วารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru <p> วารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ เป็นวารสารวิชาการของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง<br />มีกำหนดเผยแพร่ราย 6 เดือน ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม) ทั้งนี้อาจจะมีวารสารฉบับพิเศษ (Special issue) หรือฉบับที่ตีพิมพ์บทความจากการประชุมวิชาการ (Conference proceeding) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจ ได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยและเผยแพร่ผลงานวิชาการ ตลอดจนได้แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นทางวิชาการทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ ภาษา ภาษาศาสตร์ วรรณคดี วรรณกรรม คติชนวิทยา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ปรัชญา ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ผู้เขียนทุกท่านสามารถส่งบทความมาขอรับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ได้ตลอดทั้งปี และกรุณาส่งต้นฉบับบทความตามช่องทางและรูปแบบที่กำหนดไว้ในคำแนะนำสำหรับผู้เขียน</p> <p><strong>กองบรรณาธิการวารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ </strong>ยินดีรับต้นฉบับผลงานวิชาการดังต่อไปนี้<br /> - บทความวิจัย (research article) บทความวิชาการ (academic article) บทความปริทัศน์ (review article) หรือบทวิจารณ์หนังสือ (book review) สำหรับบทความปริทัศน์ และบทวิจารณ์หนังสือจะไม่นำเข้าสู่กระบวนการประเมินคุณภาพ แต่จะพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหาโดยกองบรรณาธิการ<br /><strong> - </strong>บทความจะต้องไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์อื่นใดมาก่อน รวมถึงไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น<br /><strong> - </strong>บทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ทุกบทความจะต้องผ่านการกลั่นกรองคุณภาพแบบไม่เปิดเผยตัวตนสองทาง (double-blind review) จากผู้ทรงคุณวุฒิ(peer review) ในสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 ท่าน และผลการพิจารณาจากกองบรรณาธิการถือเป็นที่สุด<br /><strong> - </strong>บทความที่เป็นบทความวิจัยที่ส่งมายังวารสารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ต้องมีหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์แนบมาพร้อมกับบทความ (ยกเว้นได้รับการพิจารณาจากกองบรรณาธิการเป็นรายเฉพาะ)<br /> - หากเป็นงานแปลหรือเรียบเรียงจากภาษาต่างประเทศ ต้องมีหลักฐานการอนุญาตให้ตีพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์<br /><strong> - </strong>บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ผู้เขียนต้องตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์ ก่อนขอรับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่จากวารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์</p> <p> ความคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในบทความเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนเท่านั้น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงและกองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกับความคิดเห็นที่ปรากฎในบทความแต่อย่างใด และไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และกองบรรณาธิการ </p> <p> การปรับหลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพบทความตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป วารสารจะปรับหลักเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคุณภาพบทความอย่างน้อย <strong>3</strong> ท่าน จากหลากหลายสถาบันและมิได้อยู่ในสถาบันเดียวกันกับผู้ตีพิมพ์บทความ</p> คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง th-TH วารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ 0125-300X <p>ประกาศลิขสิทธิ์จะปรากฏในเกี่ยวกับวารสาร ควรอธิบายสำหรับผู้อ่านและผู้เขียนว่าเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้เขียนวารสารหรือบุคคลที่สาม ควรรวมถึงข้อตกลงการอนุญาตเพิ่มเติม (เช่นใบอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์) ที่ให้สิทธิ์แก่ผู้อ่าน (ดูตัวอย่าง) และควรให้วิธีการรักษาความปลอดภัยหากจำเป็นสำหรับการใช้เนื้อหาของวารสาร</p> สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในสยาม สมัยรัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2480 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281859 <p><strong><em>"สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในสยาม สมัยรัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2480"</em></strong> ของ ศาสตราจารย์ สมชาติ จึงสิริอารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม หนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนเชิงวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม โดยผู้เขียนได้รวบรวมประสบการณ์&nbsp;&nbsp;&nbsp; จากงานสอนในภาควิชาศิลปสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร งานวิชาการ งานวิจัยและการปฏิบัติการด้านงานอนุรักษ์ โดยนำเสนอให้เข้าใจง่ายตามการเดินทางของเส้นเวลา (Timeline) โดยใช้ประวัติศาสตร์ตามเส้นแบ่งของราชวงศ์ในแต่ละรัชสมัย เนื้อหาภาพรวมเป็นการประมวลผลงานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในประเทศไทยหลายกลุ่มอาคาร โดยเน้นช่วงเวลาในสมัยรัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2344-2411) ถึงสมัยรัชกาลที่ 7 <br>(พ.ศ. 2468-2477) ถึง พ.ศ. 2480 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมากเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้านในสยาม โดยบอกเล่าเรื่องราว ผ่าน ตึกรามบ้านช่อง อาคาร ซึ่งพบว่ามีอาคารรูปแบบและกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมตะวันตกในสยามสะท้อนออกมาชัดเจน โดยเฉพาะการปรากฏของอาคารสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก หรืออาคารผสมผสานอิทธิพลตะวันตกในงานสถาปัตยกรรมไทย เริ่มต้นตั้งแต่แนวคิดในการออกแบบ การก่อสร้าง การวางแผนผัง รูปด้านอาคาร การประดับตกแต่ง โครงสร้าง วัสดุและเทคโนโลยีในการก่อสร้าง ในบางอาคารปรากฏชื่อของนายช่างฝรั่ง (สถาปนิกและวิศวกรชาวต่างชาติ) จากประเทศอิตาลี เยอรมัน อังกฤษ ฯลฯ ในกลุ่มของนายช่างฝรั่งนี้เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพลในการเลือกใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก การอธิบายพัฒนาการทางสถาปัตยกรรมในประเทศไทยในระช่วงระยะดังกล่าว อธิบายเปรียบเทียบกับสถาปัตยกรรมต้นแบบในประเทศยุโรปซึ่งเป็นการเปิดมุมมองและทัศนะใหม่ ๆ ที่มีพัฒนาการและความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์สากล ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์และรูปแบบศิลปกรรมแบบตะวันตก เป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในภาพรวมให้ผู้อ่านเข้าใจได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันได้วิเคราะห์ถึงเหตุปัจจัยของอิทธิพลทางด้านตะวันตกในแต่ละยุคสมัยและรูปแบบที่เข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งการเลือกใช้ของนายช่างฝรั่งหรือนายช่างไทยในการออกแบบและก่อสร้าง เช่น การเลือกใช้อิทธิพลศิลปะแบบนีโอคลาสสิก (Neo-classic)&nbsp; ศิลปะแบบเรอเนสซองส์ (Ranaissance) ศิลปะกอธิค (Gothic) ฯลฯ ทั้งนี้ยังเน้น <strong><em>การวิเคราะห์</em></strong> ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง การปรับตัวและการอยู่รอดของความเป็นไทย และสถาปัตยกรรมไทย ในสภาวะของสถานการณ์ยุคที่อิทธิพลตะวันตกที่กำลังแพร่ขยาย ต่อเนื่องมาจนถึงแนวคิดการปกครองรูปแบบใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รวมถึงค่านิยมของผู้คนในขณะนั้นว่าส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนของรูปแบบสถาปัตยกรรมในสยามอย่างไร</p> นันทพร พุ่มมณี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 165 170 คำแนะนำสำหรับผู้เขียน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281860 <p>วารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ โดยคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นวารสารวิชาการราย 6 เดือน ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม) ทั้งนี้อาจจะมีวารสารฉบับพิเศษ (Special issue) หรือฉบับที่ตีพิมพ์บทความจากการประชุมวิชาการ (Conference proceeding) ผู้เขียนทุกท่านสามารถส่งบทความด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ ภาษา ภาษาศาสตร์ วรรณคดี วรรณกรรม คติชนวิทยา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ปรัชญา&nbsp; ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มาขอรับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ได้ตลอดทั้งปี</p> บรรณาธิการ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 171 179 อิทธิพลของระบบการชำระเงินดิจิทัลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของกลุ่ม Gen Z https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281876 <p>การวิจัยนี้มุ่งศึกษาอิทธิพลของระบบการชำระเงินดิจิทัลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของกลุ่ม Gen Z โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณแบบสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 460 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 21-23 ปี กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวประกอบด้วย 1) ความสนใจในด้านการเงินดิจิทัล 2) ประสบการณ์การใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัลในอดีต &nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ระบบการชำระเงินที่เชื่อมโยงกับการตลาดดิจิทัล และ 4) การรับรู้ความสะดวกสบายในการใช้ระบบ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสามารถอธิบายความแปรปรวนของการตัดสินใจท่องเที่ยวได้ร้อยละ 63.3 ข้อค้นพบที่สำคัญคือ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความสนใจในการเงินดิจิทัลมีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจท่องเที่ยว ในขณะที่ความน่าเชื่อถือของระบบ<br>การโดยสามารถอธิบายความแปรปรวนของการตัดสินใจท่องเที่ยวได้ร้อยละ 63.3 ข้อค้นพบที่สำคัญคือ ความสนใจในการเงินดิจิทัลมีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจท่องเที่ยว ในขณะที่ความน่าเชื่อถือของระบบการชำระเงินดิจิทัลไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ การศึกษาชี้ให้เห็นว่า Gen Z ซึ่งเติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ความสำคัญกับความสนใจส่วนบุคคลในเทคโนโลยีการเงินและประสบการณ์การใช้งานมากกว่าความน่าเชื่อถือของระบบ ผลการวิจัยมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยแนะนำให้ เน้นการสร้างความสนใจและให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเงินดิจิทัลเพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพในตลาดการท่องเที่ยว</p> ชยินทร์ธร ธาดาดุสิตา ปานชีวา มงคลอภิโชติ ดาราวรรณ ไศลมณี เอกชัย อัครเดชเรืองศรี ณัฏฐกานต์ ณ ไพรี และนิพาภรณ์ แสงสว่าง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 1 16 อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าและแรงจูงใจต่อความตั้งใจมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางในประเทศไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281845 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของการรับรู้คุณค่า (Perceived Value) และแรงจูงใจ (Motivation) ต่อความตั้งใจมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง โดยมีทัศนคติ (Attitude) เป็นตัวแปรสื่อกลาง งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีเชิงปริมาณ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยวจำนวน 400 คน ผ่านแบบสอบถามที่พัฒนาและตรวจสอบความเชื่อมั่นตามมาตรฐานทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการโดยใช้โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling: SEM)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่าระดับของตัวแปรการรับรู้คุณค่าพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.11 ตัวแปรแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.65 ตัวแปรทัศนคติของนักท่องเที่ยวพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.78 และความตั้งใจมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางพบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.57 ทั้งยังพบว่าการรับรู้คุณค่าและแรงจูงใจมีอิทธิพลทางตรงต่อทัศนคติ และความตั้งใจมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ทัศนคติยังมีอิทธิพลทางตรงต่อความตั้งใจเดินทางเช่นกัน โดยโมเดลที่พัฒนาขึ้นสามารถอธิบายความแปรปรวนของความตั้งใจมาท่องเที่ยวได้ถึงร้อยละ 46 การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของปัจจัยด้านจิตวิทยาในการส่งเสริมการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง ภายใต้บริบทที่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว การเสริมสร้างการรับรู้คุณค่า การกระตุ้นแรงจูงใจ และการพัฒนาทัศนคติที่ดีต่อจุดหมายปลายทางจึงเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ</p> พีรณัฐ บุญมาเลิศ สราวุธ และซัน และสุรพันธ์ อามินเซ็น ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 17 32 พิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามในรามเกียรติ์ ฉบับรัชกาลที่ 1 : https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281847 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ลักษณะของพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามในรามเกียรติ์ <br>ฉบับรัชกาลที่ 1 และวิเคราะห์มโนทัศน์ของพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามในรามเกียรติ์ ฉบับรัชกาลที่ 1 ผลการศึกษาพบว่าพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามมี 2 ลักษณะ ได้แก่ พิธีกรรมเตรียมทัพ ประกอบด้วยพิธีกรรมเตรียมกายและพิธีกรรมเตรียมอาวุธ และพิธีกรรมเพื่อเป็นกลยุทธ์ ประกอบด้วยพิธีบดยา และพิธีทดน้ำ ทั้งนี้พิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามที่พบมากที่สุด คือพิธีเตรียมอาวุธ การประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามในรามเกียรติ์มีผู้ประกอบพิธีกรรม คือฝ่ายลงกา ผลของพิธีกรรมส่วนใหญ่จะประกอบพิธีกรรมไม่สำเร็จเนื่องจากฝ่ายพลับพลาสามารถล่มพิธีหรือแก้กลศึกได้ ส่วนมโนทัศน์ของพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามพบ 4 มโนทัศน์ ได้แก่ พิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามช่วยเสริมความมั่นคงทางจิตใจ พิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามเป็นทางลัดสู่ชัยชนะ พิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามต้องพึ่งพาอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพิธีกรรมเตรียมอาวุธเป็นตัวแปรที่นำมาสู่ชัยชนะ การศึกษาพิธีกรรมเกี่ยวกับสงครามในรามเกียรติ์ไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าใจลักษณะของพิธีกรรมในวรรณคดีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ค่านิยม และแนวคิดที่มีต่อพิธีกรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสังคมอีกด้วย</p> ณัฐริณญาณ์ แดงสมบูรณ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 33 52 ความเชื่อเทพเจ้าฮินดูของชาวไทยพุทธ: กรณีศึกษา วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281849 <p>การวิจัยครั้งนี้ต้องการศึกษาถึงความเชื่อเทพเจ้าฮินดูของชาวไทยพุทธ ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี&nbsp;&nbsp; (วัดแขกสีลม) กรุงเทพมหานคร โดยเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการสำรวจด้วยแบบสอบถาม &nbsp;&nbsp;ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ผลการวิจัยได้ข้อสรุป ดังนี้</p> <p>การวิจัยนี้พบว่าวัดพระศรีมหาอุมาเทวีเป็นวัดในศาสนาฮินดู นิกายศักติ ที่ให้ความเป็นใหญ่แก่เทพสตรีในระดับสูงสุด คือ พระแม่อุมาเทวี&nbsp;(พระแม่มารีอัมมัน หรือพระแม่กาลี) พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี และให้ความสำคัญแก่เทพผู้เป็นใหญ่ในศาสนาฮินดู คือ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ รวมทั้งให้ความสำคัญแก่โอรสของพระแม่อุมากับพระศิวะ คือ พระพิฆเนศ และพระขันทกุมาร นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องพระวิษณุที่อวตารมาเป็นพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา</p> <p>สำหรับความเชื่อเรื่องเทพเจ้า พบว่าชาวไทยพุทธเชื่อว่าเทพเจ้าในศาสนาฮินดูสามารถประทานความสำเร็จ ขจัดอุปสรรค ดลบันดาลความมั่งคั่ง ร่ำรวย ให้คู่ครองได้ โดยผู้ที่มาขอพรส่วนมากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จะมาพรเรื่องการเงินและความสำเร็จมากที่สุด ในการขอพรแต่ละครั้งจะชื้อเครื่องบูชาจากทางวัดเพื่อถวายองค์เทวรูปต่าง ๆ แต่ไม่พบการซื้อของบูชาถวายองค์พระพุทธรูป</p> <p>ผลการวิจัยนี้เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ คือ วิวัฒนาการความเชื่อเทพเจ้าฮินดูมีผลกระทบต่อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การเปลี่ยนแปลงความเชื่อตามแนวพระพุทธศาสนาในสังคมไทย โดยเฉพาะคำสอนสำคัญคือ การสอนเรื่องวิถีชีวิตจะมีความสุข ความเจริญ ขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ มิใช่การดลบันดาลจากเทพเจ้า อย่างไรก็ตามชาวพุทธที่มาขอพรจากเทพเจ้าก็ยังคงศรัทธาและร่วมในพุทธศาสนพิธีสม่ำเสมอ</p> วิโรจ นาคชาตรี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 53 66 เทคนิคการเดี่ยวระนาดเอกเพลงนกขมิ้น สามชั้น ทางครูหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) กรณีศึกษาอาจารย์ภาวัช หลวงสุนทร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281850 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาและ 2. เพื่อวิเคราะห์เทคนิคการเดี่ยวระนาดเอกเพลงนกขมิ้น สามชั้น ของอาจารย์ภาวัช หลวงสุนทร ซึ่งเป็นการสืบทอดแนวทางการบรรเลงจากครูเสนาะ หลวงสุนทร (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากครูหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการสัมภาษณ์และการสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบว่า การเดี่ยวระนาดเอกเพลงนกขมิ้น สามชั้น ใช้เทคนิคการบรรเลง 10 รูปแบบ ได้แก่ การตีสงมือ การตีกรอ การตีสะบัด การตีสะเดาะ การตีขยี้ การตีรัว การตีเก็บ การตีคาบลูก คาบดอก การตีเก็บคู่ 16 และการตีคู่สี่ ส่วนผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 พบว่า เทคนิคที่พบมากที่สุดคือ การตีเก็บ และเทคนิคที่พบน้อยที่สุดคือ การตีกรอ ลักษณะการบรรเลงเพลงสอดคล้องกับแนวทางของครูหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มีความชัดเจนในการเดินกลอน และการใช้กลวิธีเฉพาะตัวอย่างกลมกลืน ผลการวิจัยสะท้อนถึงกระบวนการฝึกฝนที่ต้องอาศัยทั้งกำลังข้อมือ ความแม่นยำ และอารมณ์ของ&nbsp; ผู้บรรเลงอย่างสูง อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์องค์ความรู้และศิลปะการบรรเลงดนตรีไทยให้คงอยู่ต่อไป</p> ราชันย์ ศรชัย ภาคม บำรุงสุข ภาวัช หลวงสุนทร และกลินท์ มีเทศ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 67 82 การอ้างถึงวรรณกรรมในพิธีกรรมของภาคใต้: https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281851 <p>กาญจนา แก้วเทพ และ สมสุข หินวิมาน. (2553). <em>สายธารแห่งนักคิดทฤษฎี เศรษฐศาสตร์การเมืองกับ&nbsp;&nbsp;&nbsp; สื่อการศึกษา.</em> กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์.</p> <p>ฉันทัส ทองช่วย. (2522). <em>รามเกียรติ์กับวรรณกรรมในท้องถิ่นภาคใต้.</em> (รายงานการวิจัย). สงขลา:</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา.</p> <p>ชำนาญ รอดเหตุภัย. (2522). <em>รามเกียรติ์ปริทัศน์.</em> กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์.</p> <p>ณัฐพงศ บัวคง ประจักษ สายแสง. (2562). การเชื่อมโยงกับเบื้องบนในพิธีกรรมเหยียบเสน. <em>วารสาร</em></p> <p><em>มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.</em> <em>11</em>(1), 165-190.</p> <p>ณัฐวรรณ ชั่งใจ. (2566). <em>วรรณกรรมการแสดง.</em> (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.</p> <p>ตรีศิลป์ บุญขจร. (2553). <em>ด้วยแสงแห่งวรรณคดีเปรียบเทียบ วรรณคดีเปรียบเทียบ: กระบวนทัศน์และวิธีการ.</em> &nbsp;&nbsp;&nbsp; กรุงเทพฯ : ศูนย์วรรณคดีศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.</p> <p>ธัญญะ บุญเกษม, ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ และสุขสันติ แวงวรรณ. (2566). อัตลักษณ์การรำโนราคล้องหงส์ของ</p> <p>โนรา. <em>วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 14</em>(2), 371-383</p> <p>ธานีรัตน์ จัตุทะศรี. (2566). <em>วรรณคดีพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2.</em> กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.</p> <p>นพพร ประชากุล. (2552). <em>ยอกอักษร ย้อนความคิด.</em> กรุงเทพฯ: อ่าน, 2552.</p> <p>พรเทพ โตชยางกูร. (2561). การอ้างถึงวรรณคดี นิทานไทยในนิราศสมัยใหม่: การสืบสานและการสร้างสรรค์.</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; <em>วารสารสหศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 18</em>(2), 88-111.</p> <p>พัชลินจ์ จีนนุ่น. (2565). <em>การประกอบสร้างภาพลักษณ์ “ชุมชนภาคใต้” จากวรรณกรรมประวัติศาสตร์ </em></p> <p><em>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ชุดประวัติพัทลุง-ตรัง (ตอนต้น).</em> (รายงานการวิจัย). สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.</p> <p>พิทยา บุษรารัตน์. 2539. <em>ตำนานโนรา: ความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมบริเวณ ลุ่มทะเลสาบสงขลา.</em></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; (รายงานผลการวิจัย). สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.</p> <p>ไพโรจน์ ทองคำสุก. (2561). วรรณกรรมรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์พระเจ้ากรุงธนบุรีสู่นาฏกรรม. <em>วารสาร มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.</em> <em>12</em>(2), 147-172.</p> <p>มนตรี มีเนียม. (2560). <em>วรรณกรรมการแสดง.</em> กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.&nbsp;</p> <p>รื่นฤทัย สัจจพันธุ์. (2553). <em>อิทธิพลวรรณกรรมต่างประเทศที่มีต่อวรรณกรรมไทย.</em> (พิมพ์ครั้งที่ 10).</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.</p> <p>วันพระ สืบสกุลจินดา. (2566). <em>เจาะลึกโขนละคร วังพระเจ้านครศรีธรรมราช จากกรุงธนบุรีถึงรัตนโกสินทร์.</em> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568. จาก https://www.silpa-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; mag.com/history/article_12725. วิไลลักษณ์ เล็กศิริรัตน์. (2548). “ศาสตราฉบับตำบลเขารูปช้าง.” <em>วรรณกรรมทักษิณ วรรณกรรมคัดสรร </em></p> <p><em>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; เล่ม 2.</em> กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.</p> <p>ศิราพร ณ ถลาง. (2557). <em>ทฤษฎีคติชนวิทยา วิธีวิทยาในการวิเคราะห์ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน.</em> (พิมพ์ครั้งที่ 3).</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.</p> <p>โศภิษว์ฐา มัธยมจันทร์, สุขสันติ แวงวรรณ และอัควิทย์ เรืองรอง. (2566). บทบาทพระเอกละครนอกเรื่องไกรทอง</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ของ ปกรณ์ พรพิสุทธิ์. <em>วารสารทีทัศน์วัฒนธรรม สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ</em></p> <p><em>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; บ้านสมเด็จเจ้าพระยา.</em> 25-46.</p> <p>สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2532). “ร้องรำทำเพลง: ดนตรีและนาฏศิลป์ชาวสยาม”. <em>ศิลปวัฒนธรรม ฉบับพิเศษ.</em></p> <p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>(มีนาคม 2532). 151-152.</p> <p>สุธิวงศ์ พงษ์ไพบูลย์. (2549). สิ่งสำแดงถึงความเป็นท้องถิ่นของวรรณกรรม: กรณีวรรณกรรม</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ท้องถิ่นภาคใต้. <em>วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ. 1</em>(1), 1-25.&nbsp;</p> <p>เสาวลักษณ์ อนันตศานต์. (2522). <em>วรรณกรรมรัชกาลที่ 2.</em> กรุงเทพฯ: ภาควิชาภาษาไทยและ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.</p> <p>อุดม หนูทอง. (2525). <em>วรรณกรรมท้องถิ่นภาคใต้ประเภทนิทานประโลมโลก.</em> (รายงานการวิจัย). สงขลา:</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา.</p> <p>__________. (2543). วรรณกรรมภาคใต้: ความสัมพันธ์กับวรรณกรรมท้องถิ่นอื่น. <em>วรรณกรรมท้องถิ่นพินิจ.</em></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.</p> ชาญณรงค์ คงฉิม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 83 100 การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281852 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ตามแนวทางศตวรรษที่ 21 โดยใช้วิธีวิจัยและพัฒนา (R&amp;D) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน การพัฒนารูปแบบ และการศึกษาประสิทธิผล กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 จำนวน 36 คน เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 /10 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 คัดเลือกโดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และแบบสำรวจความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน&nbsp; ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมี 5 ขั้นตอน (รับรู้ปัญหา ระดมความคิด สร้างทางเลือก แก้ปัญหา และสร้างองค์ความรู้) มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 86.28/86.77 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I) เท่ากับ 0.80 ทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่าง&nbsp;&nbsp; มีนัยสำคัญทางสถิติ (p &lt; .05) และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนรู้ในระดับมากที่สุด สรุปได้ว่ารูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> กุสุมา เสนานาค ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 101 126 การเรียนรู้คำศัพท์ภาษากรีกสมัยใหม่ในฐานะภาษาที่สอง/ภาษาต่างประเทศ: https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281854 <p>การเรียนรู้คำศัพท์ภาษากรีกในฐานะภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสามารถทางภาษา โดยสามารถดำเนินการได้ผ่านสองแนวทางหลัก ได้แก่ การสอนโดยตรง (explicit teaching) และ การสอนโดยอ้อม (incidental teaching) ซึ่งแต่ละแนวทางมีลักษณะเฉพาะและกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้และการได้มาซึ่งคำศัพท์แตกต่างกันการสอนโดยตรง หมายถึงการเรียนรู้คำศัพท์อย่างมีจุดมุ่งหมาย ชัดเจน และมีโครงสร้าง เช่น การเรียนรู้ผ่านรายการคำศัพท์ แบบฝึกหัดเฉพาะ การท่องจำ หรือการใช้บัตรคำ โดยแนวทางนี้เหมาะกับผู้เรียนระดับต้น และในกรณีที่ต้องการพัฒนาคลังคำศัพท์ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถจดจำความหมายและการใช้งานคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว (Nation, 2001) การได้มาซึ่งข้อมูลในรูปแบบนี้มักมาจากตำราเรียน สื่อการสอนเฉพาะทาง หรือสื่อดิจิทัลที่พัฒนาเพื่อการสอนคำศัพท์โดยตรงในทางตรงกันข้าม การสอนโดยอ้อม เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับภาษาในบริบทธรรมชาติ เช่น การฟัง การอ่าน การพูดคุย หรือการเขียน โดยไม่ได้มุ่งเน้นการเรียนคำศัพท์เป็นเป้าหมายหลัก ผู้เรียนจะได้คำศัพท์ใหม่จากบริบทโดยรอบ เช่น สถานการณ์ ตัวละคร หรือเนื้อหาของเรื่องที่อ่านหรือฟัง ทำให้สามารถเข้าใจความหมายของคำและนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ (Huckin &amp; Coady, 1999) วิธีนี้ส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอย่างยืดหยุ่นและลึกซึ้ง โดยข้อมูลที่ได้มานั้นมักเป็นผลมาจากประสบการณ์ตรง การอ่านอย่างต่อเนื่อง หรือการรับฟังอย่างมีจุดมุ่งหมายการเรียนรู้คำศัพท์ที่มีประสิทธิภาพในฐานะภาษาที่สองจึงควร ผสมผสานระหว่างการสอนโดยตรงและโดยอ้อมเพื่อให้ผู้เรียนได้รับทั้งความรู้พื้นฐานทางภาษาและสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน (Schmitt, 2008) กลยุทธ์ทั้งสองนี้มีศักยภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้คำศัพท์ที่ยั่งยืน และครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียนในบริบทต่าง ๆ ผลการศึกษาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การสอนคำศัพท์โดยตรงช่วยเพิ่มขนาดคลังคำศัพท์ได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เรียนระดับเริ่มต้น ขณะที่การเรียนรู้โดยอ้อมมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการเข้าใจและใช้คำศัพท์อย่างลึกซึ้งในสถานการณ์จริงอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การผสมผสานทั้งสองแนวทางในหลักสูตรการเรียนการสอนช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาได้ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพอย่างสมดุล และส่งผลต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในระยะยาว</p> กัมปนาท บัวลา ประยูรรัตนวงศ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 127 146 “ชาวพุทธที่แท้จริง” มุมมองทางมานุษยวิทยาต่อการศึกษาพุทธศาสนา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/281856 <p>การมองว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เน้นเหตุผล ปฏิเสธเทพเจ้า มุ่งความหลุดพ้น และความรับผิดชอบต่อศีลธรรมตามกฎแห่งกรรม แต่ในความเป็นจริง พุทธศาสนาที่ชาวพุทธปฏิบัติมีความซับซ้อนกว่านั้น มีทั้ง<br>การบูชาผี ความหวังในการเกิดใหม่ในชีวิตที่ดีหรือเป็นมนุษย์ผู้มั่งคั่ง การทำบุญอุทิศเพื่อญาติ และพิธีกรรมต่าง ๆ “ความเป็นพุทธแท้” เป็นอย่างไร ? เป็นคำถามที่คนเราตั้งขึ้นมาเพื่อค้นหาแก่นแท้ของพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้ถูกตีความและนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายบริบท โดยมีทั้งการรักษาความสมดุลระหว่างการดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบัน และการปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สังคมปัจจุบันเต็มไปด้วย<br>ความเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเทคโนโลยี วัฒนธรรม และความเชื่อ ทำให้เกิดคำถามว่า อะไรคือพุทธศาสนาที่แท้จริง และเราจะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร การศึกษาทางมานุษยวิทยาที่เน้นการศึกษาวัฒนธรรม ต้องเผชิญกับอิทธิพลของศาสนาพุทธอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพยายามหาคำตอบกับประเด็นในบริบททางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งการศึกษาพิธีกรรมในฐานะเป็นการแสดงออกถึงคุณค่าทางวัฒนธรรม โดยไม่ตัดสินว่าการปฏิบัติแบบใด (เป็นพุทธที่แท้) ถูกต้องหรือผิด ในบริบททางสังคมที่มีความหลากหลายและแตกต่างกัน</p> ชาตรี สุขสบาย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1 147 164 บทบรรณาธิการ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/huru/article/view/283415 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; วารสารรามคำแหง ฉบับมนุษยศาสตร์ เป็นวารสารวิชาการประจำคณะมนุษยศาสตร์ซึ่งมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาค้นคว้า การวิจัย และการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเป็นพื้นที่เผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของคณะมนุษยศาสตร์ อันได้แก่ &nbsp;ภาษา ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม คติชนวิทยา&nbsp; ปรัชญา ประวัติศาสตร์ บรรณารักษศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา&nbsp; อีกทั้งยังเปิดกว้างสำหรับประเด็นวิจัยเฉพาะทางอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการเสริมสร้างเครือข่ายและความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันอีกด้วย</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;ในนามคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ดิฉันขอเรียนเชิญคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ และผู้สนใจทุกท่าน ส่งบทความวิจัย บทความวิชาการ หรือบทความปริทัศน์ เข้ารับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสาร เป็นการแลกเปลี่ยนและต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาการในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมและส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการอย่างยั่งยืน</p> บรรณาธิการ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-27 2025-06-27 44 1