การจัดเข้าค่ายอบรมคุณธรรม, และการสาธารณะสงเคราะห์ โดยไม่ให้ภาระหน้าที่เหล่านี้แก่คณะสงฆ์เพียงฝ่ายเดียว แต่ผู้รับสารหรือผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาครัฐต้องสนับสนุนช่วยเหลือวัดและคณะสงฆ์ เพื่อเป็นหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมการเผยแผ่ในพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264222 การบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ 2023-04-17T07:07:12+07:00 พระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร) [email protected] สมศักดิ์ บุญปู่ [email protected] พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน [email protected] <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 8 คน และสนทนากลุ่ม จำนวน 9 คนใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า การบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนทั้ง 5 ด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมการรับประโยชน์ร่วมกัน ด้านการมีส่วนร่วมการระดมความคิด ด้านการมีส่วนร่วมการลงมือทำ ด้านการมีส่วนร่วมการวางแผน และด้านการมีส่วนร่วมการติดตามประเมินผล</p> 2023-04-29T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263757 แนวทางการเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสังคมออนไลน์: กรณีศึกษาสถานีวิทยุกระจายเสียง FM ๑๐๐.๒๕ MHz จังหวัดปราจีนบุรี 2023-04-11T11:20:29+07:00 พระครู ปริยัติวชิรธรรม [email protected] <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาหลักการเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (2) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาในการเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของสถานีวิทยุ FM 100.25 MHz ในจังหวัดปราจีนบุรี และ(3) เพื่อศึกษาแนวทางการเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของสถานีวิทยุกระจายเสียง FM 100.25 MHz ในจังหวัดปราจีนบุรี พบว่า การเผยแผ่ธรรมะคือการทำให้หลักธรรมคำสอนแพร่ออกไปและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งสภาพปัญหาและอุปสรรคของสถานีวิทยุ FM 100.25 MHz คือนักจัดรายการวิทยุไม่มีข้อบังคับอย่างเป็นรูปธรรมไม่มีกรอบในการเป็นนักจัดรายการวิทยุ และขาดหน่วยงานที่กำกับดูแลสนับสนุนด้านบุคลากร ปัญหาด้านการบริหารจัดการภายใน ปัญหาด้านเทคนิคการเผยแพร่ และปัญหาด้านงบประมาณ ส่วนแนวทางการเผยแผ่ธรรมะผ่านสื่อสังคมออนไลน์ประกอบด้วย 1) แนวทางการเผยแผ่ธรรมะผ่านสำหรับผู้ส่งสารผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ที่ทันสมัย 2) แนวทางสำหรับสารที่ถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์มีเนื้อหาที่ทันสมัย 3) แนวทางสำหรับช่องทางการส่งสารผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงของผู้ส่งสารให้ปรากฏแก่ผู้ฟัง และ 4) แนวทางสำหรับผู้รับสาร และแสดงปฏิกิริยาตอบกลับต่อผู้ส่งสารหรือส่งสารต่อไปถึงผู้รับสารคนอื่น ๆ</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264253 The การพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์และคู่มือในรูปแบบดิจิทัลสำหรับส่งเสริม การท่องเที่ยววิถีพุทธนานาชาติในเมืองหลัก 15 จังหวัดของประเทศไทย 2023-05-21T06:58:11+07:00 พระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโป (คำเคน) [email protected] พิชญานันต์ พงษ์ไพบูลย์ [email protected] <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (1) วิเคราะห์สภาพตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภค ต่อความต้องการท่องเที่ยววิถีพุทธระดับเมืองหลักในระดับชาติและนานาชาติ (2) พัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์วีดีทัศน์สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก (3) นำเสนอสื่อประชาสัมพันธ์คู่มือในรูปแบบดิจิทัล สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธระดับเมืองหลัก เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้วิธีการวิจัยเอกสาร การวิจัยภาคสนาม และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ผู้ให้ข้อมูลคือ เจ้าอาวาส/ผู้ดูแลสถานที่ 30 รูป/คน นักท่องเที่ยว/ ผู้ปฏิบัติธรรม 45 คน และการสนทนากลุ่ม 5 คน เครื่องมือวิจัย คือ1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก 2) ชุดปฏิบัติการ/ชุดกิจกรรม 3) แบบสังเกต การวิเคราะห์ข้อมูลยึดวัตถุประสงค์ของการวิจัยหรือคำถามวิจัยเป็นกรอบแนวทาง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการกำหนดประเด็น กำหนดความสำคัญ จัดกลุ่มประเภทของประเด็นสำคัญ หารูปแบบความสัมพันธ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาพตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภค การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่นำรายได้หลักเข้าสู่เศรษฐกิจไทย การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปี 2562 กว่า 50% ในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด19 รัฐบาลเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่อนปรนมาตรการต่างๆ คาดว่าจะมีรายได้จากตลาดในประเทศประมาณ 7 แสนล้าน และรายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 5 แสนล้าน การท่องเที่ยวหลังโควิดจะมุ่งสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น สู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูงใน 3 ด้านคือ ด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เหมาะสม พฤติกรรมของผู้บริโภค มุ่งไปใน 3 เรื่อง คือ (1) ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ (2) มีแหล่งท่องเที่ยวสายพุทธหรือมูเตลู ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก (3) วัฒนธรรมจะเชื่อมโยงเข้ากับพระพุทธศาสนา จารีตประเพณี</p> <p>2) การพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์วิดิทัศน์สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลักโดยกำหนดเนื้อหาวัตถุประสงค์กลุ่มผู้ชม วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการเผยแพร่ มาเขียนบทสคริปต์วิดีโอ เพื่อตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1)วัดท่องเที่ยว และ 2)สถานปฏิบัติธรรม โดยใช้สื่อที่สามารถนำไปประชาสัมพันธ์ตามช่องทางหลัก</p> <p>3) การนำเสนอสื่อประชาสัมพันธ์คู่มือในรูปแบบดิจิทัล สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธระดับเมืองหลัก พบว่าการนำเสนอสื่อวีดีทัศน์การท่องเที่ยวโดยจัดเป็นจังหวัดละสองวัด มีวัดท่องเที่ยวและวัดปฏิบัติ อย่างกระชับไม่เกิน 4 นาที สามารถแสดงข้อมูล จุดท่องเที่ยวสำคัญให้น่าสนใจทั้งด้านวัตถุและเนื้อหา ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้รับชม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) สภาพตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภค ต่อความต้องการท่องเที่ยววิถีพุทธระดับเมืองหลักในระดับชาติและนานาชาติ การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่นำรายได้สู่ประเทศ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปี 2562 กว่า 50% มีรายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่า มีการถูกเลิกจ้างไปไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25-30 และในช่วงท้ายปี2565 รัฐบาลเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่อนปรนมาตรการต่างๆ คาดว่าจะมีรายได้จากตลาดในประเทศประมาณ 7 แสนล้าน และรายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 5 แสนล้าน จากนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 20 ล้านคน และจะกลับฟืนคืนสู่สภาพปกติและดีกว่าเดิม การท่องเที่ยวหลังโควิด จะมุ่งสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในระดับประเทศดีขึ้น สู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูงใน 3 เรื่อง คือ ด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อยู่บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เหมาะสม</p> <p>การสำรวจตลาดนักท่องเที่ยวพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภค มุ่งไปใน 3 เรื่อง คือ (1) ธรรมชาติ ความเขียวชอุ่ม สมูบรณ์ของธรรมชาติ (2)เรื่องธรรมะ มีแหล่งท่องเที่ยวสายพุทธหรือสายธรรม หรือสายมูเตลู ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากรองรับนักท่องเที่ยว (3)วัฒนธรรม จะเชื่อมโยงเข้ากับพระพุทธศาสนา จารีตประเพณี ในแต่ละเดือน แนวโน้มการท่องเที่ยวจากสถานการณ์โควิดระบาดและเศรษฐกิจถดถอย ผู้คนจะมีการท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาที่พึ่งทางจิตใจเพิ่มมากขึ้น แหล่งท่องเที่ยววิถีพุทธ และสถานปฏิบัติธรรมในเมืองหลักทั้ง ๑๕ เมืองจะเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม</p> <p>การพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์วีดิทัศน์สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก เป็นการนำข้อมูลจากวัดท่องเที่ยวและสถานปฏิบัติธรรมในเมืองหลัก มาเขียนบทสคริปวิดีโอ โดยการกำหนดเนื้อหาวัตถุประสงค์ กลุ่มผู้ชม วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการนำไปเผยแพร่ เพื่อตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยจัดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ (1)วัดท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น1.สายเกจิอาจารย์/รูปเคารพและวัตถุมงคล (2) สายสถาปัตยกรรมและจิตรกรรม (3) สายประเพณีวัฒนธรรมและอนุรักษ์ธรรมชาติ และ(2) สถานปฏิบัติธรรมแบ่งออกเป็น 3 คือ 1.แนวพุทโธ /อานาปานสติ (2) แนวสติปัฏฐาน 4 (พองยุบ) (3) แนวกายเคลื่อนไหว รูป-นาม. สื่อที่ได้สามารถนำไปประชาสัมพันธ์ตามช่องทางหลัก (www.travel2thailand.com) และสื่อโซเซียล Youtube, Tiktok, Facebook ตามกระแสผู้บริโภคปัจจุบันนิยมรับสื่อในช่องนี้</p> <p>การนำเสนอสื่อประชาสัมพันธ์คู่มือในรูปแบบดิจิทัล สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธระดับเมืองหลัก พบว่าการนำเสนอสื่อวีดีทัศน์การท่องเที่ยวโดยจัดเป็นจังหวัดละสองวัด มีวัดท่องเที่ยวและวัดปฏิบัติ อย่างกระชับไม่เกิน 4 นาที สามารถแสดงข้อมูล จุดท่องเที่ยวสำคัญ ความน่าสนใจ ออกให้เห็นรูปธรรมนามธรรม ทั้งลำดับการเล่าเรื่อง เสียงบรรยาย ดนตรีประกอบ เอฟเฟค ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้รับชม คัดเลือกมุมภาพที่สวยงาม บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีอรรถรส น่าติดตาม เผยแพร่ในช่องทางหลักและ สื่อโซเชียล Youtube,Tiktok, Facebook เข้าถึงผู้ชมจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว มีการปรับปรุงติดตามอยู่เสมอ ทำให้การเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลักมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263826 บทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตกัมพูชา ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2023-05-09T10:27:13+07:00 พระฮอน อาวุธธปฺปญฺโญ [email protected] <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 1) เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของพระนิสิตชาวกัมพูชาใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2) เพื่อศึกษาบทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตชาวกัมพูชามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมบทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตชาวกัมพูชาในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นการศึกษาวิจัยแบบเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า บทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตชาวกัมพูชาที่มีบทบาทในหลายๆ ด้านที่คาดหวังหรือบทบาทที่สังคมกำหนดตลอดจนบทบาทในการดำเนินกิจกรรมส่วนใหญ่ทำหน้าที่ของตนเองด้วยความเต็มใจและใส่ใจดูแลให้ความเคารพต่อผู้อื่นเป็นบุคคลที่ควรให้ความเคารพนับถือมีบทบาทสำคัญคือการให้คำแนะนำทางจิตใจ เป็นที่พึ่งทางจิตใจ การประพฤติตนเป็นแบบอย่างเรื่องศีลธรรม จริยธรรมและ รู้จักกาล รู้จักเวลา ยึดมั่นปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น</p> <p>ส่วนแนวทางการส่งเสริมบทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตชาวกัมพูชาเป็นการส่งเสริมพระนิสิตเป็นภารกิจหลักของทูตวัฒนธรรม ในการเผยแพร่วัฒนธรรม ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเป็นผู้แทนทางวัฒนธรรม ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งในสังคม รวมไปถึงสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ 1) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านการศึกษา 2) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านวัฒนธรรม 3) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านการดำเนินชีวิต 4) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านสังคม</p> <p>ส่วนแนวทางการส่งเสริมบทบาททูตวัฒนธรรมของพระนิสิตชาวกัมพูชาเป็นการส่งเสริมพระนิสิตเป็นภารกิจหลักของทูตวัฒนธรรม ในการเผยแพร่วัฒนธรรม ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเป็นผู้แทนทางวัฒนธรรม ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งในสังคม รวมไปถึงสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ ๑) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านการศึกษา ๒) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านวัฒนธรรม ๓) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านการดำเนินชีวิต ๔) แนวทางการส่งเสริมบทบาทด้านสังคม</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/265143 วิเคราะห์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยหลักภาวนา 4 2023-10-24T13:57:58+07:00 พระครูนันทพลาภิรม (นวพล เพชรชู) [email protected] ปัณณพงศ์ วงศ์ณาศรี [email protected] โสภณ ขำทัพ [email protected] สุจิตรา ทิพย์บุรี [email protected] <p>บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิทยานิพนธ์เรื่อง “วิเคราะห์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยหลักภาวนา 4” มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๒) ศึกษาหลักภาวนา 4 และ ๓) วิเคราะห์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยหลักภาวนา 4 โดยมีระเบียบวิธีการวิจัยคือ ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพแบบวิจัยเอกสาร การศึกษาเอกสารขั้นปฐมภูมิจากพระไตรปิฎก อรรถกถา ตำรา ทฤษฎี และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ - เดือนเมษายน ๒๕๖๖ ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา และสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <p>๑) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นการพัฒนาศักยภาพภายในตัวมนุษย์ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญให้มีศักยภาพในตนมากขึ้น โดยอาศัยกระบวนการฝึกฝน อบรม การศึกษา และการเรียนรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนาทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ พัฒนาด้านร่างกาย พัฒนาด้านสังคม พัฒนาด้านอารมณ์ และพัฒนาด้านสติปัญญา</p> <p>๒) หลักภาวนา 4 ในพระพุทธศาสนาเป็นการเจริญ การทำให้เป็นให้มีขึ้น และการฝึกฝนอบรมเพื่อการพัฒนาใน 4 ด้าน คือ กายภาวนา คือการพัฒนาอินทรีย์ที่ต้องติดต่อกับสิ่งภายนอกอย่างชาญฉลาด ไม่เป็นทุกข์เพราะการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น ศีลภาวนา คือกระบวนการติดต่อสัมพันธ์กับโลกภายนอกอย่างรู้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก และความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและสังคม จิตภาวนา คือการมีจิตใจที่พัฒนาให้เข้มแข็ง มีคุณธรรม มีปัญญาที่ได้จากการฝึกจิตภาวนา ได้แก่ มีเมตตา กรุณา มุทิตา มีศรัทธาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และปัญญาภาวนา คือการรับรู้และเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ตามความจริง รู้เท่าทันสภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลกและชีวิต</p> <p>๓) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยหลักภาวนา 4 ในพระพุทธศาสนา เป็นกรอบและกระบวนการส่งเสริมให้ผู้ที่พัฒนามีความรู้ ความสามารถ และทักษะการดำเนินชีวิตของตนไปสู่เป้าหมายการพัฒนา ที่ทำให้ถึงประโยชน์ทั้งสาม คือ (๑) ประโยชน์ปัจจุบัน เป็นขั้นแรกที่มนุษย์จะเข้าถึง คือความมั่นคงของชีวิตในปัจจุบัน มีธรรมที่เนื่องกันได้แก่ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา และสมชีวิตา (๒) ประโยชน์เบื้องหน้า เป็นจุดมุ่งหมายที่เป็นไปในภพหน้า มีธรรมที่เป็นเพื่อประโยชน์เบื้องหน้า ได้แก่ ศรัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา และ (๓) ประโยชน์สูงสุด เป็นขั้นที่เป็นอิสระอยู่เหนือโลกอันหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264257 พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยว วิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัดของประเทศไทย ในระดับนานาชาติ 2024-04-05T11:04:27+07:00 อุดม จันทิมา [email protected] กรรณิการ์ ขาวเงิน [email protected] วิไลพร อุ่นเจ้าบ้าน [email protected] <p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด 2) พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด และ 3) ประเมินผลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ และการวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวมรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเมืองหลัก จำนวน 90 คน และผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมการสนทนากลุ่มเจาะจง จำนวน 5 คน ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเก็บรวมรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 628 คน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวทางพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด ประกอบด้วยวัดท่องเที่ยว 15 แห่ง และวัดปฏิบัติธรรม 15 แห่ง แบ่งเส้นทางท่องเที่ยว แบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือ เส้นทางสายวัดท่องเที่ยว มี 3 สาย และเส้นทางสายวัดปฏิบัติธรรม มี 3 สาย สำหรับสารสนเทศเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ (1) ข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งและการติดต่อ (2) ข้อมูลเกี่ยวกับการประเภทเส้นทางและรายละเอียดของสถานที่ และ (3) ข้อมูลเกี่ยวกับบริบทโดยรอบสถานที่ 2) พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด โดยจัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สองภาษาคือ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และ 3) ประเมินผลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการท่องเที่ยววิถีพุทธในเมืองหลัก 15 จังหวัด พบว่าความพึงพอใจในภาพรวมด้านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 อยู่ในระดับมากที่สุด</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/263827 ศึกษาแนวทางการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ ของชุมชนเขตวัดหว่านบุญจังหวัดปทุมธานี 2023-04-11T11:56:08+07:00 พระมหาคมสันต์ คุณธารี [email protected] <p>บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ (1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการรักษาศีล 5 ของชุมชนวัดหว่านบุญ จังหวัดปทุมธานี (2) เพื่อศึกษาการรักษาศีล5ของชุมชนวัดหว่านบุญ จังหวัดปทุมธานี (3) เพื่อศึกษาแนวทางส่งเสริมการรักษาศีล5 ของชุมชนวัดหว่านบุญ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ/ภาคสนาม ผู้ให้ข้อมมูลสำคัญ คือประชาชนทั่วไป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลโดยเขียนในเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัญหาปัจจุบันนี้เป็นมีอาชญากรรมที่ร้ายแรงทั้งหมดเป็นเรื่องของการละเมิดศีล 5 ที่มีสื่อนำเสนอทุกวันตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือทางโทรทัศน์ซึ่งเยาวชนได้รับข่าวสารตามสื่อต่างๆทุกวันนี้มี อุบัติเหตุต่าง ๆ ล้วนแต่เกิดมาจากของมึนเมาและสิ่งเสพติดเหล่านั้น การรักษาศีล 5 เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเป็นปกติ ในการงดเว้นจากบาปทั้งหลายทั้งปวงสำรวมอดทน อดกลั้น ต่อโลภะ โทสะ โมหะ ไม่ล่วงละเมิดผู้อื่นด้วยกาย หรือด้วยวาจา เพื่อให้เกิดความปกติเรียบร้อย สงบสุขในสังคม แนวทางการแก้ปัญหาให้กับคนในชุมชนแก้ปัญหาส่วนบุคคลและสังคมได้ เพื่อลดปัญหาต่างๆ แต่การรักษาศีล 5 ต้องมีความพร้อมทั้ง ด้านกาย ด้านสังคม ด้านจิตใจ ที่จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมเยาวชนในชุมชนเกิดการเรียนรู้ในการรักษาศีล 5 อย่างถูกต้องและไม่ประพฤติผิดในศีลด้วยวิธีการต้องมีสติและความกลัวต่อบาปต่อไป</p> <p>อุบัติเหตุต่าง ๆ ล้วนแต่เกิดมาจากของมึนเมาและสิ่งเสพติดเหล่านั้น การรักษาศีล ๕ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเป็นปกติ ในการงดเว้นจากบาปทั้งหลายทั้งปวงสำรวมอดทน อดกลั้น ต่อโลภะ โทสะ โมหะ ไม่ล่วงละเมิดผู้อื่นด้วยกาย หรือด้วยวาจา เพื่อให้เกิดความปกติเรียบร้อย สงบสุขในสังคม แนวทาง<br />การแก้ปัญหาให้กับคนในชุมชนแก้ปัญหาส่วนบุคคลและสังคมได้ เพื่อลดปัญหาต่างๆ แต่การรักษาศีล ๕ ต้องมีความพร้อมทั้ง ด้านกาย ด้านสังคม ด้านจิตใจ ที่จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมเยาวชนในชุมชนเกิดการเรียนรู้ในการรักษาศีล ๕ อย่างถูกต้องและไม่ประพฤติผิดในศีลด้วยวิธีการต้องมีสติและความกลัวต่อบาปต่อไป</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/265935 รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนา โรงเรียนแม่วินสามัคคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ 2023-11-06T09:14:38+07:00 พระอธิการกิตติศักดิ์ สุธีโร (มาลาวงค์) [email protected] พระครูสิริปริยัตยานุศาสก์ [email protected] พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์ [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการเรียนการสอนรายวิชาพระพุทธศาสนา ของโรงเรียนแม่วินสามัคคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่วินสามัคคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ และ 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่วินสามัคคี ตำบลแม่วิน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่วินสามัคคี ปีการศึกษา 2565 จำนวน 33 คน เป็นนักเรียนชาย 18 คน และนักเรียนหญิง 15 คน</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <p>1) กระบวนการจัดการเรียนการสอนรายวิชาพระพุทธศาสนาของครูผู้สอนโรงเรียนแม่วินสามัคคี ยังไม่สอดคล้องกับหลักทักขิณทิศ เนื่องจากครูผู้สอนยังไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง มีกระบวนการเรียนการสอนที่มีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนน้อย และไม่มีการส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต</p> <p>2) รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนา มีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 จูงใจให้เกิดความศรัทธา ขั้นที่ 2 กิจกรรมนำพาให้รอบรู้ ขั้นที่ 3 พัฒนาสัมพันธ์ศิษย์และครู และขั้นที่ 4 ย้ำสำนึกตื่นรู้ทักขิณทิศ เรียกรูปแบบนี้ว่า ADAC to 4Goods Model</p> <p>3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลการประเมินบทบาทนักเรียนตามหลักทักขิณทิศมีแนวโน้มสูงขึ้น</p> <p><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong></p> <p>1) กระบวนการจัดการเรียนการสอนรายวิชาพระพุทธศาสนาของครูผู้สอนโรงเรียนแม่วินสามัคคี ยังไม่สอดคล้องกับหลักทักขิณทิศ เนื่องจากครูผู้สอนยังไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง มีกระบวนการเรียนการสอนที่มีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนน้อย และไม่มีการส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต</p> <p>2) รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนา มีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 จูงใจให้เกิดความศรัทธา ขั้นที่ 2 กิจกรรมนำพาให้รอบรู้ ขั้นที่ 3 พัฒนาสัมพันธ์ศิษย์และครู และขั้นที่ 4 ย้ำสำนึกตื่นรู้ทักขิณทิศ เรียกรูปแบบนี้ว่า ADAC to 4Goods Model</p> <p>3) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามแนวทักขิณทิศเชิงบูรณาการในรายวิชาพระพุทธศาสนา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลการประเมินบทบาทนักเรียนตามหลักทักขิณทิศมีแนวโน้มสูงขึ้น</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/264267 รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัด ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน 2023-05-29T10:48:24+07:00 พระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร) [email protected] สมศักดิ์ บุญปู่ [email protected] พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน [email protected] <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชน ๒) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมของ ๓) เพื่อเสนอรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๔๐๐ คน สถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๘ คน และสนทนากลุ่ม จำนวน ๙ คนใช้การวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิจัย พบว่า :</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๑. การบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนทั้ง ๕ ด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมการรับประโยชน์ร่วมกัน ด้านการมีส่วนร่วมการระดมความคิด ด้านการมีส่วนร่วมการลงมือทำ ด้านการมีส่วนร่วมการวางแผน และด้านการมีส่วนร่วมการติดตามประเมินผล</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๒. พัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนด้วยกระบวนการของการมีส่วนร่วม ใน ๕ ด้านร่วมกับสภาพแวดล้อมของวัดที่เป็นไปตามหลักสัปปายะ ๗ รวมถึงกระบวนการขับเคลื่อนตามหลักการและวิธีการในการส่งเสริมวัดอุทยานการศึกษาตามเงื่อนไขความสำเร็จในบริบทของวัด ร่วมกับชุมชนและหน่วยงานราชการ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ๓. รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมของชุมชนในการขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนประกอบด้วย ๔ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ ส่วนนำ ส่วนที่ ๒ ตัวแบบ ส่วนที่ ๓&nbsp; ขั้นตอนการนำไปใช้ ส่วนที่ ๔ เงื่อนไขความสำเร็จการจัดสภาพแวดล้อมของวัดที่เป็นไปตามหลักสัปปายะ ๗ หลักการของการมีส่วนร่วมระดมความคิด วิเคราะห์ปัญหา การวางแผน ร่วมรับประโยชน์ร่วมกันตามกระบวนการของการมีส่วนร่วมพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ด้วยชุดความรู้ ผู้ให้ข้อมูลและผู้ถ่ายทอด การออกแบบจัดลำดับ กิจกรรมหรือกระบวนการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ สถานที่&nbsp; การบริหารจัดการตามหน้าที่และอำนาจของเจ้าอาวาสร่วมขับเคลื่อนวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนด้วยองค์ความรู้ TPL</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/271497 การศึกษาวิเคราะห์แนวคิดอัตนิยมและปรัตถนิยมจากภาพยนตร์เรื่อง “Pay lt Forward” ในทัศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท 2024-03-25T13:37:17+07:00 พระอธิการบุญลม โกวิโท [email protected] <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; หนังสือที่จะนำมาวิจารณ์ เรื่อง “<strong>การศึกษาวิเคราะห์แนวคิดอัตนิยมและปรัตถนิยมจากภาพยนตร์เรื่อง“Pay lt Forward” ในทัศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท</strong>” นี้มาจากการทำดุษฎีนิพนธ์เรื่องการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องอัตนิยมและปรัตถนิยมในภาพยนตร์เรื่อง “เพย์อิท ฟอร์เวิร์ด หากใจเราพร้อมจะให้ (ใจ) เราจะได้มากกว่าหนึ่ง” ในทัศนะของพุทธปรัชญาเถรวาทอันเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาระดับปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาปรัชญา จากการสึกษาพบว่าแนวคิดอัตนิยมมีความหมายที่ตรงกับความเห็นแก่ตัว ตระหนี่ เป็นพฤติกรรมที่ผู้กระทำมุ่งเพื่อประโยชน์ตนเองเป็นหลัก ส่วนแนวคิดปรัตถนิยมเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์หรือช่วยเหลือสังคมส่วนรวม ซึ่งสอดคล้องกับการการให้ทานอันเป็นไปเพื่อประโยชน์ตัวเองและผู้อื่น รวมถึงประโยชน์ทั้งฝ่าย และยังพบว่า อัตนิยมกับปรัตถนิยมนั้น ต่างก็มีคุณค่าทางศีลธรรมทั้งสอบแนวคิด เพียงแต่ต้องมีความรอบคอบและใช้ปัญญาในการเลือก&nbsp; ซึ่งมีทั้งหมด ๕ &nbsp;บท ๑๕๗ &nbsp;หน้า</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์