วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp <p><strong>วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร</strong></p> <p><strong> ISSN:</strong> 2985-2927 (Online)</p> <p>กำหนดการออก : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ </strong>: วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความวิชาการ (Academic Article) และบทความวิจัย (Research Article) แบบเต็มรูปแบบ (Full Paper) ทางนิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน สื่อสารการตลาด เทคโนโลยีสารสนเทศ ดิจิทัลคอนเทนท์ เทคโนโลยีมัลติมีเดีย สื่อดิจิทัล การพัฒนาสื่อและนวัตกรรม เทคโนโลยีสื่อสารมวลชน และสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วารสารเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยทั้<wbr />งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย รวมถึงภายในและภายนอกประเทศ </p> มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร th-TH วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร 2985-2927 <p>Copyright (c) วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร</p> <p><a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/" rel="license"><img src="https://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png" alt="Creative Commons License" /></a></p> <p>วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร อยู่ภายใต้การอนุญาต <a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/" rel="license">Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License</a>. (CC BY-Nc-ND 4.0) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น โปรดอ่านหน้านโยบายของเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงแบบปิด ลิขสิทธิ์ และการอนุญาต</p> “พื้นที่กึ่งสาธารณะ” สื่อสังคมออนไลน์ภายใต้การกำกับควบคุมของรัฐไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/276741 <p>บทความนี้ตรวจสอบแนวคิด “ปริมณฑลสาธารณะ” (Public Sphere) ของเยอร์เกน ฮาเบอร์มาส (Jürgen Habermas) ที่เสนอว่าสื่อเป็นปริมณฑลสาธารณะรูปแบบหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นพื้นที่ให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องส่วนรวมอย่างเป็นอิสระและเสมอภาค ทั้งนี้ มีปรากฏการณ์และงานศึกษาที่ชี้ว่าสื่อสังคมออนไลน์เป็นปริมณฑลสาธารณะที่เพิ่มพลังอำนาจให้ประชาชนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย บทความแสดงปรากฏการณ์บางส่วนที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเพื่อชี้ให้เห็นว่าแม้ประชาชนจะใช้พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์รัฐกันมากขึ้น แต่รัฐเองก็ใช้พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อตรวจตรา สอดส่อง และควบคุมประชาชนด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมี “ขบวนการล่าแม่มดออนไลน์” ที่ทำหน้าที่แทนรัฐคอยสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแจ้งความดำเนินคดีประชาชนจำนวนมาก บทความเสนอว่าในสังคมไทยนั้น<br />สื่อสังคมออนไลน์เป็นได้เพียง “พื้นที่กึ่งสาธารณะ” (Semi-public Space) เพราะประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างเป็นอิสระจากการแทรกแซงของรัฐ ทั้งนี้ บริบททางสังคมและการเมืองเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างปริมณฑลสาธารณะและการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยของสังคม และยังเกี่ยวข้องกับความหมายของคำว่า “สาธารณะ” ที่จำเป็นต้องอภิปรายถกเถียงกันอีกมากว่าเรื่องใดและบุคคลใดบ้างที่มี “ความเป็นสาธารณะ” ซึ่งผู้อื่นจะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อได้ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย</p> อัจฉรา รักยุติธรรม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 145 160 A Semiotic Exploration of Human Language: Nature, Characteristics, and Linguistic Equality https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/274477 <p>ภาษาของมนุษย์เป็นระบบสัญศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งอำนวยความสะดวกในการสื่อสารและแยกแยะมนุษย์จากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น บทความนี้จะตรวจสอบภาษาของมนุษย์ผ่านมุมมองของสัญศาสตร์ โดยนำทฤษฎีพื้นฐานจาก Ferdinand de Saussure และ Charles Peirce มาใช้ บทความนี้จะศึกษาว่าสัญลักษณ์และการตีความมีอิทธิพลต่อการสื่อสารทางภาษาอย่างไร และวิจารณ์แนวคิดเรื่องความเหนือกว่าทางภาษาโดยสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางภาษา การศึกษาครั้งนี้จะสังเคราะห์ทฤษฎีสัญศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว โดยนำการอภิปรายล่าสุดเกี่ยวกับการสื่อสารหลายรูปแบบและความหลากหลายทางภาษามาใช้ กรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นหลักการสัญศาสตร์ในสถานการณ์การสื่อสารในโลกแห่งความเป็นจริงเน้นให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้สัญศาสตร์ในทางปฏิบัติ โดยจะอธิบายให้เห็นว่าข้อความถูกส่งผ่านสัญญาณ (ข้อความใด ๆ ที่ส่งจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง) และช่องทาง (สื่อที่ใช้ในการส่งสัญญาณเหล่านี้) อย่างไร ผลการศึกษาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยอมรับว่าภาษาของมนุษย์ทุกภาษามีคุณค่าเท่าเทียมกันในบริบททางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง โดยปฏิเสธแนวคิดเรื่องความเหนือกว่าทางภาษาตามปัจจัยทางโครงสร้าง ประวัติศาสตร์ หรือทางชีววิทยา การศึกษาครั้งนี้มีส่วนสนับสนุนการอภิปรายด้านสัญศาสตร์ร่วมสมัยและการรวมเอาภาษาเข้าไว้ด้วยกันโดยบูรณาการมุมมองเชิงทฤษฎีและเชิงประยุกต์</p> Sarath Samaranayake ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 161 178 การพัฒนากิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวสูงวัยในเมืองมรดกโลกสำหรับนักท่องเที่ยวสูงวัย (อำเภอพระนครศรีอยุธยา) https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/273627 <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของกิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2) พัฒนากิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยว และ 3) สร้างสื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) กับผู้นำชุมชนและภาคีเครือข่าย 20 ราย ใช้การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เน้นผู้มีบทบาทสำคัญในชุมชนและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามนักท่องเที่ยวสูงวัย 400 ราย ที่มาท่องเที่ยวในอำเภอพระนครศรีอยุธยา ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของเส้นทางการท่องเที่ยว พบว่า มีความเชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ มีงานแกะสลักไม้ ชุมชนมีความเข้มแข็งและได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองท้องถิ่น ด้านการพัฒนากิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยว ได้พัฒนาโปรแกรม <strong>“</strong>ท่องเที่ยววัยเก๋าไม่เฉา<strong>”</strong> (2 วัน 1 คืน) ให้เหมาะกับนักท่องเที่ยวสูงวัย โดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย ลดความเหนื่อยล้า มีการเสนอแนะให้เพิ่มกิจกรรมการนวดแผนไทยเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านสุขภาพ ด้านการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมและเส้นทางการท่องเที่ยว พบว่า นักท่องเที่ยวสูงวัยเป็นเพศหญิง อายุ 60-65 ปี เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมาเป็นครอบครัวในวันหยุด และรับข้อมูลการท่องเที่ยวผ่านสื่อสังคมออนไลน์เป็นหลัก ผลการประเมินด้านรูปแบบกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์อยู่ในระดับมากทุกด้าน ส่วนรูปแบบการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรม ควรสร้างและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยแจ้งรายละเอียดผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และจัดทำคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย โดยคณะผู้วิจัยได้จัดทำคู่มือ “ท่องเที่ยววิถีไทยเพื่อผู้สูงวัย” เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งทำการเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ให้แก่นักท่องเที่ยวสูงวัย</p> เสาวลักษณ์ ชาติศรีสัมพันธ์ พัทธ์พสุตม์ สาธุนุวัฒน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 1 18 การพัฒนาระบบสารสนเทศการจำหน่ายไม้แปรรูป กรณีศึกษา ร้านจิดาภาค้าไม้ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/273028 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศการจำหน่ายไม้แปรรูป 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบ และ 3) ประเมินความพึงพอใจของระบบ วิธีในการศึกษาและพัฒนาระบบ ใช้กระบวนการของวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle: SDLC) พัฒนาด้วยโปรแกรม Microsoft Visual 2015 โดยใช้ภาษา C# และฐานข้อมูล MySQL บนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 10 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ประกอบการด้านการจำแหน่ายไม้แปรรูป ในจังหวัดสระบุรี จำนวน 5 คน พนักงานขายภายในร้าน จำนวน 15 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 3 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) ระบบสารสนเทศการจำหน่ายไม้แปรรูป 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบ และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1) ระบบสามารถทำการจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลพนักงานขาย ข้อมูลไม้แปรรูป ข้อมูลประเภทไม้แปรรูป ข้อมูลผู้ผลิต ข้อมูลการสั่งซื้อ ข้อมูลการขาย ใบเสร็จการขาย ใบเสร็จการสั่งซื้อ และการแสดงรายงานต่าง ๆ ได้ 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ระบบมีประสิทธิภาพการทำงานในระดับมาก และ 3) ผลประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานที่มีต่อระบบ พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก</p> นันทนิธิ์ เอิบอิ่ม กิตติธัช แจ้งจิตร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 19 34 ความต้องการรับรู้ข่าวสารผ่านสื่อเพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยของประชาชนพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดอุบลราชธานี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/276598 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสื่อที่ใช้ในการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการเฝ้าระวังอุทกภัย จังหวัดอุบลราชธานี 2) การเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อเพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยของประชาชนพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดอุบลราชธานีตามลักษณะประชากร 3) ความต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อเพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยของประชาชนพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดอุบลราชธานี และ 4) แนวทางพัฒนาการสื่อสารผ่านสื่อเพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยของประชาชนพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method) มีส่วนในการวิจัยทั้งในเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) กลุ่มตัวอย่างคือ บุคลากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการเฝ้าระวังอุทกภัยจังหวัดอุบลราชธานี ประชาชนในพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดอุบลราชธานีที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้งและผู้นำชุมชน ผลการวิจัยในส่วนเชิงคุณภาพพบว่า การเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการเฝ้าระวังอุทกภัยจังหวัดอุบลราชธานี ประชาชนในพื้นที่มีความต้องการรับข่าวสารผ่านหอกระจายข่าวหมู่บ้านสื่อสารโดยผู้นำชุมชน สอดคล้องกับผลการวิจัยเชิงปริมาณที่พบว่า ประชาชนในพื้นที่ริมน้ำมีพฤติกรรมการเปิดรับสื่อข่าวสารผ่านหอกระจายข่าวหมู่บ้านในระดับบ่อยครั้งมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=3.89) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความต้องการเปิดรับข่าวสารในเรื่องการแจ้งแผนการเปิดศูนย์ผู้ประสบภัยในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=3.52) แนวทางการพัฒนาการสื่อสารเพื่อเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยของประชาชนพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี สื่อบุคคลที่อยู่ในพื้นที่และใกล้ชิดกับชาวบ้านอย่างผู้นำชุมชนจึงมีบทบาทสำคัญในการแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย ผ่านสื่ออย่างหอกระจายข่าว รัฐบาลจึงควรให้ความสำคัญกับหอกระจายข่าวหมู่บ้าน ควรมีการกำหนดงบประมาณเพื่อซ่อมหอกระจายข่าวหมู่บ้านให้อยู่ในสภาพใช้งานได้</p> วิชุดา สวัสดี สังข์ทองหลาง ปณิสญา อธิจิตตา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 35 52 พฤติกรรมการรู้สารสนเทศเพื่อการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/275116 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการรู้สารสนเทศเพื่อการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำของนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จำแนกตามลักษณะ ระยะเวลา วัตถุประสงค์ และกิจกรรมที่ทำระหว่างการท่องเที่ยว กลุ่มตัวอย่างคือ นักท่องเที่ยวชาวไทยในจังหวัดกาญจนบุรี ใน พ.ศ. 2566 จำนวน 400 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test และ F-test ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ ทุกด้านในระดับมาก ด้านที่มากที่สุดคือ ความสามารถในการรวบรวมและการใช้สารสนเทศ รองลงมาคือ การรู้ความต้องการสารสนเทศ และการเข้าถึงสารสนเทศ นักท่องเที่ยวที่มีลักษณะการเดินทางต่างกันมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ที่เดินทางคนเดียวมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ สูงกว่าผู้เดินทางเป็นกลุ่ม นักท่องเที่ยวที่ใช้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวต่างกันมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ที่ไม่ค้างคืนมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ สูงกว่าผู้ค้างคืน นักท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์ในการเดินทางต่างกันมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ที่ท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ สูงกว่าผู้ที่ท่องเที่ยวเพื่อรับประทานอาหาร นักท่องเที่ยวที่ทำกิจกรรมระหว่างท่องเที่ยวต่างกันมีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ที่ทำกิจกรรมเชิงสุขภาพ ท่องเที่ยวพักผ่อน ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีพฤติกรรมการรู้สารสนเทศฯ สูงกว่าผู้ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม</p> อังคณา แวซอเหาะ สุวรรณา เข็มแดง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 53 70 เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร กรณีศึกษาร้านข้าวต้มโอเค จังหวัดเพชรบูรณ์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/277155 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การทำวิจัย 1) เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร 2) เพื่อศึกษาคุณภาพของเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อเว็บไซต์ร้านอาหาร ในการศึกษาและพัฒนาระบบโดยใช้กระบวนการของวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle: SDLC) โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ใช้งานที่มาใช้บริการร้านอาหาร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร 2) แบบประเมินคุณภาพเว็บไซต์ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อเว็บไซต์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1) เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหารที่พัฒนาขึ้นผู้ใช้งานสามารถจัดการกับข้อมูลสินค้า ข้อมูลหมวดหมู่สินค้า ข้อมูลเกี่ยวกับร้าน ข้อมูลความคิดเห็น ข้อมูลการจองห้องอาหาร และข้อมูลของสมาชิก 2) คุณภาพของเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.72, S.D.=0.45) และ 3) ความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.75, S.D.=0.48) เว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ที่สามารถนำเสนอข้อมูลเมนูอาหาร โพรโมชันต่าง ๆ และกิจกรรมพิเศษให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการรับรู้และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านได้ </p> ณัฐพล ชุมทางธรรม กัญญ์กุลณัช พีรชาอัครชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 ระบบร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ กรณีศึกษา ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/273025 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ 2) ประเมินระดับประสิทธิภาพของระบบร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ และ 3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีกระบวนการออกแบบ และพัฒนาด้วยโปรแกรม Adobe Photoshop CS6 และ Adobe Dreamweaver CS6 ใช้ในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ MySQL ใช้ในการออกแบบฐานข้อมูล XAMPP สร้างฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และ PHP พัฒนาและออกแบบมาเพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML การวิจัยครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 คน และผู้ใช้งานระบบ จำนวน 22 คน ได้แก่ เจ้าของร้าน 1 คน พนักงานในร้าน จำนวน 2 คน บริษัทผู้ผลิต จำนวน 2 คน และลูกค้า จำนวน 17 คน ผลการวิจัยพบว่า ระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ข้อมูลบริษัทผู้ผลิต ข้อมูลประเภทเสื้อผ้า ข้อมูลเสื้อผ้า ข้อมูลการสั่งซื้อเสื้อผ้า ข้อมูลการขายเสื้อผ้า สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข ค้นหาข้อมูล และสามารถออกใบเสร็จให้ลูกค้าได้ ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.31 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.69 และผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.46 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.18</p> ชุติมา นิ่มนวล ธนกร พิมพ์สิทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 89 106 การพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/275197 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน แบ่งกลุ่มประชากรเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) ประชากรสำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพจำนวน 10 คน เช่น ผู้นำชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ชาวบ้าน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2) ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 4 คน เพื่อประเมินเทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว และ 3) ประชากรสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ ผู้ที่เดินทางมาสถานที่ท่องเที่ยว ฯ จำนวน 400 คน ผลการวิจัยความพึงพอใจที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ฯ จากผู้ตอบแบบสอบถาม 400 คน พบว่า ความพึงพอใจที่มีต่อเทคโนโลยีเสมือนจริงในแผ่นพับการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว ฯ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.76 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.77</p> ศราวุฒิ เกิดถาวร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 107 126 การผลิตสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่อง เสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/278281 <p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อผลิตสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่องเสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจหลังการรับชมสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่องเสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ วิธีการวิจัยโดยศึกษาข้อมูลทฤษฎีจากหนังสือ เอกสาร บทความ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการผลิตสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่อง เสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ จำนวน 3 ตอน โดยใช้ขั้นตอนกระบวนการผลิตสื่อวิดีโอในรูปแบบ 3P คือ 1) ขั้นตอนก่อนการผลิต (Pre-Production) 2) ขั้นตอนการผลิต (Production) 3) ขั้นตอนหลังการผลิต (Post-Production) หลังจากนั้นประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน ประเมินคุณภาพพร้อมนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข และประเมินความพึงพอใจกับกลุ่มศึกษาคือ กลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Facebook Group) กลุ่มละครสั้นสะท้อนสังคม จำนวน 100 คน สรุปผลการศึกษาพบว่า ผลการประเมินคุณภาพหลังการผลิตสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่องเสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ ของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ด้าน พบว่า ในภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.40, S.D.=0.84) 2) ผลการประเมินความพึงพอใจหลังการรับชมสื่อวิดีโอในระบบดิจิทัลเรื่องเสื้อผ้าไม่แบ่งเพศ จากกลุ่มศึกษา จำนวน 100 คน อยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.42, S.D.=0.68) กลุ่มศึกษามีความพึงพอใจหลังการรับชมสามารถใช้สื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยให้เกิดการยอมรับในสิทธิและเสรีภาพ และความเท่าเทียมกันในสังคมได้</p> ทิฐฐาน เนียมชูชื่น ภัทรวรรธน์ ไกรปิยเศรษฐ์ วรารัตน์ จรัสชัยวงศ์ พิมพ์ชนก เพชรสงค์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 10 1 127 144