วัฒนธรรมการเมือง : กรณีศึกษาชุมชนชนบทในภาคกลาง
คำสำคัญ:
วัฒนธรรมการเมือง, ชุมชนชนบท, ภาคกลางบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามิติวัฒนธรรมการเมืองของประชาชนที่มีต่อการเมืองท้องถิ่น กรณีศึกษาชุมชนชนบทในภาคกลาง การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเอกสารโดยใช้กรอบแนวความคิดมิติวัฒนธรรมการเมืองของ จรัส สุวรรณมาลา (2550) ซึ่งปรับปรุงจาก Walter A. Rosenbaum (1975) กำหนดมิติวัฒนธรรมการเมือง แล้วนำมาวิเคราะห์กับวัฒนธรรมการเมืองของชุมชนชนบทในภาคกลาง ผลการวิจัยพบว่า มิติที่ 1 ประชาชนไว้วางใจสถาบันทางการเมืองและผู้นำในการบริหารจัดการงานด้านต่างๆของชุมชนชนบท มิติที่ 2 ประชาชนให้ความสำคัญต่อสิทธิหน้าที่ที่ตนเองจะต้องทำ คือ การไปใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่ได้คำนึงถึงการได้มาซึ่งตำแหน่งต่างๆทางการเมืองของผู้ลงสมัคร มิติที่ 3 ประชาชนในชุมชนชนบทมีความผูกพันต่อสถาบันการเมืองที่อยู่กับชุมชนชนบทมาเป็นระยะเวลายาวนาน มิติที่ 4 ประชาชนในชุมชนชนบทสามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่จะเกิดปัญหาขึ้นในบางครั้งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เมื่อเหตุการณ์การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสงบลงประชาชนก็จะหันกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติเช่นเดิม มิติที่ 5 ประชาชนในชุมชนชนบทมักใช้ความยืดหยุ่นจากผู้นำหรือสถาบันทางการเมืองในการต่อรองการกระทำความผิดของตนเอง เพื่อให้ตนเองพ้นจากความผิด มิติที่ 6 ประชาชนในชุมชนชนบทเพิกเฉยต่อการดำเนินงานหรือปฏิบัติงานของสถาบันการเมืองแต่จะตระหนักถึงคุณค่าทางสถาบันการเมืองเมื่อยามที่ตนเองเดือดร้อนเท่านั้น มิติที่ 7 ประชาชนในชุมชนชนบทไม่ได้ให้ความสำคัญในกระบวนการนโยบายสาธารณะต่างๆของสถาบันการเมืองเพราะขาดความรู้ความสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูล จึงไม่กล้าที่จะแสดงความคิด ความเชื่อ ท่าทีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแก้ไขปัญหาสาธารณะ ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนชนบทจึงมีส่วนสำคัญต่อการที่จะทำให้ชุมชนชนบทเกิดความมีส่วนร่วมทางการเมือง