https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/issue/feed
วารสารปาริชาต
2025-11-04T00:00:00+07:00
Tanapat Temrattanakul
tanapat@tsu.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารปาริชาต</strong> เป็นวารสารเผยแพร่และรับตีพิมพ์ผลงานวิจัย และผลงานวิชาการ ทาง <a href="https://drive.google.com/file/d/1cXQb4zUlKV8eH8w5O0t6NDTeUSIX-K9t/view?usp=sharing">ด้านศิลปะและมนุษยศาสตร์ (Arts and Humanities)สังคมศาสตร์ (Social Sciences) บริหารธุรกิจ (Business Administration) การจัดการและการบัญชี (Management, and Accounting) </a>ของบุคลากร นักวิจัยในมหาวิทยลัยทักษิณและหน่วยงานภายนอกต่างๆ </p> <p><strong>ISSN 2985-1238 (Online)</strong></p>
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/280052
ธุรกิจออนไลน์กับความท้าทายของนักบัญชีในยุคดิจิทัล
2025-05-08T11:05:17+07:00
สิริรักษ์ ธัญญะไพศาล
sirirak.t@pkru.ac.th
สิริภา ธัญญะไพศาล
siripa.t@pkru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสำคัญของธุรกิจออนไลน์และความท้าทายที่นักบัญชีต้องเผชิญในยุคดิจิทัล ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเน้นการวิเคราะห์ประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบธุรกิจออนไลน์ ระบบบัญชีในยุคดิจิทัล ตลอดจนความท้าทายด้านศักยภาพของนักบัญชี การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอก และพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล จากการศึกษา พบว่าธุรกิจออนไลน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลาย ส่งผลให้นักบัญชีต้องพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ความรู้ด้านมาตรฐานรายงานทางการเงิน และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การเข้าใจถึงความท้าทายและแนวทางการปรับตัวของนักบัญชีในบริบทของยุคดิจิทัล จึงมีความสำคัญต่อการยกระดับวิชาชีพบัญชีให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืน</p>
2025-12-09T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/278573
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะองค์กร การวางแผนภาษี และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2025-03-14T15:30:00+07:00
อาอีฉ๊ะ บิลละเต๊ะ
shahanis2513@gmail.com
ชิดชนก มากเชื้อ
chidchanok.m@rmutsv.ac.th
กมลพร วรรณชาติ
kamonporn.w@rmutsv.ac.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะองค์กรและการวางแผนภาษี และความสัมพันธ์ระหว่างการวางแผนภาษีและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ไม่รวมกลุ่มธุรกิจการเงิน ทรัสต์ กองทุน บริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน และบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม MAI กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา จำนวน 270 บริษัท ใช้กระดาษทำการในการเก็บรวมรวมข้อมูลทุติยภูมิจากรายงานประจำปี พ.ศ. 2564 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย พบว่า บริษัทส่วนใหญ่มีอัตราภาษีที่แท้จริง (ETR) เท่ากับ 15.10 อัตราภาษีต่อสินทรัพย์รวม (TAX/ASSET) เท่ากับ 0.27 และอัตราภาษีต่อกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (TAX/CFO) เท่ากับ 0.01 ผลการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ พบว่า กลุ่มทรัพยากร เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และสินค้าอุตสาหกรรมมีความสัมพันธ์เชิงลบต่อ ETR และกลุ่มทรัพยากร และบริการมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ TAX/CFO เช่นเดียวกับขนาดองค์กรมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ TAX/ASSET นอกจากนี้ยังพบว่า ETR มีความสัมพันธ์เชิงลบกับผลการดำเนินงาน ในขณะที่ TAX/ASSET มีความสัมพันธ์เชิงบวก แสดงให้เห็นว่าการวางแผนภาษีส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกิจการเพิ่มขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลนำไปใช้เป็นแนวทางกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม บริษัทสามารถใช้เป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์การวางแผนภาษีให้เหมาะสมกับเป้าหมายองค์กร</p>
2025-12-09T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/280216
การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอทางวัฒนธรรม สำหรับส่งเสริมอาชีพและยกระดับรายได้ของกลุ่มผู้สูงอายุ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าขาวม้าบ้านหนองเครือบุญ อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2025-06-10T16:27:50+07:00
มัทธนี ปราโมทย์เมือง
mattanee.p@rmutp.ac.th
<p>งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์สิ่งทอทางวัฒนธรรมประเภทของที่ระลึกและของประดับตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเชิงพาณิชย์ และ 2) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์สิ่งทอให้กลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งด้านรูปแบบ สีสัน ลวดลาย วัสดุ และกระบวนการผลิต ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน โดยศึกษาค้นคว้า เก็บข้อมูล สัมภาษณ์ สนทนากลุ่มย่อย และแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือ ประธานกลุ่ม ผู้ประกอบการ ประชาชน และนักท่องเที่ยวของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าขาวม้าบ้านหนองเครือบุญ อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 50 คน ผลการวิจัย พบว่า ผ้าขาวม้าในชุมชนมีทั้งลายตารางหมากรุกดั้งเดิมและลายน้ำไหล ได้รับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบจำนวน 13 แบบ ได้แก่ กระเป๋า หมอนอิง หมวก สร้อยคอ และพวงกุญแจ การประเมินความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ใหม่จากกลุ่มตัวอย่าง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (= 4.27, S.D. = 0.42) และการประเมินความพึงพอใจต่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มตัวอย่าง 20 คน พบว่า มีค่าเฉลี่ยในระดับมากเช่นกัน (= 4.32, S.D. = 0.59) ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอทางวัฒนธรรมที่บูรณาการกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถส่งเสริมมูลค่าทางการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนได้ พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มผู้สูงอายุในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ</p>
2025-12-09T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/278905
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อและพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลของผู้บริโภคชาวไทย
2025-06-10T15:19:05+07:00
ฉัตยาพร เสมอใจ
chsame@rpu.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลของผู้บริโภคชาวไทย โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ผู้บริโภคชาวไทย 410 ราย โดยเลือกเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากชาวไทยที่รู้จักผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลและอาศัยอยู่ในประเทศไทย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านการตระหนักถึงสภาพแวดล้อม ปัจจัยด้านทัศนคติ และปัจจัยด้านการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงส่งผลต่อความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ตามลำดับ และความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิล และการส่งเสริมการตลาดส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้ออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ตามลำดับ ในขณะที่ปัจจัยด้านการรับรู้การควบคุมพฤติกรรมไม่ส่งผลต่อความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิล และไม่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อ ดังนั้น เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลต้องทำให้เกิดความตั้งใจซื้อโดยสร้างการตระหนักถึงสภาพแวดล้อม ทำให้ผู้บริโภคมีทัศนคติที่ดีต่อผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิล และสร้างกลุ่มอ้างอิงหรือผู้นำทางความคิดเพื่อให้เกิดการคล้อยตามและใช้ผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลมากยิ่งขึ้น และทำการส่งเสริมการตลาด เช่น การรับประกันผลิตภัณฑ์ การโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมการขายของผลิตภัณฑ์แฟชั่นอัปไซเคิลเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น</p>
2025-11-04T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/280366
พฤติกรรมเชิงจริยธรรมและผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
2025-06-10T15:33:39+07:00
ฤๅชุตา เทพยากุล
jane8461@gmail.com
วงศ์ศิวะชาต ชูหนู
jane8461@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมเชิงจริยธรรมและผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ คณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา 265 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือการวิจัยคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการถดถอยเชิงเส้นอย่างง่าย </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของพฤติกรรมเชิงจริยธรรม และผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา มีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พฤติกรรมเชิงจริยธรรมส่งผลต่อผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยพฤติกรรมเชิงจริยธรรมสามารถพยากรณ์ผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ได้ร้อยละ 42 ดังนั้น หากคณะกรรมการหมู่บ้านมีพฤติกรรมเชิงจริยธรรมเพิ่มจะส่งผลให้ผลการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นด้วย กรมการปกครองควรจัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติคณะกรรมการที่ยึดมั่นในจริยธรรม เพื่อเสริมแรงจูงใจเชิงบวกแก่คณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อสร้างพฤติกรรมเชิงจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง</p>
2025-12-09T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/278994
การศึกษาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสีพื้นฐาน“红、黄、蓝”ในสำนวนจีน
2025-03-04T15:25:44+07:00
ศารินันท์ มุกดาห์
sarinan8290@gmail.com
กัญญาณัฐ จิตต์เพชร
bunthiwa.s@psu.ac.th
บุญทิวา จันทรเจริญ
bunthiwa.s@psu.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสีพื้นฐาน “红 [หง]<a href="#_ftn1" name="_ftnref1">[1]</a>、黄 [หฺวาง]、蓝 [หลาน]” ในสำนวนจีน ซึ่งใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพควบคู่กับเชิงปริมาณ โดยเก็บข้อมูลสำนวนจีนที่ปรากฏคำเรียกสี “红、黄、蓝” จาก《汉语成语分类》ปี 2551 [1] และ《成语大词典》ฉบับ 最新修订版 ปี 2560 [2] พบจำนวน 122 สำนวน จากการศึกษาพบอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสี “红” 4 ประเภท ได้แก่ 1) [红 คือ สิ่งมีชีวิต] 2) [红 คือ วัตถุ] 3) [红 คือ อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์] 4) [红 คือ เครื่องแต่งกาย] อุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสี “黄” 5 ประเภท ได้แก่ 1) [黄 คือ มนุษย์หรือสัตว์] 2) [黄 คือ วัตถุ] 3) [黄 คือ ความมั่งคั่ง] 4) [黄 คือ เวลา] 5) [黄 คือ เครื่องแต่งกาย] พบอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสี “蓝” 2 ประเภท ได้แก่ 1) [蓝 คือ ความซอมซ่อ] 2) [蓝 คือ คนรุ่นเก่า] ผู้วิจัยพบว่าผู้ใช้ภาษามีการนำคำอื่น ๆ มาใช้ร่วมกับคำเรียกสีเพื่อขยายขอบเขตความหมาย และมีระบบปริชานในการทำความเข้าใจคำเรียกสีนั้น ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและปัจจัยอื่น ๆ ของผู้ใช้ภาษา อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงมโนทัศน์และระบบความคิดของผู้ใช้ภาษาจีนผ่านอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสีในสำนวนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามผู้วิจัยเสนอแนะให้มีการศึกษาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ต่อคำเรียกสีอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงวิเคราะห์ลักษณะการถ่ายโยงของอุปลักษณ์ เพื่อสะท้อนระบบปริชานของผู้ใช้ภาษาให้ครบถ้วนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/279245
แนวทางการสร้างการรับรู้อาหารท้องถิ่นเกาะสมุยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารผ่านอาหารท้องถิ่น กรณีศึกษาเกาะสมุย ประเทศไทย
2025-07-08T10:40:31+07:00
วัชรีญา ธรรมสอน
watchareeya.tha@sru.ac.th
สถิตรัชต แก้วมุกดา
pro_stop@hotmail.co.th
พรทิพย์ คำพูล
porntip.khamp@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารท้องถิ่นเกาะสมุย 2) ศึกษาองค์ประกอบของการท่องเที่ยวเชิงอาหารท้องถิ่นเกาะสมุย และ 3) หาแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารในพื้นที่เกาะสมุย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods) ได้แก่ การวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกของประชากรท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในเกาะสมุยมาไม่น้อยกว่า 30 ปี วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีวิเคราะห์แก่นสาระ (Thematic analysis) ในการตรวจสอบความเที่ยงตรงของข้อมูล ผู้วิจัยได้ประยุกต์ใช้หลักการตรวจสอบสามเส้า (Triangulation) ผลการศึกษาพบว่า อาหารท้องถิ่นของเกาะสมุยมีความหลากหลายและสะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น วัตถุดิบหลักที่ใช้ในอาหารมักมาจากทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ในพื้นที่ เช่น อาหารทะเลและพืชผักพื้นเมือง อาหารท้องถิ่นมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาวสมุย นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารสามารถเป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนและส่งเสริม "Soft Power" เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจฐานราก การวิจัยครั้งนี้ได้เสนอแนวทางในการสร้างการรับรู้อาหารท้องถิ่นผ่านการประชาสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้ เพื่อให้เกาะสมุยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มีความยั่งยืนและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้</p>
2025-12-08T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/279415
การเปิดเผยข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อมูลค่ากิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2025-05-30T17:31:44+07:00
ธนัย ศรีอิสาณ
thanai.sr@rmuti.ac.th
ฐณดม ราศรีรัตนะ
thanadom.ra@rmuti.ac.th
อุกฤษฎ์ พรรณะ
thanadom.ra@rmuti.ac.th
<p>งานวิจัยนี้ศึกษาเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อมูลค่ากิจการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งเน้นการกระตุ้นเพื่อสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเขตพื้นที่กำลังพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 113 บริษัท โดยอาศัยข้อมูลจากบริษัทเฉพาะที่มีเปิดเผยการรายงานข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจกในฐานข้อมูล SETSMART ช่วงระยะเวลาการดำเนินงานปี 2566 เก็บข้อมูลจากการเปิดเผยการลดก๊าซเรือนกระจก การจัดอันดับคะแนนผลการประเมินการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัท (ESG) และแผนการจัดการลดก๊าซเรือนกระจกของบริษัทที่ส่งผลต่อมูลค่าของกิจการ โดยวัดจาก Tobin’s Q ผู้วิจัยใช้สถิติการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่าปริมาณการเปิดเผยก๊าซเรือนกระจกที่สูงส่งผลต่อการจัดอันดับของ คะแนน ESG ที่สูงและส่งผลต่อมูลค่าของกิจการ งานวิจัยนี้มีประโยชน์ต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อแสดงให้เห็นว่าความรับผิดชอบต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มมูลค่าของกิจการ อีกทั้งการนำแผนการจัดการโครงสร้างการลดก๊าซเรือนกระจกยังมีส่วนช่วยในการสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท</p>
2025-11-04T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/276576
บัญชีการเงินของวัดในประเทศไทย
2025-05-29T10:55:55+07:00
ณดา จันทร์สม
nada@nida.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) กำหนดแนวทางในการพัฒนาคู่มือสำหรับการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินให้แก่วัดในประเทศไทย ภายใต้ข้อจำกัดของวัดเกี่ยวกับความพร้อมด้านอุปกรณ์และบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำบัญชี 2) จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาในการวางระบบบัญชีการเงินของวัดในประเทศไทย และ 3) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการข้อมูลทางการเงินของวัด และนำเสนอแนวทางในการดำเนินการสำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้สามารถนำไปประกอบการพิจารณาตัดสินใจการดำเนินการได้ การวิจัยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 534 แห่ง สถิติที่ใช้วิเคราะห์ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า บัญชีการเงินของวัดมีการดำเนินการที่แตกต่างกัน แนวทางในการพัฒนาการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินของวัด ควรจัดทำควบคู่กับการกำหนดโครงสร้างในการบริหารจัดการของวัด การวางระเบียบปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การควบคุมภายใน การตรวจสอบบัญชีและการเปิดเผยข้อมูลของวัด โดยที่ผ่านมาการตรวจสอบบัญชีของวัดจะเป็นการตรวจสอบภายในวัดโดยพระสงฆ์หรือบุคลากรของวัด กลไกหนึ่งที่อาจจะช่วยให้เกิดการตรวจสอบจากภาคประชาชนได้ด้วยการเปิดเผยข้อมูลทางบัญชีของวัดสู่สาธารณะผ่านการปิดประกาศบอร์ดภายในวัดหรือเสียงตามสายเพื่อที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลของวัดได้ในวงกว้าง</p>
2025-11-04T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/279647
The กระบวนการพัฒนาเมืองที่่เป็นมิตรกับผุ้สูงอายุ เพื่่อการอาศัยอยู่อย่างมีความสุข : กรณีศึกษาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร จังหวัดลําปาง
2025-06-10T17:25:18+07:00
พัชรสฤษดิ์ กนิษฐเสน
bomb2114@gmail.com
รัชดาพร หวลอารมณ์
bomb2114@gmail.com
พชรวลี กนิษฐเสน
bomb2114@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาเมืองที่มิตรกับผู้สูงอายุของเทศบาลเมืองเขลางค์นคร จังหวัดลำปาง ให้เป็นเมืองที่ผู้สูงวัยอาศัยอยู่อย่างมีความสุขตลอดช่วงชีวิต ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก การศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed-Methods Research) โดยการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากผู้สูงอายุจำนวน 400 คน ด้วยแบบสอบถาม (Questionnaire) และการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพจากการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group Discussion) และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องจำนวน 30 คน ผลการศึกษาพบว่า บริบทความต้องการและศักยภาพของเทศบาล มีศักยภาพในการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุอยู่ในระดับมาก ทั้งด้านความเสมอภาคและการเข้าถึงสภาพแวดล้อม แต่ยังมีช่องว่างด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการคมนาคมขนส่ง จึงได้เสนอแนวทางในการพัฒนา 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนาสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ 2) การส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชนระหว่างคนต่างวัย การสร้างคุณค่าทางสังคม และความมั่นคงทางเศรษฐกิจแก่ผู้สูงอายุ 3) การพัฒนาศักยภาพด้านการบริการข้อมูลและการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุทั้งด้วยตนเองและโดยชุมชน สำหรับการแนวทางการขับเคลื่อนเมืองตามแนวทางนี้ ประกอบไปด้วย 4 กระบวนการ ได้แก่ 1) กระบวนการดำเนินงานบนฐานข้อมูล 2) การจัดการจากรากฐาน 3) การดำเนินงานแบบเครือข่ายหลายภาคส่วน และ 4) การดำเนินการอย่างยั่งยืน</p>
2025-12-09T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/276766
การยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนบ่อตรุ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
2025-05-14T15:15:53+07:00
โชติพงษ์ บุญฤทธิ์
createsouth@gmail.com
ชลธิดา เกษเพชร
createsouth@gmail.com
นายพลัฏฐ์ ยิ้มประเสริฐ
createsouth@gmail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประยุกต์ (Applied Research) ใช้การวิจัยแบบผสม (Mixed Method) มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ชุมชนเเละวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในทางเศรษฐกิจสำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มโหนดศิลป์ 2) เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยว 3) เพื่อออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์โดยใช้กลยุทธ์การตลาดสำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยว 4) เพื่อเสนอแนวทางการยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนดสำหรับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ต.บ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา มีระเบียบวิธีการวิจัยคือ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 1) กลุ่มโหนดศิลป์ จำนวน 10 คน 2) กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 10 คน 3) กลุ่มผู้ประกอบการ จำนวน 10 คน 4) กลุ่มชาวบ้านชุมชนบ่อตรุ จำนวน 10 คน และ 5) กลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวน 100 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความคิดเห็น แบบประเมินความพึงพอใจ มีขั้นตอนดำเนินการวิจัยคือ 1) ศึกษาอัตลักษณ์ชุมชน 2) ออกแบบผลิตภัณฑ์ 3) ออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ 4) เสนอแนวทางการยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนดสำหรับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ผลการวิจัย พบว่า อัตลักษณ์ชุมชนที่โดดเด่นคือ สถาปัตยกรรมของวัดสีหยัง วัดพระเจดีย์งาม วัดประดู่ และวัดโพธิ์ (แค่) สามารถนำมาเชื่อมโยงกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1) โมบายเครื่องแขวนใบตาลวัดโพธิ์ (แค่) 2) กรอบรูปนกยูงวัดสีหยัง 3) ไอศกรีมลูกตาลโตนดวัดพระเจดีย์งาม 4) วุ้นลูกตาลกรอบวัดประดู่ สื่อประชาสัมพันธ์ ที่ออกแบบประกอบด้วย ภาพเคลื่อนไหว (Motion Graphic) และโปสเตอร์ (Poster) ให้ข้อมูลการการเดินทางและแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 4 วัด มีแนวทางการยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาลโตนดสำหรับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน คือ 1) กำหนดเป้าหมายการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ one day trip 2) สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 3) บูรณาการกิจกรรมภายในและภายนอกชุมชน 4) สร้างความต่อเนื่องของการดำเนินกิจกรรม</p>
2025-11-04T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยทักษิณ