https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/issue/feed
รัฐศาสตร์นิเทศ
2024-12-02T19:48:47+07:00
ผศ.ดร.พีระ เจริญวัฒนนุกูล
polsci.tu.journal@gmail.com
Open Journal Systems
<p> “รัฐศาสตร์นิเทศ” (Political Science Review) เป็นวารสารวิชาการของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีเป้าหมายนำเสนอผลงานที่มุ่งเชื่อมโยงมิติทางทฤษฎีกับมิติทางปฏิบัติเข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ไม่เพียงครอบคลุมเฉพาะในหมู่คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา หรือนักวิจัยเท่านั้น หากยังรวมถึงบุคคลทั่วไปนอกวงวิชาการซึ่งมีความจำเป็นในเชิงนโยบาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมิติทางทฤษฎีกับมิติทางปฏิบัติจะช่วยให้เกิดการประยุกต์ใช้ความรู้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ที่มีอยู่อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงความต้องการของสังคมยิ่งขึ้น โดยตีพิมพ์วารสาร “รัฐศาสตร์นิเทศ” ปีละ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน และฉบับที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม -- Print ISSN: 2465-4043</p>
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/268208
การจัดการปกครองเครือข่ายนวัตกรรมอาหารภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายเมืองนวัตกรรมอาหาร
2023-10-04T13:54:05+07:00
ศรัญญา ปานเจริญ
sry.pchr@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาภูมิหลังความร่วมมือของภาคีเครือข่ายก่อนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายเมืองนวัตกรรมอาหาร รวมไปถึงเปรียบเทียบการจัดการปกครองเครือข่ายนวัตกรรมอาหารเชิงพื้นที่ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายเมืองนวัตกรรมอาหาร โดยการใช้วิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัย พบว่า ที่มาของพันธกิจและวัตถุประสงค์ของเครือข่าย มีการกำหนดขึ้นจากทรัพยากรที่มี แนวนโยบายของกลุ่มจังหวัด บริบทของพื้นที่และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แนวนโยบายของมหาวิทยาลัย และและการบูรณการสหสาขาวิชา ส่งผลให้พันธกิจและวัตถุประสงค์ของเครือข่ายนวัตกรรมอาหารมีความแตกต่างกัน ด้านการเลือกพันธมิตรและกลยุทธ์ที่ใช้ในการสร้างเครือข่าย ให้ความสำคัญจากความสามารถในการเข้ากันได้ของวัฒนธรรมองค์การ การประเมินขีดความสามารถพันธมิตร และความใกล้ชิดของผู้รับบริการ แต่มีเพียงบางกรณีศึกษาที่ให้ความสำคัญต่อการเลือกพันธมิตรด้วยการมีใจและอุดมการณ์ร่วม รวมถึงการใช้ข้อกฎหมายเพื่อคัดกรองพันธมิตร ในการสร้างเครือข่ายมีการเลือกใช้กลยุทธ์จากการระดมทรัพยากรจากภาคส่วนต่าง ๆ และการพิจารณาอำนาจหน้าที่ของพันธมิตร ในขณะที่กลยุทธ์แรงจูงใจทางการเงินหรืองบประมาณ กลยุทธ์การโน้มน้าวชักจูง กลยุทธ์การใช้บทบาททางกฎหมายเพื่อสร้างการยอมรับ มักเป็นกลยุทธ์สำคัญของการสร้างเครือข่ายในกรณีที่ภาคีไม่เคยมีความร่วมมือกันมาก่อนตลอดจนรูปแบบโครงสร้างเครือข่ายนวัตกรรมอาหารจะขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่และภารกิจเดิมระหว่างภาคีเครือข่ายเป็นสำคัญ</p>
2024-12-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/268406
การศึกษากระบวนทัศน์การอภิบาล
2023-10-18T10:12:46+07:00
ชัชวินธ์ ตันติเวชวาณิชย์
chardchawin@gmail.com
สุธรรมา ปริพนธ์เอื้อสกุล
suthamma.n@chula.ac.th
<p>ผลการศึกษาพบว่า เครือข่ายขับเคลื่อนโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถอธิบายแนวคิดทฤษฎีที่อยู่ภายใต้กระบวนทัศน์การอภิบาลแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเด็นศึกษา หนึ่ง แนวคิดการบริหารกิจการบ้านเมืองแบบร่วมมือกัน อธิบายกระบวนการบูรณาการในแนวราบที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม บทบาทผู้อำนวยความสะดวก การตัดสินใจแบบฉันทามิติ ความเชื่อที่ว่าการสื่อสารที่ดีที่สุดคือการพบปะกัน และการบริหารทรัพยากรบุคคลที่หน่วยงานแกนเป็นผู้แบกรับภาระ สอง แนวคิดการจัดการปกครองเครือข่าย ช่วยอธิบายการออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสม การระดมทรัพยากร การแบ่งบทบาทหน้าที่ของตัวแสดง การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ และการกำกับดูแลเครือข่ายที่ดี และสาม แนวคิดการบริหารกิจการบ้านเมืองเชิงพื้นที่ ช่วยอธิบายบทบาทผู้นำที่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์หลายระดับ แบบแผนการทำงาน การสร้างความชอบธรรม การเลือกตัวแสดงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ การออกแบบกิจกรรมที่สอดรับกับสภาพปัญหาในพื้นที่ และการยอมรับการสื่อสารภายที่เป็นทางการ เป็นต้น ข้อค้นพบสำคัญ ได้แก่ การกำหนดเงื่อนไขของหน่วยงานผู้ให้ทุนอาจลดทอนความเป็นอิสระเครือข่ายได้ ผู้นำภาคประชาสังคมที่ดีควรมีอำนาจบารมีและเครือข่ายเป็นทุนเดิม การกำหนดให้ตัวแสดงสำคัญของกลไกย่อยเป็นส่วนหนึ่งในกลไกหลักสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารได้ แรงจูงใจของการอภิบาลอาจมาจากความคาดหวังจากตัวแสดงอื่น ๆ และการจัดตั้งกลไกเชิงภารกิจเฉพาะอย่างเป็นทางการมีนัยสำคัญต่อความสำเร็จของเครือข่าย</p>
2024-12-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/266942
การประยุกต์ใช้อุดมการณ์ประชานิยมฝ่ายซ้ายในพรรคการเมือง
2023-09-06T15:35:33+07:00
ภูริภัทร์ เครือนพรัตน์
phuriphat.kr@kpi.ac.th
อรรถสิทธิ์ สิทธิดำรง
att_online1@hotmail.com
<p>งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาการประยุกต์ใช้ทฤษฎีและยุทธศาสตร์ของการเมืองแบบประชานิยมฝ่ายซ้าย กับพรรคการเมืองในสามประเทศ โดยการเลือกประเทศเป็นกรณีศึกษานั้น เป็นเลือกกรณีศึกษาจากพรรคการเมืองที่นำทฤษฎีดังกล่าวไปปฏิบัติ และได้รับอิทธิพลจากเออร์เนสโต ลาคลาว และชองตาล มูฟ ซึ่งได้แก่ 1. พรรคโปเดมอส ในประเทศสเปน 2. พรรคซิริสซ่า ในประเทศกรีซ และ 3. พรรคอนาคตใหม่ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการศึกษาผ่านงานวิจัย หนังสือ และบทสัมภาษณ์ ในกรณีของพรรคโปเดมอสและซิริสซ่า และศึกษาผ่านเอกสาร และทำการสัมภาษณ์เชิงลึกในกรณีพรรคอนาคตใหม่ โดยเป็นการศึกษาถึงบริบททางการเมืองของประเทศนั้น ๆ อันเป็นเงื่อนไขให้เกิดประชานิยมฝ่ายซ้าย จากนั้นศึกษาการก่อตัวขึ้นของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่าเกิดขึ้นสอดคล้องกับความเป็น “ประชาชน” ตามแบบของประชานิยมได้อย่างไร และหยิบเอากรอบคิดต่าง ๆ เช่น ห่วงโซแแห่งความเท่าเทียม (chain of equivalence) nodal point หรือ การหลอมรวมความต้องการของประชาชน (articulation of demand) ว่ามีการนำมาปรับใช้กับบริบททางการเมืองของพรรคการเมืองในประเทศนั้น ๆ ได้อย่างไร ซึ่งบทสรุปพบว่า การเกิดขึ้นของประชานิยมฝ่ายซ้ายนั้น เกิดจากความต้องการเปลี่ยนแปลงของประชาชนโดยรวมในประเทศนั้น ๆ ซึ่งอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกัน เช่น อาจมีสาเหตุจากทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือความเหลื่อมล้ำหรือความไม่ยุติธรรมทางสังคม จากนั้นจึงส่งผ่านความต้องการนี้ไปสู่พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชนโดยรวม ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระบบรัฐสภาหรือการเมืองในระบบได้ พรรคการเมืองเหล่านั้นจึงต้องนำเสนอนโยบายเพื่อหาเสียงที่ตรงกับความต้องการของประชาชน และสร้างปกปักษ์ร่วม เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของประชาชน อาจเป็นที่สรุปได้ว่าการชนะเลือกตั้งและถืออำนาจรัฐนั้นอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จของประชานิยมฝ่ายซ้าย เนื่องจากข้อจำกัดของความความเป็นรัฐ หากแต่ความสำเร็จอาจไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ในระยะเวลาอันสั้น หรือเป็นความสำเร็จในระยะสั้น แต่เป็นความสำเร็จที่ได้ปลุกชีวิตของความเป็นการเมืองขึ้นอีกครั้งในรัฐ โดยประชาชนนั้นเองที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้การเมืองมีความเป็นการเมือง</p>
2024-12-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/270816
การสำรวจสถานภาพองค์ความรู้ทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ของต่างประเทศและความท้าทายในศตวรรษที่ 21
2024-04-24T12:46:33+07:00
กานต์รวี วิชัยปะ
w.kanrawee@gmail.com
ปรีชญาณ์ นักฟ้อน
preechayan@g.swu.ac.th
กัลยา แซ่อั้ง
kanlayanaka@gmail.com
บุญนัดดา ชัยนาม
boonnadda@g.swu.ac.th
<p>งานวิจัยเรื่อง “การสำรวจสถานภาพองค์ความรู้ทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ของต่างประเทศและความท้าทายในศตวรรษที่ 21” มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อสำรวจขอบข่ายการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ในปัจจุบันของต่างประเทศ 2. เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ในอนาคต งานวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) ด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงเอกสาร (Documentary Research) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ของต่างประเทศ พิจารณาสถานภาพขององค์ความรู้ทางรัฐประศาสนศาสตร์และการจัดการเรียนการสอนทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ของต่างประเทศ ว่ามีการจัดโครงสร้างการเรียนการสอนในรูปแบบคณะ ภาควิชา หรือหลักสูตร โดยพิจารณาจากการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาชั้นนำของต่างประเทศ ตลอดจนพิจารณาถึงขอบข่ายการศึกษาทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ที่มีในต่างประเทศของนักวิชาการกลุ่มต่าง ๆ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p style="font-weight: 400;">ผลการวิจัย พบว่า 1. สำรวจขอบข่ายการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ในปัจจุบันของต่างประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรระดับปริญญาโท เน้นการบูรณาการความรู้และความเข้าใจหลักการด้าน<br />รัฐประศาสนศาสตร์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยบูรณาการร่วมกับสาขาวิชาอื่นที่นอกเหนือจากรัฐประศาสนศาสตร์ เน้นสร้างความเข้าใจในหลักวิชาการและองค์ความรู้ด้านการวิจัยมาบูรณาการร่วมกันเป็นองค์ความรู้หลัก และ 2.วิเคราะห์ทิศทางการศึกษาทางรัฐประศาสนศาสตร์ในอนาคต พบว่า ในอนาคตทิศทางการศึกษามุ่งเน้นขอบข่ายองค์ความรู้ด้านนโยบายสาธารณะเป็นวิชาหลัก ซึ่งมีพัฒนาการปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทภูมิสังคมทางการบริหารในแต่ละช่วงเวลา โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทั้งผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายสาธารณะนั้น เพื่อความหลากหลายและสอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน</p>
2024-12-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RatthasatNithet/article/view/274108
ทบทวนเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองในจีนและการลี้ภัยไปยังฝรั่งเศสของปรีดี พนมยงค์ (1948-1970) ผ่าน “เอกสารปรีดี” ที่หอจดหมายเหตุกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส
2024-07-10T14:31:13+07:00
ดิน บัวแดง
din.buadaeng@cmu.ac.th
<p>ในบรรดางานศึกษาทั้งหมดที่เกี่ยวกับปรีดี พยมยงค์ อาจจะพูดได้ว่าช่วงชีวิตของปรีดีที่ยาวนานถึง 21 ปีในจีนตั้งแต่ 1948-1970 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการศึกษาน้อยที่สุด งานที่ผ่านมาเกี่ยวกับปรีดีในจีนจึงมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น มักจะให้ภาพของปรีดีที่หยุดนิ่ง ตายตัว โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่าปรีดีไม่เป็นคอมมิวนิสต์ ในขณะที่หลายชิ้นก็ให้ข้อมูลที่ผิดในเชิงข้อเท็จจริง หรือแม้จะถูกต้องก็อาจจะถูกแค่บางส่วน โดยไม่ช่วยให้เราเข้าใจปรีดีหรือสถานการณ์ในขณะนั้นมากนัก อย่างไรก็ตาม ในทิศทางที่สวนทางกับงานศึกษาเรื่องปรีดีที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาดังกล่าว ช่วงเวลาที่ปรีดีอยู่ที่จีนนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความแหลมคมของสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ กล่าวคือ ปรีดีผ่านช่วงสงครามเกาหลี การรัฐประหารของสฤษดิ์ สงครามเวียดนาม การเริ่มต้นต่อสู้โดยอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) การ “ก้าวกระโดดไกล” และการปฏิวัติวัฒนธรรม ขณะอยู่ในจีน</p> <p>บทความชิ้นนี้ศึกษา “เอกสารปรีดี” ที่กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสรวบรวมไว้สองแฟ้ม ซึ่งครอบคลุมช่วง 1965-1972 และนำเสนอเนื้อหาสำคัญของเอกสาร เพื่อชี้ให้เห็นว่าหากวิเคราะห์ ตีความ และเทียบเคียงกับเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลี้ภัยของปรีดีในจีนแล้ว เราจะพอประมวลภาพความซับซ้อนของปรีดีในฐานะนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศจีนช่วง 1948-1970 ได้ โดยสามารถแบ่งช่วงเวลาของการเคลื่อนไหวออกเป็นสามช่วงย่อย ซึ่งสัมพันธ์กับสถานการณ์ในไทย ในจีนและสถานการณ์ระหว่างประเทศ</p>
2024-12-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์