การพัฒนานวัตกรรมการนวดไทยแบบหัตถรักษ์เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะจากความเครียดในการทำงาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนานวัตกรรมนวดไทยแบบหัตถรักษ์เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะจากความเครียดในการทำงาน 2) ประเมินนวัตกรรมนวดไทยแบบหัตถรักษ์เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะจากความเครียดในการทำงาน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองที่มีกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว มีการวัดก่อนและหลังการทดลองกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย ได้แก่ ผู้ป่วยวัยทำงานในเขตจังหวัดเพชรบุรี ที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองกระเจ็ด อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 30 คน เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ 1) นวัตกรรมการนวดไทยแบบหัตถรักษ์ 2) แบบประเมินความเครียดด้วยตนเอง 3) แบบบันทึกอาการปวดและความทุกข์ทรมานจากการปวดศีรษะ 4) แบบสัมภาษณ์ประวัติกลุ่มเป้าหมายและ 5) แบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อการรับบริการนวดไทยแบบหัตถรักษ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ ความถี่ ร้อยละ และการทดสอบที และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
- การพัฒนานวัตกรรมนวดไทยแบบหัตถรักษ์เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะจากความเครียดในการทำงานเป็นการนวดแบบกดจุดด้วยเทคนิคของรสมือ (การกด) ที่มีน้ำหนักพอประมาณกับความตึงตัวของจุดกดเจ็บ ใช้น้ำหนักและจังหวะการนวดแต่ละรอบของนิ้วมือใน 3 ระดับ คือ ระดับเบา ร้อยละ 30 ระดับปานกลาง ร้อยละ 50 ระดับมาก ร้อยละ 70 ของน้ำหนักที่สามารถกดลงได้สูงสุด
การประเมินนวัตกรรมนวดไทยแบบหัตถรักษ์เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะจากความเครียดในการทำงาน พบว่า กลุ่มเป้าหมายทั้ง 30 คน ก่อนได้รับการบำบัด มีระดับความเครียดสูงกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่มีอาการปวดศีรษะในช่วงเวลาตอนเย็น (15.00 - 18.00 น.) บริเวณขมับด้านขวาจนถึงท้ายทอย หลังได้รับการนวดไทยแบบหัตถรักษ์ จำนวน 5 ครั้ง พบว่า ระดับความรู้สึกปวดศีรษะและความรู้สึกทุกข์ทรมานก่อนและหลังได้รับการนวดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.001) โดยหลังได้รับการนวดค่าเฉลี่ยของระดับความรู้สึกปวดศีรษะและความรู้สึกทุกข์ทรมานทั้ง 5 ครั้ง มีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าก่อนได้รับการนวด ส่วนความพึงพอใจต่อการใช้บริการนวดไทยแบบหัตถรักษ์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างพึงพอใจต่อการนวดที่สามารถบำบัดอาการปวดศีรษะได้จริง และมีความต้องการจะมารับการบริการการนวดแผนไทยอีก โดยมีจุดเด่นที่ประทับใจ คือ วิธีการนวดกดจุดที่ลงน้ำหนักเบาตามระดับความปวด และมีความนิ่มนวลในการนวดทำให้ความตึงตัวของจุดที่มีอาการปวดคลายตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้สึกช้ำหรือระบม
Article Details
1. มุมมองและความคิดเห็นใด ๆ ในบทความเป็นมุมมองของผู้เขียน คณะบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับมุมมองเหล่านั้นและไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของคณะบรรณาธิการ ในกรณีที่มีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน แต่เพียงผู้เดียว
2. ลิขสิทธิ์บทความที่เป็นของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย การเผยแพร่จะต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีเป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
2. กระทรวงสาธารณสุข. สถาบันการแพทย์แผนไทยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. (2547). คู่มือประชาชนในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชชูปถัมภ์.
3. กลุ่มงานวิจัยทางคลินิกด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร. (2546). ประสิทธิผลและความพึงพอใจของผู้มารับบริการด้านการนวดที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแผนไทยกระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี: สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข.
4. จรูญลักษณ์ ป้องเจริญ. (2558). การประเมินผลการปฏิบัติราชการของบุคลากรวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ภาควิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
5. ชาธิปัตย์ เครือพานิชย์ และคณะ. (2554). ผลแบบทันทีของการนวดไทยในการบรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยปวดศีรษะจาก ความเครียดแบบ Episodic tension-type headache. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
6. ประพจน์ เภตรากาศ และสุรเกียรติ อาชานานุภาพ. (2555). ตำราการนวดไทยบำบัด 4. กรุงเทพฯ: มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ.
7. พนม เกตุมาน. (2550). คลายเครียดจากการทำงาน. ค้นเมื่อ 1 มิถุนายน 2562, จาก https://www.psyclin.co.th/new_page_52.htm.
8. ยงศักดิ์ ตันติปิฎก. (2559). ตำราการนวดไทย เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา.
9. เรณู มีชนะ. (2544). เปรียบเทียบผลการนวดไทยประยุกต์กับการใช้ยาพาราเซตามอลในบุคคลที่มีอาการปวดศีรษะเนื่องจากความเครียด. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลสาธารณสุขมหาวิทยาลัยมหิดล.
10. สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. (2547). คู่มือประชาชนในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพรบรมราชูปถัมภ์.
11. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2561). ห่วงสุขภาพคนทำงานออฟฟิศระวังป่วยออฟฟิศซินโดรม. ค้นเมื่อ 1 มิถุนายน 2562, จาก www.thaihealth.or.th.
12. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี. (2561). สถิติเพชรบุรีได้เก็บสถิติผู้ป่วยจากโรคปวดศีรษะระหว่างปี 2557- 2560. เพชรบุรี: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี.
13. อภิรดี ธรรมสรณ์. (2560). การศึกษาผลของการนวดแผนไทยต่อคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของกลุ่มคนวัยทำงาน. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
14. อุไร นิโรธนันท. (2539). ผลการนวดต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานในผู้ป่วยมะเร็ง. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยมหิดล.
15. Bloom, B.S., et al. (1971). Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York: Mc Graw-Hill Book.
16. Johnson, M. (1977). Assessment of clinical pain. In A. Jacox (Ed.). Pain: Source book for nurse and other health professionals. (pp. 139-166). Boston: Little bow and company.