The Functions of Thai Folk Songs in the Central Region as Folk Media in the Corona Virus Situation
Main Article Content
Abstract
The objectives of this research article were to: 1) study the communication system components of folk media present in the coronavirus situation, and 2) examine the functions of folk media in the coronavirus situation. The scope of the study was based on the Facebook fanpage of the Central Folk Music Association of Thailand during the period from 20 March to 20 April 2020, with a total of 19 songs. The types of central folk music were Choi, Lamtat, Li-ke, E-saew, Rampha-khawsan, and Beggar songs.
The study revealed that: First, the components of the folk communication system consisted of senders, messages, channels and receiver, whereas “message” was the most important thing in this situation. There were 6 preventive methods for self-defense from viruses: wearing a mask, washing hands with soap, alcohol gel and alcohol spray, avoiding crowded areas and avoiding socializing, eating cooked food, stopping at home or working from home instead of working outside the home, and providing information about the illness if the virus was expected. Second, there were 4 functions of the central regional media: the function of education from the government to the public, the function of voice of the stakeholders, the function of social recording, and the function in entertainment. The most common function of duty was the government-to-public education so that all recipients could access to information on the practice in the coronavirus situation.
Article Details
1. Any views and comments in the article are the authors’ views. The editorial board has not to agree with those views and it is not considered as the editorial board’s responsibility. In case, there is any lawsuit about copyright infringement, it is considered as the authors’ sole responsibility.
2. The article copyright belonging to Faculty of Humanities and Social Sciences, Phetchaburi Rajabhat University are copyrighted legally. Republication must be received direct permission from the authors and Phetchaburi Rajabhat University in written form.
References
2. กาญจนา แก้วเทพ. (2549). ปฐมบทแห่งองค์ความรู้เรื่องสื่อพื้นบ้านสื่อสารสุข. นนทบุรี: โครงการสื่อพื้นบ้านสื่อสารสุข.
3. ณฤศดา มะลิพวง. (2559). พฤติกรรมการรับรู้และความพึงพอใจของวัยรุ่นต่อสื่อพื้นบ้านลิเกไทย จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสื่อสารแบบบูรณาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
4. ปรานี วงษ์เทศ. (2525). พื้นบ้านพื้นเมือง. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยา.
5. พงศ์กฤษฏิ์ พละเลิศ. (2554). บทบาทการใช้สื่อพื้นบ้านในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชนตลาดเก้าห้อง อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี. กรุงเทพฯ: คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร.
6. พรรณี บัญชรหัตถกิจ และจุฬาภรณ์ โสตะ. (2554). การพัฒนาสื่อพื้นบ้านเผยแพร่สุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ แนวอีสานสำหรับเด็กวัยเรียน. ขอนแก่น: ภาควิชาสุขศึกษา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
7. ยะพา เจะนิ. (2561). เพลงพื้นบ้านดิเกร์ฮูลูกับการเสริมสร้างสันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, 13(2): 335-346.
8. วรัฐธยา สาระศาลิน และนิธิดา แสงสิงแก้ว. (2560). การวิเคราะห์บทบาทหน้าที่ของสื่อพื้นบ้าน: กรณีศึกษาประเพณีกิน ข้าวห่อของชาวกะเหรี่ยง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี. วารสารวิชาการนวัตกรรมสื่อสารสังคม, 5(1): 51-61.
9. วิไลภรณ์ จิรวัฒนเศรษฐ์. (2544). สื่อพื้นบ้านในฐานะทุนวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่พักทางวัฒนธรรม(โฮมสเตย์): ศึกษาเฉพาะกรณีบ้านปราสาท จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์ปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต.
10. ศิราพร ณ ถลาง. (2557). ทฤษฎีคติชนวิทยา : วิธีวิทยาในการวิเคราะห์ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
11. สุกัญญา สุจฉายา. (2548). พิธีกรรม ตำนาน นิทาน เพลง: บทบาทของคติชนกับสังคมไทย. กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
12. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี. (2563). ลำพาข้าวสาร ป้องกันภัยโควิด-19 COVID19. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2563, จาก https://www.youtube.com/watch?v=-FAtewziYg8.
13. อรพรรณ ลิ้มติ้ว. (2562). บทบาทของสื่อพื้นบ้านใน “รายการจำอวดหน้าจอ” กับการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล. นิเทศสยามปริทัศน์, 17(22): 115-122.