วารสารปณิธาน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana <div id="journalDescription"> <p style="text-align: left;">วารสารปณิธาน ก่อตั้งขึ้นโดยภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ของคณาจารย์ นักศึกษา และบุคคลทั่วไป และเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนทักษะทางวิชาการ มีขอบเขตการตีพิมพ์เนื้อหาเน้นบทความด้านปรัชญา (Philosophy) และศาสนา (Religion) เป็นหลัก และด้านวรรณกรรม (Literature) วัฒนธรรม (Culture) และภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local wisdom) ที่สัมพันธ์กับปรัชญาและศาสนา ในรูปแบบผลงาน 4 ประเภท คือ (1) บทความวิจัย (research article) (2) บทความวิชาการ (academic article) (3) บทความปริทัศน์ (review article) (4) บทวิจารณ์หนังสือ (book review) รับบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อนและต้องไม่อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น ตีพิมพ์ทั้งสอง 2 ภาษา คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใช้กระบวนการพิจารณาบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่า 3 ท่านเป็นผู้ประเมินบทความ ซึ่งผู้ประเมินบทความและผู้เขียนบทความไม่ทราบชื่อกันและกัน (Double-blind peer review) กำหนดการตีพิมพ์และเผยแพร่ ปีละ 2 ฉบับ ทุกๆ 6 เดือน ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน) และ ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม)</p> </div> <p>ISSN 2985-2919 (Online)</p> <div id="additionalHomeContent"> </div> th-TH <p>เนื้อหาของบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารปณิธานถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารปณิธาน ห้ามเผยแพร่ ตัดต่อ แก้ไข หรือนำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต</p> <p>ผู้สนใจสามารถติดต่อขอเผยแพร่เนื้อหาในวารสารปณิธานได้ที่ panidhana-human@cmu.ac.th</p> rapee.saengsakorn@cmu.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ระพี แสงสาคร) notnargorn.thong@cmu.ac.th (อาจารย์ ดร. นฐนกร ธงพุทธามนท์) Sun, 29 Jun 2025 19:27:28 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ดำดิ่งแดนฝันจักรกล: การวิเคราะห์วิดีโอเกมแนวหุ่นเสมือนมนุษย์ในฐานะสนามความฝัน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276643 <p>บทความวิจัยนี้ศึกษาวิดีโอเกมแนวหุ่นเสมือนมนุษย์สามเกม ได้แก่ <em>The Talos Principle</em> (2014) <em>NieR</em>:<em> Automata</em> (2017) และ <em>Detroit: Become Human</em> (2018) โดยใช้กรอบการวิเคราะห์สนามความฝัน (dreamworld analysis) ตามแนวทางของของอัลฟี บาวน์ (Alfie Bown) ซึ่งเสนอว่า วิดีโอเกมเป็นความฝันของคนอื่นที่ผู้เล่นสามารถมีประสบการณ์ได้ราวกับว่าเป็นความฝันของตัวเอง วิดีโอเกมจึงมิได้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ผู้เล่นควบคุมได้เพียงอย่างเดียว แต่วิดีโอเกมยังอาจมีอำนาจในการควบคุมความฝัน ความปรารถนา และความหวังของผู้เล่นอีกด้วย</p> <p><em>The Talos Principle</em> แปลงรูปความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ให้กลายเป็นความปรารถนาในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในฐานะทายาทและผู้สืบทอดมรดกของมนุษยชาติในโลกหลังภัยพิบัติ ขณะที่เกม <em>NieR: Automata</em> แปลงความวิตกกังวลต่อสังคมจักรกลในบริบทสังคมและวิกฤตเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยใช้โลกหลังภัยพิบัติเป็นฉากหลัง ซึ่งนำไปสู่ความปรารถนาที่จะโค่นล้มระบบอำนาจหรือโครงสร้างที่กำหนดการดำรงอยู่ของผู้คนในสังคม ส่วนเกม <em>Detroit: Become Human</em> แปลงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทดแทนแรงงานมนุษย์โดยปัญญาประดิษฐ์ให้เป็นความปรารถนาต่อปัญญาประดิษฐ์ในฐานะนักปฏิวัติเพื่อความเท่าเทียมและสิทธิพลเมืองท่ามกลางบริบทของระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่</p> <p>งานวิจัยชิ้นนี้มีความสำคัญในแง่ของการเผยให้เห็นกลไกของวิดีโอเกมในการบงการความปรารถนาของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของความเป็นไปได้ที่ความเป็นองค์ประธานของมนุษย์จะถูกดัดแปลงหรือควบคุมโดยเทคโนโลยีอันเป็นเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น การรู้เท่าทันกลไกของวิดีโอเกมจะช่วยยกระดับทุนมนุษย์ในแง่ของการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ต่อวัฒนธรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ บนฐานของจริยธรรม</p> อรรถพล ปะมะโข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276643 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องจิตสำนึกของบารุค สปิโนซา และศังกราจารย์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/278184 <p class="p1">บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความหมายและคุณลักษณะของจิตสำนึกในเชิงอภิปรัชญาของบารุค สปิโนซาและศังกราจารย์ โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากการศึกษาพบว่าจิตสำนึกตามแนวคิดของสปิโนซา คือ จิตหรือมโนคติของพระเจ้าซึ่งเป็นคุณลักษณะทางความคิดของพระเจ้าหรือสาร (Substance) โดยทุกมโนคติอยู่ในความคิดของพระเจ้าและเชื่อมโยงกันตามระบบของสายโซ่เชิงสาเหตุและผล เรียกว่า มโนคติของมโนคติ (Ideas of idea) จิตสำนึกตามแนวคิดของ สปิโนซาแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ จิตสำนึกพระเจ้า จิตสำนึกปัจเจก และจิตสำนึกเฉพาะ หมายความว่า ทุกสรรพสิ่งมีจิตสำนึก โดยจิตสำนึกดำรงอยู่ตามหลักความจำเป็นของเหตุและผล ส่วนจิตสำนึกตามแนวคิดของศังกราจารย์ คือ ตัวตน ที่เป็นความจริงสูงสุดซึ่งดำรงอยู่เหนือความเป็นเหตุเป็นผล เหนือพื้นที่และเวลา ปราศจากการเปลี่ยนแปลง จิตสำนึกตามแนวคิดของศังกราจารย์แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ พรหมัน อาตมันและชีพ ซึ่งทั้งสามระดับคืออย่างเดียวกันและดำรงอยู่ทุกหนแห่ง ดังนั้น บทความวิจัยนี้จึงเสนอผลการการศึกษาเปรียบเทียบความหมายและคุณลักษณะของจิตสำนึกในเชิงอภิปรัชญาของสปิโนซาและศังกราจารย์ว่าแนวคิดเรื่องจิตสำนึกของสปิโนซาและศังกราจารย์ มีความหมายที่แตกต่างกันเพราะจิตสำนึกตามแนวคิดของสปิโนซา คือ ภาวะที่แสดงออกผ่านคุณลักษณะทางความคิดของพระเจ้าหรือสาร (Substance) ส่วนศังกราจารย์เสนอว่าจิตสำนึกคือความจริงสูงสุดและเป็นสารัตถะของสรรพสิ่ง อย่างไรก็ตาม นักปรัชญาทั้งสองมองว่าจิตสำนึกมีคุณลักษณะที่ดำรงอยู่ทุกหนแห่ง โดยสปิโนซาให้เหตุผลว่าเพราะทุกสิ่งอยู่ในพระเจ้าและศังกราจารย์ให้เหตุผลว่าเพราะพรหมันอยู่ในทุกสิ่ง จิตสำนึกจึงอยู่ในทุกสรรพสิ่ง</p> อานนท์ ผาสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/278184 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 แนวคิดอทวิภาวะในปรัชญาเซนที่ปรากฏในสุนทรียศาสตร์ยูเก็น https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279058 <p>บทความแนวคิดอทวิภาวะในปรัชญาเซนที่ปรากฏในสุนทรียศาสตร์ยูเก็น เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง แนวคิดอทวิภาวะในสุนทรียศาสตร์เซนแบบญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความหมายของแนวคิดอทวิภาวะในปรัชญาเซน 2) เพื่อวิเคราะห์แนวคิดอทวิภาวะในสุนทรียศาสตร์ยูเก็น โดยใช้วิธีการดำเนินวิจัยเชิงเอกสาร จากการศึกษาพบว่า แนวคิดอทวิภาวะในปรัชญาเซน คือสภาวะแห่งการก้าวข้ามมโนทัศน์ทวิภาวะหรือทวิลักษณ์ มุ่งให้เห็นถึงความไม่มีตัวตน และการหลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่น เพราะเห็นว่าสรรพสิ่งนั้นแท้จริงแล้วล้วน ว่างเปล่า และ เป็นหนึ่งเดียวกัน สภาวะการรับรู้ความจริงจึงแสดงออกถึงการมิได้ยึดมั่นถือมั่น เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของสรรพสิ่งที่ปรากฏ และสุนทรียภาพยูเก็น คือการรับรู้สุนทรียภาพลึกลับอันไร้ขอบเขต แสดงถึงสภาวะความลึกลับ คลุมเครือ ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง ไม่ชัดเจน ไม่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา และแฝงถึงนัยยะบางอย่างมากกว่าสิ่งที่ปรากฏ โดยมีความสัมพันธ์ของแนวคิดอทวิภาวะในปรัชญาเซนที่ปรากฏคือ 1) ปฏิเสธระบบความคิด ภาษา และเหตุผล 2) ไร้รูปแบบและกฎเกณฑ์ 3) มุ่งให้ความสำคัญต่อความงามในธรรมชาติของสรรพสิ่ง และน้อมรับแก่ความเป็นไปได้ทั้งหมด 4) มุ่งทลายวิธีคิดแบบทวิลักษณ์ สุนทรียเจตคติของสุนทรียศาสตร์ยูเก็น จึงสามารถที่จะยกระดับไปสู่ การรู้แจ้งของปัจเจกบุคคลเพื่อข้ามพ้นระบบเหตุผล กรอบความคิด หรือตรรกะที่ก่อให้เกิดการตัดสินสิ่งในทางตรงกันข้ามแบบทวิภาวะ เพราะไม่มีข้อจำกัดใด ๆ อีกต่อที่จะให้นิยาม สุนทรียภาพและประสบการณ์ที่แท้จริง</p> จารุวิทย์ อุษมากรกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279058 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 วิเคราะห์รูปแบบและจารึกพระแผงไม้ในจังหวัดลำปางตามทฤษฎีสัญวิทยา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279204 <p class="p1">บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเรื่อง พระแผงไม้ล้านนา: กระบวนการสร้างสรรค์และอนุรักษ์ ใช้วิธีการวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วย 1) การวิจัยเชิงเอกสาร 2) การลงพื้นที่เก็บข้อมูลวัตถุ และสัมภาษณ์บุคคล 3) การวิจัยเชิงปฏิบัติการ สำหรับบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สัญญะที่ปรากฏบนพระแผงไม้ในจังหวัดลำปางตามแนวคิดสัญญะของ Charles Sanders Peirce ทำการศึกษาในประเด็น รูปแบบเหมือน รูปแบบบงชี้ และรูปแบบสัญญะ ผลการศึกษามีดังนี้ พระแผงไม้เป็นแผงไม้ที่ประดับพระพิมพ์อย่างเป็นระเบียบ ในจังหวัดลำปางพบจำนวน 69 แผง มีจารึก 16 แผง สร้างมาตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่ 22 - 26 จาการศึกษาพบรูปแบบซุ้มทรงปราสาทมากที่สุด นอกจากนี้ยังพบพระแผงไม้รูปแบบซุ้มทรงบรรพ์แถลง ซุ้มทรงกรอบซุ้ม ซุ้มหน้านาง และซุ้มทรงวิมาน โดยสามารถวิเคราะห์พระแผงไม้ตามทฤษฎีสัญวิทยาของ Charles Sanders Peirce ได้ดังนี้ว่า 1) รูปแบบเหมือนมี 2 รูปแบบ คือ 1.1) พระพิมพ์ใช้สื่อสัญญะรูปแบบเหมือนของพระพุทธเจ้า และ 1.2) แผงไม้สำหรับการประดับพระพิมพ์ สื่อถึงอาคารที่ประทับของพระพุทธเจ้า 2) รูปแบบบ่งชี้ปรากฏในการประดับพระพิมพ์จำนวนมากบนพระแผงไม้ ใช้สื่อเรื่องราวของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตที่มีจำนวนมาก และ 3) รูปแบบสัญญะปรากฎในคำปรารถนาท้ายจารึก สะท้อนให้เห็นถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับพระศรีอาริยเมตไตรย (ทุติยสาวก) การอุทิศบุญให้เทวดา พระอินทร์ พรหม พระแม่ธรณี การให้ถึงนิพพาน การอุทิศให้ผู้วายชนม์ และการปรารถนาความสุข 3 ประการ</p> ศิริศักดิ์ อภิศักดิ์มนตรี, จุฑามาศ พันธุ์ทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279204 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 บทบรรณาธิการ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/281916 <p><strong>วารสารปณิธาน: วารสารวิชาการด้านปรัชญาและศาสนา<br></strong>ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br>ปีที่ 21 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน) พ.ศ. 2568<br><br>ISSN: 2985-2919 (Online)</p> ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิยะมาศ ใจไฝ่ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/281916 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 บทวิจารณ์หนังสือ: The Posthuman by Rosi Braidotti https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276886 <p class="p1">ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สารพิษที่ปนเปื้อนในแม่น้ำกก ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทุกชีวิตที่อาศัยและดำรงชีพจากน้ำกก ในแง่นี้รวมถึงพืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอินทรีย์อื่น ๆ ปรากฏการณ์การเข้ามาท้าทายบทบาทของมนุษย์ในอุตสาหกรรมแรงงานทั่วโลกโดยปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาจนผู้นำทางเทคโนโลยีลงความเห็นว่าควรชะงัดการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ไปก่อนด้วยความกลัวว่าจะเกิดความสำนึกที่ทัดเทียมมนุษย์ รวมถึงภาวะสงครามและสถานการณ์ที่มีแนวโน้มนำไปสู่การเกิดสงครามที่เกิดขึ้นเกือบทุกมุมโลก รัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ปากีสถาน-อินเดีย หรือแม้กระทั่ง ไทยและกัมพูชา ตัวอย่างของวิกฤตการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นมาจากการมองเห็นแบบแยกขาดระหว่างความเป็นฉัน และ ความเป็นคนอื่น/ผู้อื่น ที่เป็นผลผลิตจากความคิดแบบทวิภาวะ มุมมองเช่นนี้ส่งผลทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมอย่างเห็นได้ชัด ทางออกหนึ่งที่จะแก้ไขมุมมองหรือปรับเปลี่ยนการรับรู้แบบทวิภาวะได้ คือ การมุ่งเข้าไปทำความเข้าใจภาวะความหลากหลายที่ถูกเสนอไว้ภายใต้กรอบคิดแบบหลังมนุษยนิยม ดังนั้นคงไม่ช้าไปที่จะเอื้อมหยิบหนังสือวิชาการชิ้นสำคัญอย่าง <em>The Posthuman</em> โดยโรซี่ ไบรดอตติ (Rosi Braidotti)<br />มาปริทัศน์และวิจารณ์ในเชิงวิชาการ หนังสือเล่มนี้เป็นงานชิ้นโดดเด่นเล่มหนึ่งที่แสดงให้เห็นภาพรวมของแนวคิดหลังมนุษยนิยม ในบทวิจารณ์ชิ้นนี้ ผู้เขียนใช้หนังสือฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 1 ปี ค.ศ. 2013 สำนักพิมพ์ Polity Press จำนวนหน้าทั้งสิ้น 229 หน้า</p> ภัทรพล เป็งวัฒน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276886 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 คำแนะนำสำหรับผู้เขียน https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/281917 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิยะมาศ ใจไฝ่ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/281917 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 การรู้คิดของโรโบคอป: การวิเคราะห์การดำรงอยู่ของโรโบคอปผ่าน มุมมองการรู้คิดยืดขยาย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/274283 <p class="p1">บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงปรัชญาโดยใช้แนวคิดการรู้คิดยืดขยายในการวิเคราะห์การดำรงอยู่ของโรโบคอปในภาพยนตร์ <em>RoboCop</em> (2014) ผู้เขียนเริ่มต้นบทความโดยนำเสนออิทธิพลของเทคโนโลยีที่มีต่อมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ผู้เขียนได้นำเสนออรรถบทโดยย่นย่อของการดำรงอยู่ของเมอร์ฟี่ ตัวเอกในภาพยนตร์ผู้ถูกดัดแปลงร่างผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยี กระบวนการดังกล่าวทำให้เมอร์ฟี่ดำรงอยู่ในร่างกายที่เป็นการประกอบกันขึ้นจากร่างกายทางชีววิทยาและร่างกายแบบหุ่นยนต์ รวมทั้งเขายังถูกควบคุมจัดการโดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ จากนั้นผู้เขียนได้นำเสนอประเด็นโต้แย้งว่าด้วยความสำนึกและตัวตนระหว่างข้อเสนอของแดเนียล เดนเน็ตต์ และข้อเสนอของฮิวเบิร์ต เดรย์ฟัส และ ข้อโต้แย้งที่น่าสนใจจาก อัลวา โนเอ ในส่วนท้ายผู้เขียนได้เสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ หากเราใช้มุมมองแนวคิดการรู้คิดยืดในการวิเคราะห์การดำรงอยู่ของโรโบคอป แสดงให้เห็นว่า เมอร์ฟี่ไม่ได้เป็นบุคคลคนเดียวกันกับเมอร์ฟี่ในฐานะบุคคลที่ไม่ผ่านการดัดแปลงใด ๆ นอกจากนี้ ตัวตนของเมอร์ฟี่ไม่ได้มีอยู่มาตั้งแต่แรกเริ่ม เมอร์ฟี่เป็นการดำรงอยู่แบบ soft selves ซึ่งเป็นการดำรงอยู่ที่เตรียมพร้อมพร้อมรับการปรับเปลี่ยนโครงร่างสัณฐานและประกอบร่างรวมองค์ประกอบในรูปแบบที่ไม่เป็นชีววิทยาและเป็นชีววิทยาเข้าด้วยกันอย่างเป็นพลวัต ในทางหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า การดำรงอยู่ของเมอร์ฟี่เป็นการดำรงอยู่ที่มีตัวตนแบบไม่ถาวรซึ่งเมอร์ฟี่เคยเป็นเมอร์ฟี่ในฐานะบุคคล เมอร์ฟี่เคยเป็นเมอร์ฟี่ในฐานะโรโบคอป และ เมอร์ฟี่สามารถดำรงอยู่ได้ในรูปแบบแตกต่างหลากหลายภายใต้การดำรงอยู่ที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่หยุดนิ่ง หากเมอร์ฟี่ถูกประกอบร่างเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ประเภทอื่นในอนาคต</p> Pattarapol Pengwat ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/274283 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 ศิลปะ: ความจริง ความดี และความงามี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276009 <p class="p1">บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับความจริง ความดี และความงาม<span class="Apple-converted-space"> </span>และทำให้เกิดความตระหนักถึงบทบาทของศิลปะที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ จากการศึกษาพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับความจริง<span class="Apple-converted-space"> </span>ศิลปะทำให้มนุษย์สามารถเข้าถึงความจริงในฐานะการมองโลกและชีวิตตามสภาพความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับความดี ศิลปะเป็นเครื่องมือรับใช้ศีลธรรมและส่งเสริมให้เป็นคนดีมีศีลธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับความงาม ศิลปะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเอง ศิลปะไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือรับใช้สิ่งอื่นใด ศิลปะสร้างขึ้นเพื่อความงาม ความเพลิดเพลินใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ศิลปะไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับคุณค่าแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น การที่จะเข้าใจงานศิลปะได้ดีจึงจำเป็นต้องมองให้มากกว่าหนึ่งมุมและพิจารณาคุณค่าอื่น ๆ ด้วย<span class="Apple-converted-space"> </span>ศิลปะจึงเป็นสะพานเชื่อมให้เข้าถึงความจริง ความดี และความงาม ในเอกภาพเดียวกัน</p> วรรณวิสาข์ ไชยโย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276009 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 ข้อดีและความเสี่ยงในการใช้ ChatGPT เพื่อการเข้าถึงพระไตรปิฎก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276425 <p class="p1">บทความวิชาการนี้ต้องการศึกษาและอธิบายให้เห็นถึงข้อดีบนความเสี่ยง ChatGPT เพื่อการเข้าถึงพระไตรปิฎก<span class="Apple-converted-space"> </span>ผู้เขียนได้เสนอในข้อดีไว้ 3 ประการ ข้อแรก เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแผ่พระธรรมคำสอนที่เข้าถึงได้ง่ายและไม่จำกัดเวลา แต่ข้อจำกัดที่เป็นความเสี่ยงที่นำข้อมูลที่บิดเบือนในพระไตรปิฎกนำไปใช้ในทางที่ผิด อาจจะทำให้เป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ<span class="Apple-converted-space"> </span>ถือเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ข้อที่สอง<br />การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มข้อมูลต่างๆ ในแบบเรียลไทม์<span class="Apple-converted-space"> </span>ข้อสุดท้าย ChatGPT สามารถในการเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมเข้าใจภาษาธรรมชาติได้เสมือนมนุษย์<span class="Apple-converted-space"> </span>แต่ยังมีสิ่งที่ ChatGPT ยังไม่สามารถเข้าถึงพระไตรปิฎกด้วยสัจธรรมจริงในหลักธรรมว่าอะไร คือความดี อะไรคือความชั่ว อะไรคือสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ และรวมถึงในสิ่งที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา<span class="Apple-converted-space"> </span>ฉะนั้น<span class="Apple-converted-space"> </span>ข้อดีบนความเสี่ยงด้วยเจตนาของผู้ใช้งาน ChatGPT ปัญญาประดิษฐ์<span class="Apple-converted-space"> </span>ซึ่งต้องยอมรับว่ามีทั้งคุณและโทษ<span class="Apple-converted-space"> </span>เพื่อหาจุดกี่งกลางระหว่างปัญญาประดิษฐ์เพื่อเข้าถึงปัญญาแท้ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก</p> โสภณ เทียนศริ, พระเมธีวรญาณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/276425 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 ศึกษาวิเคราะห์คำอธิบายหสิตุปาทจิตในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279595 <p class="p1">บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาและบริบทของ <em>หสิตุปปาทจิต</em> หรือ “จิตที่ทำให้เกิดการยิ้ม” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปรากฏในคัมภีร์อภิธรรมยุคหลัง โดยเฉพาะในคัมภีร์อรรถกถา 1) เพื่อชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดและการใช้ศัพท์เกี่ยวกับพฤติกรรมการยิ้มของพระอรหันต์และพระพุทธเจ้า ในพระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อวิเคราะห์เชิงนิรุกติและความหมายของคำว่า <em>หสิตุปปาทจิต</em> ทั้งในเชิงรูปศัพท์และบริบททางคัมภีร์ 3) เพื่อเปรียบเทียบแนวคิดเรื่อง “การยิ้มของพระอรหันต์และพระพุทธเจ้า” ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก กับคำอธิบายในคัมภีร์อรรถกถาและคัมภีร์นาฏยะ 4) เพื่อชี้ให้เห็นพัฒนาการของแนวคิดเกี่ยวกับจิตที่ไม่ประกอบด้วยกิเลส โดยเฉพาะกรณี <em>หสิตุปปาทจิต </em>ซึ่งอธิบายว่าเป็นจิตอเหตุกะของพระอรหันต์ที่ทำให้เกิดรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ การศึกษานี้ใช้วิธีวิจัยเชิงเอกสาร โดยศึกษาต้นฉบับพระไตรปิฎกภาษาบาลี คัมภีร์อรรถกถา คัมภีร์ <em>สุโพธาลังการ</em> ตลอดจนคัมภีร์สันสกฤต เช่น <em>นาฏยศาสตร์ของภรตมุนี </em>รวมถึงวรรณกรรมแนวโวหารศาสตร์ยุคหลัง เพื่อเปรียบเทียบการใช้ศัพท์ <em>สิตะ</em> และ <em>หสิตะ</em> ในการอธิบายการแย้มของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ พร้อมทั้งสังเคราะห์ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับภูมิหลังทางวิชาการที่อาจส่งผลต่อการกำหนดแนวคิดเรื่อง <em>หสิตุปปาทจิต</em> การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงพลวัตของแนวคิดทางอภิธรรมในยุคหลังพุทธกาล รวมถึงอิทธิพลของวรรณคดีสันสกฤตต่อคัมภีร์บาลี และการตีความปรากฏการณ์ทางจิตวิญญาณในหมู่พระอรหันต์อย่างมีระบบมากขึ้นในสายอภิธรรม</p> พระมหาไวทย์ชนินทร์ มีสุวรรณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/279595 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 มโนทัศน์เรื่องชี่ในคัมภีร์เต๋าเต๋อจิง https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/278950 <p class="p1">บทความนี้มุ่งศึกษามโนทัศน์ <em>ชี่ </em>ในฐานะแนวคิดทางอภิปรัชญาที่ใช้อธิบายการมีอยู่ของโลกและสรรพสิ่ง โดยเฉพาะปรัชญาเต๋าในคัมภีร์เต๋าเต๋อจิงที่มองมรรควิธี (<em>เต๋า</em>) เข้าถึงความจริงของโลกและสรรพสิ่งที่เป็นวิถีแห่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เชื่อว่าสรรพสิ่งกำเนิดขึ้นและดำเนินไปในจักรวาล กล่าวคือ มองว่าการที่มนุษย์จะดำเนินชีวิตได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนกับเต๋าอันยิ่งใหญ่จะต้องเข้าใจความเป็นจริงของวิถีธรรมชาติและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลก ซึ่งไม่เพียงมโนทัศน์ชี่จะสามารถอธิบาย การดำเนินไปของโลกและสรรพสิ่ง มโนทัศน์นี้ยังมีส่วนตีความระบบ ความหมาย และสัญลักษณ์ต่างๆของปรัชญาเต๋าอันมีลักษณะเป็นเอกภาพ เพื่อแสดงความสัมพันธ์และเปรียบเทียบแนวคิดของเล่าจื๊อกับแนวคิดอื่นที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจนมากขึ้น บทความนี้จะศึกษามโนทัศน์ <em>ชี่</em> (<em>Ch’i/Qi</em>) จากบริบทในคัมภีร์ <em>เต๋าเต๋อจิง<span class="Apple-converted-space"> </span></em>โดยจะแสดงความคิดเห็นของนักวิชาการที่มีต่อมโนทัศน์นี้ รวมทั้งทัศนะของผู้เขียนเองด้วย</p> วนัสนันท์ ขุนพล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารปณิธาน https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/panidhana/article/view/278950 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700