วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/QLLJ <p> เป็นวารสารที่มุ่งเน้นเฉพาะวิชาการทางด้านสังคมสุขภาวะและคุณภาพชีวิต รวมถึงวิชาการทางด้านกฎหมายการแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสหวิทยาการ และมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสรรค์สร้างสังคมสุขภาวะ ทั้งนี้เพื่อให้บริการทางวิชาการแก่สังคมในรูปแบบของวารสารวิชาการ และเพื่อเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นทางวิชาการของคณาจารย์ นักวิชาการทั้งภายในและภายนอกสถาบัน มีกระบวนการให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบก่อนการเผยแพร่ (Double blind peer review) โดยกำหนดการออกวารสารทุก 6 เดือน ปีละ 2 ฉบับ (ม.ค.- มิ.ย. และ ก.ค.-ธ.ค.) </p> <ul> <li class="show"><strong>วัตถุประสงค์</strong> <br /> 1. เพื่อเผยแพร่ความรู้ ผลงานวิจัย ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในทางวิชาการด้านกฎหมายการแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ตลอดจนสหวิทยาการและมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสรรค์สร้างสังคมสุขภาวะ<br /> 2. เพื่อเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นทางด้านสังคมสุขภาวะและคุณภาพชีวิต รวมถึงวิชาการทางด้านกฎหมายการแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสหวิทยาการและมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสรรค์สร้างสังคมสุขภาวะของคณาจารย์ นักวิชาการทั้งภายในและภายนอกสถาบัน<br /> 3. เพื่อส่งเสริมให้ผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ นักวิชาการ และนักศึกษาทั้งภายในและภายนอกสถาบันได้เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ<br /> 4. เพื่อให้บริการทางวิชาการแก่สังคมในรูปแบบของวารสารวิชาการ<br /> 5. เพื่อให้เป็นเอกสารประกอบการศึกษาในระดับอุดมศึกษา</li> </ul> สโมสรเสือป่าวชิราวุธานุสรณ์ en-US วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย 1686-9443 <p>- บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมายเป็<wbr>นวรรณกรรมของผู้เขียนโดยเฉพาะ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้<wbr>องเห็นด้วย</p> <p>- กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์<wbr>ในการคัดลอกบทความเพื่อการศึ<wbr>กษาแต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มาให้<wbr>ครบถ้วนสมบูรณ์</p> หลักการใช้ดุลพินิจตามกฎหมายในการออกคำสั่งทางปกครอง https://so05.tci-thaijo.org/index.php/QLLJ/article/view/278162 <p>บทความวิชาการฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการกระทำทางปกครองที่มีลักษณะการใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งทางปกครองเพื่อการบริหารองค์กร โดยคำสั่งทางปกครองมีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ ลักษณะ รูปแบบ และความชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแบ่งเป็นองค์ประกอบที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม องค์ประกอบที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การมีอำนาจตามกฎหมาย และรูปแบบหรือขั้นตอนที่กำหนดไว้ <br />ส่วนองค์ประกอบที่เป็นนามธรรม ได้แก่ ดุลพินิจ เมื่อหน่วยงานทางปกครองต้องออกคำสั่งทางปกครองในรูปแบบใดก็ตาม ผู้มีอำนาจจำเป็นต้องใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งนั้น โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เป็นแนวทาง เช่น การพิจารณาตามหลักความชอบด้วยกฎหมาย หลักไม่มีกฎหมายไม่มีอำนาจ หลักความได้สัดส่วน หลักความเหมาะสม และหลักความจำเป็น หากการใช้ดุลพินิจเกิดข้อผิดพลาด เช่น การไม่ใช้ดุลพินิจ การใช้ดุลพินิจเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การใช้ดุลพินิจอย่างบิดเบือน หรือการใช้ดุลพินิจโดยไม่คำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการใช้ดุลพินิจขัดกับหลักกฎหมายทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อความยุติธรรมทางปกครอง ทั้งในส่วนของผู้รับคำสั่งและผู้ออกคำสั่งนั้น</p> <p><strong> </strong></p> ชิษณุชา หมั่นถนอม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-29 2025-06-29 21 1 e278162 e278162 แนวทางพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม ในการทำสัญญาในทุกด้าน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/QLLJ/article/view/280484 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อกฎหมายหรือมาตรการของต่างประเทศในการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อสัญญาที่เป็นธรรม โดยเปรียบเทียบกับกฎหมายหรือมาตรการในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคทางด้านสัญญาของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงข้อกฎหมาย หรือมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาทุกด้านอย่างทั่วถึง โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการเก็บข้อมูลเชิงเอกสารกฎหมายของสหภาพยุโรป เครือรัฐออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร มาใช้เป็นกฎหมายต้นแบบในการวิเคราะห์เปรียบเทียบ ประกอบกับการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกแบบเฉพาะเจาะจงจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 9 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการเปรียบเทียบกับแนวทางในต่างประเทศ ประกอบกับการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เพื่อนำมาสนับสนุนข้อเสนอแนะในการศึกษา</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า ทำให้ทราบถึงลักษณะของปัญหาที่เกิดขึ้นในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคด้านสัญญาของประเทศไทยที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบธุรกิจ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้บริโภค ปัญหาที่เกิดจากข้อสัญญา และปัญหาการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคจากการทำสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายของสหภาพยุโรป เครือรัฐออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ทำให้ทราบว่าการจะช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศไทยได้รับความเป็นธรรมในทุกด้านนั้น จำต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลักษณะของข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมให้ครอบคลุมถึงความหลากหลายของผู้บริโภค</p> <p> ข้อเสนอแนะจากการวิจัย พบว่า ควรมีการจัดทำข้อแนะนำในการจัดทำสัญญาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค และควรมีแนวทางในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคจากการทำสัญญาหรือธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์</p> กฤษฎา แสงเจริญทรัพย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-29 2025-06-29 21 1 e280484 e280484 ทุนศักยภาพในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษา พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดจันทบุรี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/QLLJ/article/view/276609 <p>การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ วิเคราะห์ทุนศักยภาพการขับเคลื่อนการจัดการการศึกษาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดจันทบุรี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินการใน 2 ขั้นตอน คือ 1) การวิเคราะห์ ทุนศักยภาพระดับจังหวัด และ 2) การวิเคราะห์ทุนศักยภาพระดับสถานศึกษา ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ประกอบด้วย 1) คณะทำงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดจันทบุรี 2) ภาคการศึกษา 3) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4) ภาครัฐ 5) ภาคเอกชน 6) ภาคประชาสังคม 7) เด็กและเยาวชน 8) ผู้บริหารสถานศึกษา และ 9) ครู รวบรวมข้อมูลผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยใช้กระบวนการประเมินเชิงพัฒนา ประกอบกับการใช้คำถาม การวิเคราะห์ทุนศักยภาพระดับจังหวัดและระดับสถานศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา แล้วนำเสนอด้วยรูปแบบพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า ทุนศักยภาพการขับเคลื่อนการจัดการการศึกษาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วย 1) นโยบาย 2) การเมือง 3) เศรษฐกิจ 4) การศึกษา ซึ่งด้านนี้พบปัญหาหลัก ๆ 3 ด้าน ประกอบด้วย (4.1) ด้านโอกาสทางการศึกษา (4.2) ด้านคุณภาพทางการศึกษา และ (4.3) ด้านประสิทธิภาพ ทางการศึกษา 5) ด้านสิ่งแวดล้อม 6) ด้านสังคมวัฒนธรรม และ 7) ด้านเทคโนโลยี</p> <p>ข้อเสนอแนะจากการวิจัย พบว่า 1) เชิงนโยบาย: สนับสนุนผู้บริหารการศึกษาให้เป็นแกนนำจัดตั้งคณะทำงานส่งเสริมพื้นที่นวัตกรรม โดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน 2) ต่อพื้นที่นวัตกรรม: กำหนด Road Map, แผนปฏิบัติการ และสร้างกลไกขับเคลื่อน โดยมี Core Team ระดับจังหวัด และภาคีเครือข่ายแบบจตุรภาคีระดับโรงเรียนเป็นกลไกย่อยในการขับเคลื่อนพื้นที่ และ 3) ต่อสถานศึกษานำร่อง: สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่น่าสนใจ สนับสนุนนวัตกรรมและการวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน</p> ธีรังกูร วรบำรุงกุล วิวัฒน์ เพชรศรี ฬิฏา สมบูรณ์ นรินทร์ สังข์รักษา เริงวิชญ์ นิลโคตร อัจฉรา สาหุทัศ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-29 2025-06-29 21 1 e276609 e276609