วารสารพิกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun <p>วารสารพิกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร รับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยทั้งในและนอกสถาบัน ทำขึ้นเพื่อส่งเสริมและรองรับการตีพิมพ์ เผยแพร่ ผลงานวิชาการ ในรูปแบบบทความวิชาการ บทความวิจัย บทความวิทยานิพนธ์ และบทวิจารณ์หนังสือ ที่เป็นองค์ความรู้ทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม </p> <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารจะต้องผ่านการตรวจพิจารณาจากกองบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) และจะต้องค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความ จำนวน 3,500 บาท/เรื่อง ทางวารสารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในขั้นตอน Peer Review</p> <p><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;">ISSN : 3056-9044 (พิมพ์) </span></span></p> <p><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;">E-ISSN : 3027-6462 (ออนไลน์)</span></span></p> th-TH <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารพิกุล ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ<br>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารพิกุล ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพิกุล หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารพิกุล ก่อนเท่านั้น</p> pjkpru@gmail.com (ผู้ช่วยศาสตราจารย์พัจนภา เพชรรัตน์) pjkpru@gmail.com (นางสาวรุ่งทิวา ฉัตรชัยสุริยา) Fri, 08 Aug 2025 17:18:58 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 เรียนศิลปะจบแล้วไปทำอะไร? การสักลาย : อาชีพหนึ่งของศิลปะบนเรือนร่าง https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/281953 <p>ผู้ปกครองและคนทั่วไปมักถามคำถามนี้กับนักศึกษาวิชาศิลปะ “เรียนศิลปะจบแล้วจะไปทำอะไรกิน” เนื่องจากในความคิดของพ่อแม่พี่น้องญาติสนิทนั้นอาชีพที่ดีที่สุดก็คือ “รับราชการ” ความเชื่อดังกล่าวฝังลึกอยู่ในความคิดของคนรุ่นเก่ามาตั้งแต่อดีตกาล ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้ มีอาชีพหลากหลาย ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดอาชีพแก่ตนเองได้ ที่เรียกว่า “อาชีพอิสระหรืออาชีพส่วนตัว”<br>ผู้เรียนที่มีความรักและชอบด้านศิลปะเป็นพิเศษศึกษาหาความรู้ทางด้านศิลปะจากสถาบันต่างๆ เพื่อแสวงหาความรู้ ทักษะมาเสริมสร้างสติปัญญาและความสามารถของตนเอง โดยยังไม่ได้คิดถึงการประกอบอาชีพที่แน่นอนและมั่นคงในอนาคต<br>ด้วยเหตุนี้ การสักลาย จึงเป็นอาชีพหนึ่งที่ทุกวันนี้มีคนเรียนจบสาขาวิชาศิลปะนำไปประกอบอาชีพอิสระหรืออาชีพส่วนตัวกันมากขึ้น โดยการเปิดร้านรับบริการสักลายบนเรืองร่าง เช่น มือ แขน ขา หน้าอก หลัง ไหล่ หน้าผาก ฯลฯ เนื่องจากสังคมไทยในปัจจุบันต่างจากอดีต เรามีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อผู้ที่สักลาย ดังนั้นการสักลายในปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ทั้งคนไทยและคนต่างชาติเพศหญิงและเพศชาย</p> มัย ตะติยะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/281953 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การจัดการโลจิสติกส์สำหรับการท่องเที่ยวตามแนวทางมรดกโลกกินได้ในพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย–ศรีสัชนาลัย–กำแพงเพชร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/278731 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรม, วิถีชีวิตชุมชน, และมรดกทางธรรมชาติในพื้นที่พิเศษ 4 ที่เชื่อมโยงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, ศรีสัชนาลัย, และกำแพงเพชร พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก, ร้านอาหาร, การคมนาคม, ความปลอดภัย และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วิธีการวิจัยทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถามผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญโดยวิธี IOC ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) &nbsp;จากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ผลการวิจัยพบว่าพื้นที่มีการเชื่อมโยงทางคมนาคมที่ดี แต่มีข้อจำกัดในการบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะในศรีสัชนาลัย ที่ต้องพึ่งพารถส่วนตัวหรือเช่า การจัดการข้อมูลการเดินทางยังไม่ครอบคลุม จึงควรส่งเสริมบริการขนส่งสาธารณะและพัฒนาข้อมูลออนไลน์ เช่น QR Code และอบรมชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่</p> <p>&nbsp;</p> เอกชัย จากศรีพรหม, ไพริน เวชธัญญะกุล, วริษฐา แก่นสานสันติ, รุ่งนภา เลิศพัชรพงศ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพิกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/278731 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาโมเดลนวัตกรรมการสื่อสารเพื่อการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในระบบมหาวิทยาลัยเปิดดิจิทัลเพื่อพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพจำเพาะ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/281895 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาโมเดลนวัตกรรมการสื่อสารที่สามารถรองรับการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตภายในระบบมหาวิทยาลัยเปิดดิจิทัล โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพจำเพาะของผู้เรียนให้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน การดำเนินการวิจัยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ที่เน้นการทำความเข้าใจเชิงลึกในปรากฏการณ์ที่ศึกษา กระบวนการวิจัยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์เอกสาร (Document Analysis) ที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย แนวทางการจัดการศึกษา และแนวปฏิบัติในการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพจำเพาะจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและน่าเชื่อถือ ครอบคลุมทั้งเอกสารในระดับมหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจวรรณกรรมออนไลน์ (Online Literature Review) อย่างเป็นระบบ เพื่อทบทวนและสังเคราะห์องค์ความรู้ แนวคิด ทฤษฎี รวมถึงกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการสื่อสาร การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง ทั้งในบริบทของประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ของสื่อการสื่อสารที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ วีดิทัศน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของแนวทางการสื่อสารที่มีต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน</p> <p>ผลการวิจัยชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตในมหาวิทยาลัยเปิดดิจิทัลในปัจจุบันยังคงเผชิญกับความท้าทายในการบูรณาการนวัตกรรมการสื่อสารให้เหมาะสมและตอบสนองต่อความหลากหลายของผู้เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานที่ต้องการพัฒนาทักษะ (upskilling/reskilling) สำหรับอาชีพจำเพาะ ผู้เรียนได้แสดงความต้องการที่ชัดเจนในการพัฒนาสมรรถนะที่สำคัญ ได้แก่ ทักษะดิจิทัล การคิดเชิงระบบ และทักษะการสื่อสารวิชาชีพ จากการสังเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ ผู้วิจัยจึงได้พัฒนาโมเดล "C.L.I.M.B." ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดนวัตกรรมที่ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่ 1) Communication Innovation (นวัตกรรมการสื่อสาร), 2) Lifelong Learning Framework (กรอบการเรียนรู้ตลอดชีวิต), 3) Individualized Learning Path (เส้นทางการเรียนรู้เฉพาะบุคคล), 4) Motivation and Mindset for Growth (แรงจูงใจและกรอบความคิดเพื่อการเติบโต), และ 5) Bridging to Professional Competency (การเชื่อมโยงสู่สมรรถนะวิชาชีพ) โมเดลที่พัฒนาขึ้นนี้ได้รับการตรวจสอบความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ (Expert Validation) และมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence - IOC) เท่ากับ 0.89 ซึ่งเป็นค่าที่สูงมาก แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่งในการนำไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อยกระดับการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตในมหาวิทยาลัยเปิดดิจิทัล</p> ธิติพัฒน์ เอี่ยมนิรันดร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพิกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/281895 Fri, 08 Aug 2025 00:00:00 +0700 การส่งเสริมทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประยุกต์ให้กับนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร บนฐานการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/274325 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประยุกต์ให้กับนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร และประเมินผลลัพธ์การส่งเสริมทักษะดังกล่าว มีระเบียบวิธีวิจัย ประกอบด้วย การทบทวนภารกิจงานเพื่อพัฒนาประเด็นการวิจัยบนพื้นฐานของการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (R2R) การจัดฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประยุกต์ 5 ด้าน ให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 100 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ 1 จำนวน 52 คน และกลุ่มที่ 2 จำนวน 48 คน การประเมินผลลัพธ์โดยการประเมินผลการเรียนรู้ก่อนและหลังการพัฒนาทักษะ โดยใช้วิธีการทดสอบสถิติทดสอบ T-Test (One Sample T-Test) และการประเมินความพึงพอใจต่อกิจกรรมโดยใช้ค่าเฉลี่ย แบ่งเป็น 5 ระดับ ผลการศึกษา พบว่า (1) การทบทวนภารกิจทำให้เกิดประเด็นการวิจัยและการกำหนดขั้นตอนการวิจัย โดยการวางแผน การส่งเสริมทักษะ การใช้แบบทดสอบก่อนและหลังการเรียนรู้ และการติดตามผลลัพธ์กระบวนการ (2) การประเมินผลการส่งเสริมทักษะในกลุ่มที่ 1 (การจัดการไฟล์ การใช้งาน MS Word การจัดทำหนังสือเวียน และการใช้งาน MS PowerPoint) และกลุ่มที่ 2 (การใช้งาน MS Excel) รวมทั้ง 2 กลุ่ม พบว่า ทุกกลุ่มมีค่าคะแนนเพิ่มขึ้นหลังการส่งเสริมทักษะ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ก่อนและหลัง เท่ากับ 0.72, 0.83 และ 0.77 ตามลำดับ และ<br />การวิเคราะห์ค่า t พบว่า การส่งเสริมทักษะมีผลทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีทักษะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) ผู้เข้าร่วมกิจรรมทุกกลุ่ม มีภาพรวมความพึงพอใจโดยภาพรวมในระดับมาก และมีความพึงพอใจรายประเด็นระดับมาก เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการส่งเสริมทักษะมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของทักษะอย่างมีนัยสำคัญ และการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยทำให้เกิดข้อเสนอแนะและองค์ความรู้เพื่อการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น</p> นายจิรพงษ์ เทียนแขก ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพิกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Phikun/article/view/274325 Sun, 26 Oct 2025 00:00:00 +0700