วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp <p><strong>วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร</strong></p> <p><strong> ISSN:</strong> 2985-2927 (Online)</p> <p>กำหนดการออก : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ </strong>: วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความวิชาการ (Academic Article) และบทความวิจัย (Research Article) แบบเต็มรูปแบบ (Full Paper) ทางนิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน สื่อสารการตลาด เทคโนโลยีสารสนเทศ ดิจิทัลคอนเทนท์ เทคโนโลยีมัลติมีเดีย สื่อดิจิทัล การพัฒนาสื่อและนวัตกรรม เทคโนโลยีสื่อสารมวลชน และสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง วารสารเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยทั้<wbr />งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย รวมถึงภายในและภายนอกประเทศ </p> th-TH <p>Copyright (c) วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร</p> <p><a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/" rel="license"><img src="https://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png" alt="Creative Commons License" /></a></p> <p>วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร อยู่ภายใต้การอนุญาต <a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/" rel="license">Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License</a>. (CC BY-Nc-ND 4.0) เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น โปรดอ่านหน้านโยบายของเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าถึงแบบปิด ลิขสิทธิ์ และการอนุญาต</p> [email protected] (Asst.Prof.Dr. Widchaporn Taipjutorus) [email protected] (นภาพร ภู่เพ็ชร) Thu, 28 Dec 2023 14:07:57 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารของสื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในมุมมองเชิงวิชาการและวิชาชีพสื่อสารมวลชน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/264112 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการณ์ปัจจุบัน ค้นหาและวิเคราะห์ รวมทั้งพัฒนาและยกระดับให้สื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในประเทศไทยสู่การเป็นนวัตกรรมการสื่อสารทางโทรทัศน์ระบบดิจิทัล โดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกับกลุ่มตัวอย่างนักวิชาการและนักวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชน จำนวน 12 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การตีความเพื่อนำเสนอในลักษณะของการบรรยายเชิงพรรณนาหรือพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า สภาพการณ์ปัจจุบันของสื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในประเทศไทยนั้นยังมีปัญหาในทุกด้าน ทั้งในด้านความนิยมของผู้ชมรายการโทรทัศน์ที่น้อยลง ส่งผลด้านเศรษฐกิจที่ประสบปัญหาขาดทุนแทบทุกช่องสถานี, การค้นหาและวิเคราะห์นวัตกรรมการสื่อสารของสื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลพบว่าควรเน้น “นวัตกรรมเฉพาะตัว”หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละสื่อเองที่แตกต่างจากสื่ออื่น ๆ โดยจุดที่น่าสนใจคือนวัตกรรมเชิงผลิตภัณฑ์นั้นควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ในทุกช่องทางการสื่อสารดิจิทัล, การพัฒนาสื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในประเทศไทยสู่การเป็นนวัตกรรมการสื่อสารทางโทรทัศน์ระบบดิจิทัลควรใช้แนวคิดการหลอมรวมสื่อที่เน้นการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ทุกแพลทฟอร์มในลักษณะ“หนึ่งรายการ เผยแพร่หลากหลายสื่อ” และการยกระดับสื่อโทรทัศน์ระบบดิจิทัลนั้นควรใช้กลยุทธ์ในการเผยแพร่และสร้างการมีส่วนร่วมบนทุกแพลทฟอร์มให้กับประชาชนผู้รับสาร มีการเล่าเรื่องข้ามสื่อที่เชื่อมโยงเนื้อหาทั้งหมดให้เสริมกัน และสร้างเนื้อหาจากประเด็นสำคัญที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย</p> ประพจน์ ณ บางช้าง, วิโรจน์ ศรีหิรัญ Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/264112 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 ระบบบริหารจัดการร้านขายวัสดุก่อสร้าง กรณีศึกษา : ร้าน ป.รุ่งเรืองค้าวัสดุ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266630 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบบริหารจัดการร้านขายวัสดุก่อสร้าง 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการร้านขายวัสดุก่อสร้าง และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบร้านขายวัสดุก่อสร้าง โดยใช้โปรแกรม Microsoft Visual Studio 2015 และใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MS SQL ในการจัดเก็บข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) ระบบบริหารจัดการร้านขายวัสดุก่อสร้าง 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งาน กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 คน และผู้ใช้งานระบบ จำนวน 10 คน เจ้าของร้าน 1 คน พนักงานในร้าน จำนวน 2 คน และลูกค้า จำนวน 7 คน ผลการวิจัยพบว่า ระบบบริหารจัดการร้านขายวัสดุก่อสร้างพัฒนาขึ้นสามารถจัดเก็บข้อมูลหลัก เช่น ข้อมูลวัสดุ ข้อมูลประเภทวัสดุ ข้อมูลบริษัทขายส่ง ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการสั่งซื้อ ข้อมูลการขาย การออกรายงานต่าง ๆ และสามารถออกใบเสร็จให้กับลูกค้าได้ เป็นต้น ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.93 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.37 และผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.22 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.22</p> ชุติมา นิ่มนวล, สลิลทิพย์ ผ่องแผ้ว Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266630 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การเปิดรับสื่อและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในกลุ่มผู้ประกอบการในการขนส่งสินค้าทางถนน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/264349 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการเปิดรับสื่อในกลุ่มผู้ประกอบการในการขนส่งสินค้าทางถนน 2) เพื่อศึกษาการตัดสินใจใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้าทางถนน และ 3) เพื่อศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมต่อการตัดสินใจใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในกลุ่มผู้ประกอบการในการขนส่งสินค้าทางถนน โดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลแบบสอบจากกลุ่มตัวอย่างคือ สมาชิกของสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางถนนที่ใช้รถบรรทุกในการขนส่งสินค้า จำนวน 311 คน สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ One-Way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า ด้านการเปิดรับจากสื่อออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตมากที่สุด กลุ่มตัวอย่างเปิดรับสื่อมากที่สุด ด้านการค้นหาข้อมูล พบว่า การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถบรรทุกไฟฟ้า สื่อที่มีการค้นหาข้อมูลที่สุดคือ สื่อออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ต กลุ่มตัวอย่างรับทราบข่าวสารมากที่สุดจากเฟซบุ๊กในระดับบ่อย จากผลการวิจัยพบว่าแนวโน้มพฤติกรรมต่อการใช้รถบรรทุกไฟฟ้า ภาพรวมกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มพฤติกรรมต่อการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในระดับตั้งใจ โดยมีความตั้งใจมากที่สุดในประเด็นท่าน/องค์กรจะติดตามข่าวสารเกี่ยวกับรถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทางถนนในระดับตั้งใจมาก</p> มาริษา ศรีนุวัฒย์, สมัชชนันท์ เอกปัญญากุล Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/264349 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริม ในรายวิชาภาษาไทย เรื่อง นิราศภูเขาทอง ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/265309 <p style="font-weight: 400;">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง ให้มีคุณภาพเหมาะสมและมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจากสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริม ในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จังหวัดกรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 40 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบยกกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมแบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและสื่อ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า t-test และค่าดัชนีประสิทธิผล ผลการวิจัยพบว่า 1) สื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล มีคุณภาพด้านเนื้อหา และวัดประเมินผลอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.67, S.D.=0.43) และด้านเทคนิคและวิธีการ มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.86, S.D.=0.16) ผลการหาดัชนีประสิทธิภาพเท่ากับ 80/97.50 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 เป็นเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) คะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียนของนักเรียน สูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 3) ดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง มีค่าเท่ากับ 0.73 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 73 และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความจริงเสริมในรายวิชาภาษาไทย เรื่องนิราศภูเขาทอง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.55, S.D.=0.59)</p> <p style="font-weight: 400;"><strong> </strong></p> นัชชา เพ็งภิญโญ Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/265309 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การผลิตสื่อโมชันกราฟิก เรื่องสารประกอบไฮโดรคาร์บอนเพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและความสามารถในการคิดรวบยอดของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/265307 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) การผลิตสื่อโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดรวบยอดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) ประเมินคุณภาพของสื่อโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน 4) ศึกษาความสามารถในการคิดรวบยอดทางการเรียนที่ใช้สื่อการสอนโมชันกราฟิก 5) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการใช้สื่อโมชันกราฟิก และ 6) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อการสอนโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน งานวิจัยนี้ศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จำนวน 36 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยการสุ่มเลือกห้อง จำนวน 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) สื่อโมชันกราฟิก 3) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและสื่อ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ ความถี่ และค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่า 1) การผลิตสื่อโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้สื่อที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบ 2) ด้านเนื้อหามีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.68, S.D.=0.23) ด้านเทคโนโลยีมีคุณภาพอยู่ในระดับดี (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.23, S.D.=0.68) และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.65/83.45 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยการสอนโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน มีคะแนนสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ความสามารถในการคิดรวบยอดทางการเรียนโดยใช้สื่อการสอนโมชันกราฟิก เรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.64 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 5) ดัชนีประสิทธิผลของการใช้สื่อโมชันกราฟิกเรื่อง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน นักเรียนมีความรู้หลังจากเรียนด้วยสื่อโมชันกราฟิกเพิ่มขึ้น 0.77 หรือคิดเป็นร้อยละ 77 และ 6) ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่อสื่อการสอนโมชันกราฟิก อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />=4.55, S.D.=0.56) </p> จิรนันท์ ตันตระกูล Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/265307 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการร้านกาแฟ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266715 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์ ออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการร้านกาแฟ 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการร้านกาแฟ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการร้านกาแฟ ในการศึกษาและพัฒนาระบบใช้กระบวนการของวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle: SDLC) พัฒนาด้วยโปรแกรม Microsoft Visual Studio 2015 โดยใช้ภาษา C# และใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL ในการจัดเก็บข้อมูลให้มีความถูกต้อง รวดเร็วบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ใช้งานระบบ จำนวน 24 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 3 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการร้านกาแฟ 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ผลการวิจัยพบว่า ระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นสามารถจัดการกับข้อมูลหลัก เช่น ข้อมูลเครื่องดื่ม ข้อมูลประเภทเครื่องดื่ม ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลบริษัทผู้ผลิตได้ โดยระบบสามารถจัดการข้อมูลการเบิกวัตถุดิบ การสั่งซื้อวัตถุดิบ และการขายกาแฟให้กับลูกค้า รวมทั้งการออกใบเสร็จการขายและการรายงานผลการดำเนินงานได้ <br />ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 3.95, S.D. = 0.48) และผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.20, S.D. = 0.73)</p> นันทนิธิ์ เอิบอิ่ม, วาริศรา โพธิ์พึ่ง Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266715 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์แบบอัลบั้มโพสเพื่อการประชาสัมพันธ์แบรนด์กางเกงยีนส์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266202 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและประเมินคุณภาพของดิจิทัลคอนเทนต์แบบอัลบั้มโพสต์เพื่อการประชาสัมพันธ์แบรนด์กางเกงยีนส์ 2) เพื่อประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง และ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อดิจิทัลคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ดิจิทัลคอนเทนต์แบบอัลบั้มโพสต์เพื่อการประชาสัมพันธ์แบรนด์กางเกงยีนส์ 2) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง 4) แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ติดตามเพจ Facebook ที่มีชื่อว่า Panti By TBY Jeans (For Learning) วิธีการเลือกแบบเจาะจง จากผู้ติดตามเพจ จำนวน 30 คน โดยดิจิทัลคอนเทนต์แบบอัลบั้มโพสต์เพื่อการประชาสัมพันธ์แบรนด์กางเกงยีนส์ที่พัฒนาขึ้นมีจำนวนทั้งสิ้น 6 อัลบั้มโพสต์ ผลจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวนด้านละ 3 คน พบว่า มีผลการประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก ผลการประเมินคุณภาพด้านสื่ออยู่ในระดับดีมาก ผลประเมินการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมากที่สุด ดังนั้นดิจิทัลคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปเผยแพร่ได้อย่างมีคุณภาพ</p> กุลธิดา ธรรมวิภัชน์, พรปภัสสร ปริญชาญกุล, ภันทิลา ปีสาทุม Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266202 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 กลยุทธ์การโฆษณาพนันออนไลน์และอิทธิพลที่มีผลต่อความสนใจเล่นพนันออนไลน์ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/267849 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) กลยุทธ์การโฆษณาพนันออนไลน์ในเว็บไซต์และติ๊กต็อก และ 2) อิทธิพลของกลยุทธ์การโฆษณาพนันออนไลน์ที่มีผลต่อความสนใจเล่นพนันออนไลน์ของวัยรุ่น โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ การศึกษากลยุทธ์การโฆษณาใช้การวิเคราะห์สื่อออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ จำนวน 3 เว็บไซต์ และติ๊กต็อก จำนวน 3 บัญชี ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ การศึกษาอิทธิพลใช้การสำรวจด้วยแบบสอบถามออนไลน์จากวัยรุ่น จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า กลยุทธ์การโฆษณาพนันออนไลน์ ประกอบด้วย 1) กลยุทธ์การโฆษณา ได้แก่ การใช้ภาษาชวนเชื่อ การส่งเสริมการขาย ภาพผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด เพลงบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการพนัน และจุดจูงใจทางเพศ (2) กลยุทธ์การใช้สื่อ ได้แก่ สื่อคลิปวิดีโอเคลื่อนไหวและภาพเคลื่อนไหว ผลการสำรวจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 61.50) เป็นนักเรียน/นักศึกษา (ร้อยละ 76.25) ระดับการศึกษาปริญญาตรี (ร้อยละ 82.00) มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 5,000 บาท (ร้อยละ 32.75) เคยเห็นโฆษณาพนันออนไลน์มากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ (ร้อยละ 38.00) ส่วนมากเห็นจากเว็บไซต์ (ร้อยละ 73.80) ในลักษณะเพลง/วิดีโอโฆษณา (ร้อยละ 77.80) ในภาพรวม พบว่า กลยุทธ์การโฆษณามีผลต่อความสนใจเล่นพนันของวัยรุ่นในระดับปานกลาง โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ เพลงบอกรายละเอียดของเว็บพนัน (M = 2.84, SD = 1.44) การส่งเสริมการขาย (M = 2.71, SD = 1.47) และสื่อคลิปวิดีโอและภาพเคลื่อนไหว (M = 2.70, SD = 1.46) ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การโฆษณาเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อความสนใจเล่นพนันออนไลน์ของวัยรุ่น ทั้งยังสะท้อนแนวคิดเรื่องผลกระทบที่เกิดจากบุคคลที่สาม (Third-Person Effect) ซึ่งเป็นประเด็นที่จะอภิปรายต่อไป</p> ณัฐวิภา สินสุวรรณ, ศิรภัสสร หมั่นดี, คณภรณ์ เกษมสุข, สุพิชชา ศรีกุล Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/267849 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาวิดีโอคอนเทนต์เพื่อการประชาสัมพันธ์โปรไฟล์องค์กรของบริษัท ไวท์ไลน์แอคทิเวชัน จำกัด โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเเบบ Simon Sinek’s Golden Circle https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266087 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและประเมินคุณภาพ 2) ประเมินผลการรับรู้ และ 3) ประเมินผลความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อพัฒนาวิดีโอคอนเทนต์เพื่อการประชาสัมพันธ์โปรไฟล์องค์กร โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเเบบ Simon Sinek’s Golden Circle เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ วิดีโอคอนเทนต์เพื่อการประชาสัมพันธ์โปรไฟล์องค์กร แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ แบบประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง และแบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานปัจจุบันที่ปฏิบัติงานอยู่ใน บริษัทไวท์ไลน์แอคทิเวชัน จำกัด โดยได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง จากพนักงานที่มีอายุงาน ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ที่เคยชมวิดีโอคอนเทนต์เพื่อการประชาสัมพันธ์โปรไฟล์องค์กรที่พัฒนาขึ้น และยินดีตอบแบบสอบถาม จำนวน 30 คน ผลการวิจัยได้วิดีโอคอนเทนต์เพื่อการประชาสัมพันธ์ Company Profile โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเเบบ Simon Sinek’s Golden Circle ความยาว 3 นาที จำนวน 1 เรื่อง ผลการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า มีผลการประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดี ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.38, S.D. = 0.58) ผลการประเมินคุณภาพด้านสื่อการนำเสนออยู่ในระดับดีมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.61, S.D. = 0.50) ผลการประเมินด้านการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.70, S.D. = 0.58) และผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.62, S.D. = 0.57) ดังนั้นสื่อที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีคุณภาพ</p> กุลธิดา ธรรมวิภัชน์, พรปภัสสร ปริญชาญกล, มิ่งขวัญ เพ็ชรสวัสดิ์, อมรรัตน์ กิตติพงศ์พิสุทธิ์, ภาสินี เราอัครรุ่งเรือง, นภัสภรณ์ โพธิพล Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266087 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้ระบบ SAP ต่อการบริหารจัดการการเชื่อมโยงข้อมูล (ERP) ในมุมมองของผู้ปฏิบัติงานระบบ SAP ช่วงสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266968 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้ระบบ SAP ต่อระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ในมุมมองของผู้ปฏิบัติงานระบบ SAP ช่วงสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์โดยใช้แบบสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างที่ประกอบด้วย ผู้ประกอบการที่ใช้ SAP ทั้งภาครัฐและเอกชน วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้วิธีทางสถิติในรูปแบบการวิเคราะห์ความถี่และร้อยละ นอกจากนี้ การศึกษายังได้วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของผู้ปฏิบัติงาน SAP ผ่านการวิเคราะห์ Multiple Regression ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นผู้ชายจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อายุสูงสุดคือ 41 ปีขึ้นไป มีวุฒิการศึกษาสูงสุดในระดับปริญญาตรี ทำงานมามากกว่า 3 ปี ตำแหน่งงานแตกต่างกันไป ผู้ปฏิบัติงานหลักจะได้รับการฝึกอบรมการใช้งานระบบ SAP และแสดงความพึงพอใจในระดับสูงในด้านต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนจากองค์กร คุณภาพระบบ ความสามารถในการปรับตัว และความพึงพอใจโดยรวมกับความสำเร็จของผู้ปฏิบัติงาน SAP อย่างไรก็ตามมีบางแง่มุมที่มีคะแนนความพึงพอใจปานกลางกับการประเมินประสิทธิภาพการทำงาน การให้คำปรึกษา และเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน SAP รวมถึงโมดูลย่อย (Sub-Module) และฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกันซึ่งควรที่ต้องให้ความสำคัญ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุมานโดยการทดสอบสหสัมพันธ์การถดถอยพหุคูณ(Multiple Regression Analysis) แสดงให้เห็นว่า องค์กรขนาดใหญ่มีความพึงพอใจต่อการวัดผลความสำเร็จมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรขนาดเล็ก นอกจากนี้ ปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณภาพระบบและความสามารถในการปรับตัว ตลอดจนการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ล้วนเกี่ยวข้องกับความสำเร็จของผู้ให้บริการ SAP ในมุมมองของผู้ปฏิบัติงานระบบ SAP ช่วงสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร</p> ภัทราพร จิตสร้างบุญ Copyright (c) 2023 วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jmctrmutp/article/view/266968 Thu, 28 Dec 2023 00:00:00 +0700