วารสารวิชาการเซาธ์อีสท์บางกอก (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)

คุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดที่มีผลต่อความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ ของประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

จริยา ศรีจรูญ — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด
และความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้บริโภค 2) ศึกษาคุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดที่มีผลต่อความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้บริโภค ประชากรคือผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สุ่มเป็นกลุ่มตัวอย่าง 390 คน เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถามออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิติพรรณนา และทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุแบบมีขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression) ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด และความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้บริโภคมีระดับความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดด้านความดึงดูด ความไว้วางใจ ความเชี่ยวชาญ ความเคารพ และความคล้ายคลึง กับความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์ (Y) มีค่าอยู่ระหว่าง 0.536 ถึง 0.606 และมีความสัมพันธ์ทางบวก
โดยสามารถเขียนสมการในการถดถอยเชิงพหุในรูปของคุณลักษณะของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดที่มีผลต่อความตั้งใจซื้อ (Y) ในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานได้ดังนี้

สมการในรูปคะแนนดิบ

Y = ค่าคงที่ + 0.166 (ความเคารพ) + 0.190 (ความคล้ายคลึง) + 0.13 (ความไว้วางใจ)

สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน

Z = 0.216 (ความเคารพ) + 0.284 (ความคล้ายคลึง) + 0.289 (ความไว้วางใจ)

แนวทางการจัดสรรสวัสดิการเพื่อสร้างความพึงพอใจของพนักงานบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี

สุชารัตน์ สมยาทวี, เขมญา คินิมาน, ปรัชนันท์ เจริญอาภรณ์วัฒนา — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

งานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความพึงพอใจและความต้องการสวัสดิการของพนักงาน
2) เปรียบเทียบความพึงพอใจและความต้องการสวัสดิการของพนักงานจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) ศึกษาแนวทางการจัดสรรสวัสดิการเพื่อสร้างความพึงพอใจของพนักงานบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed method) ในการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากพนักงาน จำนวน 120 คน โดยใช้แบบสอบถาม ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับพนักงานระดับปฏิบัติการและหัวหน้างานจากแต่ละแผนก จำนวน 10 คน ผลการวิจัย พบว่า 1) ความพึงพอใจในสวัสดิการของพนักงานอยู่ในระดับปานกลาง เรียงลำดับความพึงพอใจจากมากไปน้อย คือ สวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย ด้านความปลอดภัย ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและนันทนาการ ขณะที่ระดับความต้องการสวัสดิการของพนักงาน โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย คือ สวัสดิการ ด้านเศรษฐกิจ ด้านความปลอดภัย ด้านสังคมและนันทนาการ ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัย 2) ความพึงพอใจในสวัสดิการของพนักงานมีความแตกต่างกัน จำแนกตามเพศ แผนก อายุงาน ประเภทพนักงาน และประเภทสัญญาจ้าง ส่วนความต้องการในสวัสดิการของพนักงานที่เพศแตกต่างกันพบว่ามีความต้องการแตกต่างกัน 3) แนวทางการจัดสวัสดิการเพื่อสร้างความพึงพอใจของพนักงานประกอบด้วย การพัฒนาระบบค่าตอบแทนที่โปร่งใส การสนับสนุนค่าเล่าเรียนและการอบรมพัฒนาทักษะ การจัดสวัสดิการด้านสุขภาพ การจัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน และการจัดให้มีมาตรการความปลอดภัยในการทำงาน

การศึกษาการยอมรับเทคโนโลยีสารสนเทศ และคุณภาพของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการชำระค่าบริการ/ค่าลงทะเบียนของ สำนักการคลัง มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก

อัณณพา สายทอง, เกสร คงสำเภา, อริชัย เพ็ชร์กุล, สุรพันธ์ ชาวเหนือ — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการชำระค่าบริการ/ค่าลงทะเบียนของสำนักการคลัง มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล เช่น เพศ อายุ ระดับชั้น และคณะเรียน 2) การยอมรับเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) คุณภาพของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเก็บข้อมูลจากนักศึกษา 400 คน ด้วยแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ One-way ANOVA และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า ระดับการยอมรับเทคโนโลยีและความพึงพอใจในคุณภาพของระบบอยู่ในระดับมากที่สุด โดยปัจจัยส่วนบุคคลของนักศึกษาในภาพรวม ประกอบด้วย เพศ อายุ และชั้นปีที่เรียน มีผลต่อประสิทธิภาพการชำระค่าบริการ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 นอกจากนี้ การยอมรับเทคโนโลยีมีอิทธิพลเชิงบวกกับประสิทธิภาพการชำระค่าบริการ/ค่าลงทะเบียนของสำนักการคลัง เรียงลำดับดังนี้ มากที่สุดคือ ด้านความไว้วางใจ รองลงมาคือ ด้านการรับรู้ความง่ายในการใช้งาน ด้านการรับรู้ความเสี่ยง และด้านการรับรู้ประโยชน์ในการใช้งาน โดยสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 73.00 ส่วนคุณภาพของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีอิทธิพลเชิงบวกกับประสิทธิภาพการชำระค่าบริการ/ค่าลงทะเบียนของสำนักการคลัง เรียงลำดับดังนี้ มากที่สุดคือ ด้านคุณภาพของสารสนเทศ รองลงมาคือ ด้านคุณภาพของระบบ และด้านคุณภาพของการบริการ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 77.50 โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ

ธนพัตต์ หมวกหลำ, ภูษิตย์ วงษ์เล็ก — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับของปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ 2) ศึกษาการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จกับการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน และ 4) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ครู จำนวน 334 คน จาก 25 โรงเรียน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามขนาดของโรงเรียน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบมีขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับของปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
2) การดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3) ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในภาพรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียนอยู่ในระดับสูงมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 4) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน ได้แก่ ด้านวัฒนธรรมองค์กร ด้านการบริหารจัดการ ด้านบุคลากร และด้านระบบสารสนเทศและทรัพยากรทางการศึกษา สามารถร่วมกันพยากรณ์การส่งผลต่อความสำเร็จของการการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรปราการ ได้ร้อยละ 84.40

สมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

ดารา สวัสดิ์นะที, สาโรจน์ นาคจู — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

การศึกษาครั้งนี้ เป็นวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับ สมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับสมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่าง 140 คน เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่าง โดยใช้สถิติ t-test และ ANOVA ผลการศึกษาพบว่า 1) ระดับสมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานของ อสม.ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า สมรรถนะด้านการอยู่ในสังคมอย่างยั่งยืน ด้านการทำงานเป็น อสม.ที่เข้มแข็ง และด้านการสื่อสารของ อสม.อยู่ในระดับสูง ตามลำดับ 2) อสม.ที่มีเพศ ระดับการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์ในการช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแตกต่างกัน มีระดับสมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานแตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 สำหรับ อสม.ที่มีอายุ รายได้ ประสบการณ์ในการทำงานเป็น อสม. เคยผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหาข้อมูลได้แตกต่างกันมีระดับสมรรถนะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05

ปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษและกลยุทธ์การสื่อสารของเจ้าหน้าที่ มหาวิทยาลัยชาวไทย

ณัฐวดี สิริวัต — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ระบุหน้าที่ของภาษาที่เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยชาวไทยใช้บ่อยในการให้บริการนักศึกษาต่างชาติและอาจารย์ชาวต่างประเทศ 2) ศึกษาปัญหาการสื่อสารด้วยการพูดภาษาอังกฤษที่เจ้าหน้าชาวไทยพบเป็นประจำ และ 3) สำรวจกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed-methods) เก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามและการสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างกับเจ้าหน้าที่ 60 คน จาก 13 หน่วยงาน ในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนแห่งละแห่งในกรุงเทพฯ ใช้แบบสอบถาม Google Forms เป็นเครื่องมือหลัก โดยเนื้อหาแบบสอบถามครอบคลุมข้อมูลประชากร หน้าที่ของภาษา ปัญหาด้านการฟังและพูด และกลยุทธ์การสื่อสาร จากนั้นคัดเลือกผู้ตอบแบบสอบถาม 12 คน เพื่อสัมภาษณ์เชิงลึกออนไลน์ โดยเน้นบทบาทหน้าที่ การใช้ภาษาอังกฤษ ปัญหาที่พบ และกลยุทธ์ที่ใช้ ข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงประเด็น ผลการวิจัยพบว่า 1) การอธิบายและการชี้แจง เป็นหน้าที่ของภาษาที่ใช้บ่อยที่สุด 2) ปัญหาการฟังเกิดจากการออกเสียงไม่ชัดเจนและสำเนียงที่หลากหลาย ส่วนปัญหาการพูดมักเกิดจากโครงสร้างประโยคที่แปลตรงจากภาษาไทย 3) กลยุทธ์ที่ใช้ได้แก่ การขอให้พูดช้าลง การทวน การถ่ายทอดความหมายใหม่ และการใช้เครื่องมือแปล ผลวิจัยชี้ถึงความจำเป็นในการฝึกอบรมภาษาอังกฤษที่ตอบโจทย์การสื่อสารจริง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระดับอุดมศึกษา

พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเมืองมรดกโลก

รมิดา กิตติชัยกุลกิจ, เสรี วงษ์มณฑา, ชวลีย์ ณ ถลาง, ชุษณะ เตชคณา — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเยือนอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวตามองค์ประกอบการท่องเที่ยว 6A ได้แก่ Attraction, Accessibility, Amenities, Accommodation, Activities และ Ancillary services โดยใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบสมมติฐานด้วย t-test และ ANOVA ผลการวิจัยพบว่า 1) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 36–50 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี ทำงานบริษัทเอกชน รายได้เฉลี่ยไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน และมีภูมิลำเนาในภาคกลาง ส่วนพฤติกรรมการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางเพื่อพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงวันหยุด โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว พักค้างแรม และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเกิน 2,500 บาทต่อคน โดยรายได้ต่อเดือนมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวมากที่สุด 2) ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะด้าน Attraction เช่น ความสวยงามของโบราณสถาน ขณะที่ Amenities บางรายการอยู่ระดับปานกลาง เช่น ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจการจัดประชุม การบริการธนาคาร และจุดเช่าชุดพื้นถิ่น โดยอายุและภูมิลำเนามีอิทธิพลต่อความพึงพอใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ข้อเสนอแนะคือ 1) ควรปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาแอปพลิเคชันและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว รวมถึงเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวแหล่งมรดกโลกอื่น 2) กำหนดกลยุทธ์พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพื้นที่ชุมชนโดยรอบ โดยคำนึงถึงบริบทของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและยั่งยืน

ตัวแบบเชิงสาเหตุการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย

นพดล สิทธิเลิศ, บุญสม รัศมีโชติ, พัทธนันท์ ตั้งวรรณวิทย์ — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

ตัวแบบเชิงสาเหตุการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยเป็นงานวิจัยเชิงเอกสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างตัวแบบเชิงสาเหตุด้านนวัตกรรมดิจิทัลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางดิจิทัล การมุ่งเน้นดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนวัตกรรมดิจิทัล และประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย บทความนี้นำเสนอการสังเคราะห์กรอบแนวคิดทางการวิจัยที่บูรณาการเป็นตัวแปรด้านความสามารถทางดิจิทัล ด้านการมุ่งเน้นดิจิทัล ด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ด้านนวัตกรรมดิจิทัล และด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย สุดท้ายบทความนี้ได้นำเสนอกรอบแนวคิดจากการทบทวนวรรณกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

การบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การและการตระหนักถึงผลในอนาคต ของบุคคลกับพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมของพนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง

รัชนีภรณ์ คล่องแคล่ว, ภัทรารัช แก้วพลายงาม, เกศกนก สาพิมพ์ — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมของพนักงาน 2) ศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างการตระหนักถึงผลในอนาคตของบุคคลและพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมของพนักงาน 3) ศึกษาความสามารถในการทำนายพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมของพนักงาน ด้วยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการตระหนักถึงผลในอนาคตของบุคคล โดยพนักงานเป็นของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ พนักงานทั้งหมดของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง จำนวน 358 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก วิเคราะห์ข้อมูล ด้วย สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน คือ ค่าเฉลี่ย ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression) ผลการวิจัยพบว่า 1) พนักงานที่มีการรับรู้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การทั้งโดยรวม และรายด้านในระดับที่สูง เป็นผู้ที่มีพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมโดยรวมสูงด้วย 2) พนักงานที่ตระหนักถึงผลในอนาคตของบุคคล ทั้งโดยรวม และรายด้านในระดับที่สูง มีพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมมากตามไปด้วย 3) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการตระหนักถึงผลในอนาคตของบุคคลสามารถร่วมกันทํานายพฤติกรรมการทำงานอย่างมีจริยธรรมได้เพียงเล็กน้อย (27.3%)

การจัดการการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

กนกวรรณ ศรีขวัญ, จุฑารัตน์ เหล่าพรามณ์, ตวงกาญจน์ วัฒน์บุณย์ — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700

บทความวิชาการนี้มุ่งวิเคราะห์นโยบายและแนวปฏิบัติด้านการจัดการการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในประเทศไทย โดยใช้กรอบแนวคิด “LOW CARBON MODEL” ที่พัฒนาขึ้นจากการสังเคราะห์ข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย 9 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) Location การกำหนดพื้นที่เป้าหมายเพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว 2) Objective การตั้งเป้าหมายกิจกรรมเพื่อมุ่งลดคาร์บอน 3) What is Carbon Footprint การสร้างความเข้าใจต่อคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 4) Collect Data การเก็บรวบรวมข้อมูลกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง 5) Approach การคำนวณคาร์บอนตามขอบเขตมาตรฐานสากล 6) Reduce การลดการใช้พลังงานและคาร์บอนในกิจกรรม 7) Balance การสร้างความสมดุลระหว่างกิจกรรมและการปล่อยคาร์บอน 8) Offset การชดเชยคาร์บอนส่วนเกิน และ 9) Neutrality การสื่อสารคุณค่าของการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการจัดการแบบมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน ได้แก่ หน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ชุมชน และนักท่องเที่ยว มีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จของนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความรู้ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การกำหนดมาตรฐานกลาง และการสนับสนุนเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง LOW CARBON MODEL นี้ จึงสามารถใช้เป็นกรอบแนวทางในการวางแผนและบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในระดับพื้นที่และประเทศต่อไป

กล้าที่จะถูกเกลียด

เยาวภานี รอดเพ็ชร — Mon, 24 Nov 2025 00:00:00 +0700