EFFECTS OF A SELF-CARE HEALTH PROGRAM FOR NEWLY DIAGNOSED HYPERTENSION PATIENTS ON KNOWLEDGE, ATTITUDE, AND SELF-CARE BEHAVIOR AT RATTAPHUM HOSPITAL, SONGKHLA PROVINCE

Authors

  • Trongrit Thongmeekhaun Faculty of Nursing, Boromarajonani College of Nursing Songkhla, Praboromarajchanok Institute
  • Kanokkarn Teepanukroh Rattaphum Hospital, Songkhla Province

Keywords:

Knowledge, Attitude, Self-Care Behavior

Abstract

            A quasi-experimental group study was conducted to assess the effects of a hypertension self-care program on knowledge, attitude, and self-care behavior among patients newly diagnosed with hypertension. The samples, selected through purposive sampling, consisted of 70 newly diagnosed hypertension patients at the Hypertension Clinic at Rattaphum Hospital, Songkhla Province. Research instruments included a hypertension self-care program and a questionnaire assessing knowledge, attitude, and self-care behavior. Content validity was ensured by three qualified experts. The reliability of the questionnaire was confirmed with Cronbach's alpha coefficients of .84 for attitude and .81 for behavior. Knowledge items were analyzed using the Kuder-Richardson (KR-20) formula, yielding a coefficient of .71. Data analysis involved frequency, percentage, mean, standard deviation, and paired t test. The research findings were as follows:
           1. The sample group demonstrated significantly higher mean scores in knowledge about hypertension after participating in the program (Mean=10.46, SD=1.47) compared to before (Mean=7.97, SD=2.32) (p<.00).
          2. The sample group showed significantly higher mean scores in attitude towards hypertension after participating in the program (Mean=65.64, SD=3.81) compared to before (Mean=49.46, SD=6.72) (p<.00).
         3. The sample group exhibited significantly higher mean scores in self-care behavior after participating in the program (Mean=47.98, SD=2.52) compared to before (Mean=39.57, SD=2.53) (p<.00).
            Therefore, it is recommended that hypertension clinics implement this self-care program to effectively manage blood pressure levels and prevent complications among newly diagnosed hypertension patients.

Author Biographies

Trongrit Thongmeekhaun, Faculty of Nursing, Boromarajonani College of Nursing Songkhla, Praboromarajchanok Institute

Faculty of Nursing, Boromarajonani College of Nursing Songkhla, Praboromarajchanok Institute

Kanokkarn Teepanukroh, Rattaphum Hospital, Songkhla Province

Rattaphum Hospital, Songkhla Province

References

กรมควบคุมโรค. (2566). กรมควบคุมโรค แนะประชาชนวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ “รู้เลข รู้เสี่ยง เลี่ยงโรคไม่ติดต่อ” (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: https://x.com/ddc_riskcom/status/1658654545558515712 [2566, 12 ตุลาคม].

ณัฏฐินี เสือโต, แอนน์จิระ พงษ์สุวรรณ, ทัศนีย์รวิวรกุล และมธุรส ทิพยมงคลกุล. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมความดันโลหิตในกลุ่มอายุ 35-59 ปี ที่ควบคุมความดันโลหิตสูงไม่ได้ในคลินิกโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาล คลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 32(2), หน้า 95-115.

ณัฐดนัย สดคมขำ. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 2(2), หน้า 25-36.

ประภัสสร พิพิธพัฒนาปราปต์. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อเจตคติของผู้บริโภคหญ้าหวานในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์บูรณาการ, วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.

ประภาส ขำมาก, สมรัตน์ ขำมาก และมาลิน แก้วมูณี. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2(3), หน้า 74-91.

ปรเมศร์ กลิ่นหอม. (2552). แหล่งเรียนรู้และประกอบการสอนรายวิชา พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน:มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: https://hbdkru.blogspot.com/2009/12/3.html [2566, 30 ตุลาคม].

รักชนก จันทร์เพ็ญ. (2564). ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในคลินิกความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี. วารสารวิจัยเพื่อส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 1(2), หน้า 20-30.

โรงพยาบาลรัตภูมิ. (2566). รายงานการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรค NCD โรงพยาบาลรัตภูมิ จังหวัดสงขลา. สงขลา: ม.ป.ท.

ศุภณัฐกรณ์ มูลฟู. (2565). ผลของโปรแกรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงโดยการประยุกต์ใช้ทฤษฎีความเชื่อด้านสุขภาพในพื้นที่อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง. วารสารโรงพยาบาลสิงห์บุรี, 31(1), หน้า 68-77.

สมรัตน์ ขำมาก. (2559). พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนางเหล้า อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 3(2), หน้า 153-169.

สุดฤทัย รัตนโอภาส. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลปากน้ำชุมพร. วารสารอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 3(4), หน้า 59-66.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา. (2566). รายงานมาตรฐานระบบบริการสุขภาพสาขาโรคไม่ติดต่อ(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: https://ska.hdc.moph.go.th/hdc/reports/page.php?cat_id=b2b59e64c4e6c92d4b1ec16a599d882b [2566, 12 ตุลาคม].

อโนทัย ผลิตนนท์เกียรติ และคณะ. (2561). แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 7(2), หน้า 43-52.

อร่าม อามีเราะ และอมรศักดิ์ โพธิ์อำ. (2561). ความรู้และทัศนคติที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส. วารสารวิชชา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, 37(1), หน้า 38-49.

Becker, M.H., & Maiman L.A. (1975). The Health Belief Model and Sick Role Behavior, In the Health Belief Model and Personal Health Behavior. New Jersey: ChalesB.Slack.

Bloom, B. S., Madaus, G. F., & Hastings, J. T. (1971). Hand book on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York: Mc Graw-Hill.

Downloads

Published

2024-07-19

Issue

Section

บทความวิจัย