https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/issue/feedวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต2025-11-17T00:00:00+07:00Assoc.Prof. Nimit Soonsan, PhD, RPhjournal@pkru.ac.thOpen Journal Systems<p>มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มีนโยบายเพื่อส่งเสริมงานวิชาการและวิจัยจึงจัดทำ <strong>"วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต"</strong> เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ผลงาน การแลกเปลี่ยนความรู้ และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางวิชาการและวิจัยแก่คณาจารย์ นักวิจัยและผู้สนใจทั่วไป โดยฉบับปฐมฤกษ์ได้เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2548 </p> <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารฯ เป็นบทความที่มีคุณภาพทางวิชาการและผ่านการพิจารณาประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญ อย่างน้อย 3 คน จึงทำให้วารสารฯ <strong>ปัจจุบันเป็นวารสารที่ผ่านการรับรองคุณภาพในฐาน TCI จากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (</strong><strong>TCI) </strong>และดำเนินการพัฒนาคุณภาพเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในฐานข้อมูลระดับชาติและนานาชาติอย่างต่อเนื่องต่อไป</p> <p> </p>https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/273662Provision of Tourism Services and Safety for Community-based Tourism2024-12-04T11:28:54+07:00Pornchai Suksirisoponpsuksirisopon@hotmail.comNawathiwa Seehanampsuksirisopon@hotmail.comKhampha YingKhongpsuksirisopon@hotmail.comKanyarat Srichanpsuksirisopon@hotmail.comPalakorn Buppatanakornpsuksirisopon@hotmail.com<p>Providing safe tourism services for community-based tourism affects tourist satisfaction; thus, preparedness for safe services is essential. This quantitative study employed a set of questionnaires administered to a sample group of 400 tourists, and the obtained data were analyzed using descriptive statistics. The findings revealed a low level of provision for safe community-based tourism, particularly concerning effective coordination of services and interpreters, satisfaction with tourism services and safety, management of emergency cases, travel route management, and safe activities.</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/280033Preservice Teachers' Reflective Practice and Self-Directed Learning in Teaching Practicum Experience: A Mixed-Methods Study2025-05-16T10:09:43+07:00Jurarat ThammaprateepJurarat.tha@stou.ac.thChanipun Chartisathianchanipun.c@gmail.com<p>This mixed-methods study explores the role of reflective practice in fostering self-directed learning (SDL) among preservice teachers during their fully online teaching practicum experience. The study involved 230 students enrolled in the Graduate Diploma Program in Curriculum and Instruction at Sukhothai Thammathirat Open University. Data collection methods included pre- and post-practicum administration of the Self-Directed Learning Questionnaire (SDLQ), reflective journals (n=187), and semi-structured interviews (n=12). The quantitative data were analyzed using descriptive statistics and the qualitative data were analyzed from journals and interviews, which were subjected to thematic analysis. Quantitative results showed a consistent increase in motivation, self-monitoring, and self-management after the practicum. Thematic analysis of qualitative data revealed that structured reflection facilitated through teaching videos, mentor feedback, and peer interaction contributed significantly to SDL development. Contextual factors in the teaching practicum such as digital supervision platforms and structured self-assessment frameworks were also found to enhance engagement and personal growth. The findings emphasized the importance of integrating reflective practice into teacher education programs to build autonomy, metacognition, and professional identity aligned with lifelong learning.</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/280697Linking Performance Appraisal with Sustainable Performance Through Innovative Behaviours: Contributions to SMEs’ Long-Term Viability2025-05-09T22:09:03+07:00Orisa ChumphongO.chumphong@gmail.com<p>This article aims to review the relevance of existing literature on the critical roles of performance appraisal and innovative behaviour, including its role in promoting sustainable performances. Despite increasing attention on the role of performance appraisal in organizational performance, limited research has explored how it indirectly promotes sustainable performance through innovative behaviours, particularly in the SME context of Thailand. Drawing on HR system strength (HRSS) theory, this review shows that the interplay between performance appraisal and innovative behaviour can encourage and contribute to sustainability performances, ultimately fostering their long-term viability, particularly in the context of SMEs in Thailand. Furthermore, within the framework of employee performance, this review unpacks the role of performance appraisal in stimulating innovative work behaviours to enhance the overall performance of SMEs, viewed through the lens of their long-term viability. This review also offers several useful policy implications relevant to the growth of SMEs. Hopefully, it is anticipated that this article will be beneficial to practitioners, researchers, and policymakers involved in the context of SMEs, providing a fuller understanding of these concepts within specific research fields.</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/273923เอกลักษณ์ของภาษาจีนจากป้ายร้านค้าย่านธุรกิจในชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน : กรณีศึกษา ถนนประสานไมตรี ถนนสุเรนทร์ และถนนฉัตรไชย ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง2024-12-13T10:06:05+07:00เหนือขวัญ บัวเผื่อนnueakwan@hotmail.comศศิธร ใจสบายnueakwan@hotmail.com<p>งานวิจัยเรื่อง เอกลักษณ์ของภาษาจีนจากป้ายร้านค้าย่านธุรกิจในชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน : กรณีศึกษา ถนนประสานไมตรี ถนนสุเรนทร์ และถนนฉัตรไชย ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะการเขียนภาษาจีนจากป้ายการค้า ในชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง และเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างของชื่อภาษาจีนจากป้ายการค้า ในชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ขอบเขตในการศึกษา คือ ลักษณะการเขียน ประกอบด้วย ภาษาที่ปรากฏบนป้ายการค้า ทิศทางการอ่านอักษรบนป้ายการค้า และลักษณะตัวอักษรจีนที่ปรากฏบนป้ายการค้า โครงสร้างของชื่อภาษาจีนจากป้ายการค้าประกอบด้วย สี สำเนียงการอ่าน ที่มาของภาษาบนป้าย และความสัมพันธ์ทางความหมายของภาษาจากป้ายการค้า โดยมีขอบเขตการศึกษาในพื้นที่ถนน 3 สาย คือ ถนนประสานไมตรี ถนนสุเรนทร์และถนนฉัตรไชยในตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง</p> <p> ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ป้ายการค้าภาษาจีนบริเวณถนนทั้ง 3 สาย ในตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีทั้งหมดจำนวน 40 ป้าย โดยลักษณะการเขียนภาษาจีนจากป้ายการค้า ส่วนใหญ่เป็นป้ายที่มีข้อความสองภาษาคือภาษาจีนและภาษาไทยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 57.5 ส่วนด้านทิศทางการอ่านอักษรบนป้ายที่อ่านภาษาไทยจากซ้ายไปขวา อ่านภาษาจีนจากขวาไปซ้ายในป้ายเดียวกัน จำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 87.5 และลักษณะตัวอักษรจีน เป็นอักษรจีนตัวเต็ม คิดเป็นร้อยละ 97.5 ด้านการวิเคราะห์โครงสร้าง พบว่า สีตัวอักษรจีน ที่ปรากฏบนป้ายมากที่สุดคือ สีทอง คิดเป็นร้อยละ 45 มีสำเนียงการอ่านส่วนใหญ่เป็นการอ่านแบบสำเนียงภาษาจีนแต้จิ๋ว คิดเป็นร้อยละ 95 ภาษาจีนบนป้ายส่วนใหญ่ปรากฏเป็นชื่อกิจการร้านค้า คิดเป็นร้อยละ 45 รองลงมาคือ ชื่อ-สกุลของคน คิดเป็นร้อยละ 40 โดยพบว่าชื่อกิจการร้านค้าเหล่านี้มีทั้งแบบชื่อสกุลของคนตามด้วยคำมงคล ด้านความสัมพันธ์ทางความหมายของภาษา โดยส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กัน คิดเป็นร้อยละ 82.5 และภาษาบนป้ายไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างที่เขียนเป็นภาษาไทยและมีการแปลเป็นคนละความหมายกันเพียงร้อยละ 17.5</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/273368ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหลังวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้สูงอายุในกลุ่มจังหวัดสนุก2025-01-31T19:54:35+07:00จักเรศ เมตตะธำรงค์kkai6688@gmail.comจันทิมา พรหมเกษkkai6688@gmail.comวรรณิดา สารีคำkkai6688@gmail.com<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหลังวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้สูงอายุในกลุ่มจังหวัดสนุก และศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงและอิทธิพลทางอ้อมต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหลังวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้สูงอายุในกลุ่มจังหวัดสนุก เก็บข้อมูลกับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ในกลุ่มจังหวัดสนุก จำนวน 400 คน ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธี PLS-SEM ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตหลังวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบด้วย การรับรู้ว่าตนเองมีคุณค่า การมีอารมณ์ที่ดี การป้องกันดูแลสุขภาพตนเอง กิจกรรม ครอบครัว การได้รับบริการดีจากหน่วยงาน และการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และผลการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย การได้รับบริการดีจากหน่วยงาน การมีอารมณ์ที่ดี การรับรู้ว่าตนเองมีคุณค่า และการป้องกันดูแลสุขภาพตนเอง และปัจจัยที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย การมีอารมณ์ที่ดี การรับรู้ว่าตนเองมีคุณค่า การป้องกันดูแลสุขภาพตนเอง และกิจกรรม</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/272134อิทธิพลทางตรง ทางอ้อม และผลรวมของรูปแบบการให้บริการของตำรวจที่มีต่อความคาดหวังของประชาชนจังหวัดภูเก็ต2024-04-08T16:30:13+07:00พิชศาล พันธุ์วัฒนาpitsarn_ph@rpca.ac.th<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. ความคาดหวังของประชาชนจังหวัดภูเก็ตต่อรูปแบบการให้บริการของตำรวจประกอบด้วยการให้บริการอย่างเสมอภาค การให้บริการที่ตรงเวลา การให้บริการอย่างก้าวหน้า และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และ 2 อิทธิพลของการให้บริการอย่างเสมอภาค การให้บริการที่ตรงเวลา การให้บริการอย่างก้าวหน้า การให้บริการอย่างต่อเนื่องที่มีต่อความคาดหวังประชาชน ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบ ถามจากประชาชนจังหวัดภูเก็ตจำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและเทคนิคการวิเคราะห์เส้นทาง ผลการวิจัยพบว่า 1. ประชาชนมากกว่าครึ่งเคยมีปฏิสัมพันธ์หรือรับบริการจากตำรวจจังหวัดภูเก็ต ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการให้บริการของตำรวจภูเก็ตในระดับปานกลาง ต่างจากความคาดหวังการได้รับบริการที่ดีที่ประชาชนส่วนใหญ่มีในระดับมาก โดยคาดหวังกับการบริการอย่างเสมอภาคมากที่สุด ส่วนการบริการอย่างต่อเนื่องเป็นความคาดหวังลำดับท้าย 2. การให้บริการอย่างก้าวหน้ามีอิทธิพลทางตรงต่อความคาดหวังประชาชนมากที่สุด ส่วนการให้บริการอย่างเสมอภาคมีอิทธิพลทั้งทางอ้อมและผลรวมต่อความคาดหวังประชาชนมากที่สุด</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/276835การศึกษาพฤติกรรมและโมเดลเส้นทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย2025-04-02T12:55:41+07:00สัญชัย เกียรติทรงชัยsankiet@hotmail.comสุขุมาล กล่ำแสงใสksukhuma@gmail.comอังศิกานต์ ศศิธรเวชกุลminkdouble@hotmail.comประภัสสร วรรธนะภูติpraphatsorn.dasta@gmail.comพิติรัตน์ วงศ์สุทินวัฒนาphitirat.wong@gmail.com<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมและพัฒนาโมเดลเส้นทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน และการสัมภาษณ์เชิงลึก 60 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์กลุ่มด้วยวิธี K-Means ผลการวิจัยสามารถแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวตามแรงจูงใจได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสืบสานวัฒนธรรม (13.75%) กลุ่มรับรู้คุณค่าภูมิปัญญา (35.00%) กลุ่มกระจายรายได้สู่ชุมชน (20.75%) และกลุ่มเน้นกิจกรรมและวิถีชีวิต (30.50%) โดยทุกกลุ่มใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการแชร์ประสบการณ์ และเลือกตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเป็นจุดหมายหลัก โมเดลเส้นทางการเดินทางแสดงให้เห็นพฤติกรรมใน 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่ ช่วงก่อนการเดินทางที่เน้นการค้นหาข้อมูลผ่านสื่อดิจิทัล ช่วงระหว่างการเดินทางที่มุ่งเน้นประสบการณ์ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม และช่วงหลังการเดินทางที่เน้นการแบ่งปันประสบการณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/276269การแปลและตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของแบบสอบถาม พิธีกรรมความเชื่อโชคลาง ฉบับภาษาไทย2025-04-04T10:56:23+07:00สุพัชริน เขมรัตน์supatcharin.kem@allied.tu.ac.thอภิลักษณ์ เทียนทองsupatcharin.kem@allied.tu.ac.th<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแปลและตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของแบบสอบถามพิธีกรรมความเชื่อโชคลาง ของ (Bleak and Frederick, 1998) โดยใช้วิธีการแปลกลับจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ผลการแปลกลับมีความถูกต้องและมีความเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้กับนักกีฬาอุดมศึกษาไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของแบบสอบถามฯ คือ นักกีฬาระดับอุดมศึกษา จำนวน 270 คน อายุระหว่าง 18 - 25 ปี ประกอบด้วย เพศชาย จำนวน 163 คน และเพศหญิง จำนวน 107 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามพิธีกรรมความเชื่อโชคลาง จำนวน 45 ข้อ แบ่งออกเป็น 7 ด้าน คือ เครื่องแต่งกายและรูปลักษณ์ เครื่องราง ก่อนการแข่งขัน การแข่งขัน พิธีกรรมของทีม คำอธิษฐาน และผู้ฝึกสอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาช และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ผลการวิจัยพบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในเกณฑ์ดี (χ2/df =1.03 ,RMSEA = 0.01, NNFI = 1.00, CFI = 1.00, RMR = 0.08, GFI = 0.91, AGIF = 0.84) โดยพิธีกรรมความเชื่อโชคลางของนักกีฬาระดับอุดมศึกษาไทย ประกอบด้วย 7 ด้าน คือ เครื่องแต่งกายและรูปลักษณ์ เครื่องราง ก่อนการแข่งขัน การแข่งขัน พิธีกรรมของทีม คำอธิษฐาน และผู้ฝึกสอน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.95 แสดงให้เห็นว่าแบบสอบถามพิธีกรรมความเชื่อโชคลางทั้งฉบับ มีความเหมาะสมในการประเมินลักษณะพิธีกรรมความเชื่อโชคลางกับนักกีฬาระดับอุดมศึกษาไทย</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/277494การรับรู้ความเสี่ยงและความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อ ความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ของผู้บริโภค2025-01-24T15:23:42+07:00สุมนา ลาภาโรจน์กิจsumana.l@psu.ac.thวริศ กิจชาญวิทย์waris.k@pmat.co.th<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยการรับรู้ความเสี่ยง 5 ด้าน ประกอบด้วยการรับรู้ความเสี่ยงด้านประสิทธิภาพ การรับรู้ความเสี่ยงด้านกายภาพ การรับรู้ความเสี่ยงด้านเวลา การรับรู้ความเสี่ยงด้านการเงิน การรับรู้ความเสี่ยงด้านจิตวิทยา และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ของผู้บริโภคในจังหวัดสงขลา ศึกษาโดยการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริโภคในจังหวัดสงขลาจำนวน 400 คน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า การรับรู้ความเสี่ยงด้านประสิทธิภาพและการรับรู้ความเสี่ยงด้านจิตวิทยามีผลในทิศทางลบ และความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมมีผลในทิศทางบวกต่อความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ของผู้บริโภคในจังหวัดสงขลาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ได้ร้อยละ 18.1 ในขณะที่การรับรู้ความเสี่ยงด้านกายภาพ ด้านเวลา และด้านการเงินไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและการลดการรับรู้ความเสี่ยงในด้านประสิทธิภาพและจิตวิทยาอาจเป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ การศึกษานี้มีส่วนช่วยให้เข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ของผู้บริโภค โดยภาครัฐและผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปวางแผนนโยบายในการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนากลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดผู้บริโภคมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ได้มากขึ้น</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตhttps://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/274189ปัญหาและแนวทางแก้ไขในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากหน่วยงานภาครัฐ2025-01-08T13:31:23+07:00เอกลักษณ์ ชูพันธ์eakkaluck.choo@northbkk.ac.thบรรพต วิรุณราชeakkaluck.choo@northbkk.ac.thอนันต์ ธรรมชาลัยeakkaluck.choo@northbkk.ac.th<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากหน่วยงานภาครัฐ ผลการศึกษาพบปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาในการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 3 ประการ ได้แก่ 1) หน่วยงานภาครัฐมีภารกิจแบบต่างคนต่างทำ ไม่ได้ประสานให้ครบระบบห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ แนวทางแก้ไข คือ การประชุมวางแผนร่วมกัน หน่วยต้นน้ำส่งให้หน่วยกลางน้ำ และส่งต่อหน่วยปลายน้ำ 2) การเข้าไม่ถึงแหล่งทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากการไม่ได้ทำระบบบัญชีและยื่นชำระภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อ แนวทางแก้ไข คือ หน่วยงานภาครัฐควรเข้ามารณรงค์อย่างจริงจังให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทำบัญชีเข้าสู่ระบบภาษี และยื่นมือเข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีความแข็งแรงแต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ 3) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่สามารถปรับตัว หรือใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาได้ทันกับสภาพสินค้าจากต่างประเทศ แนวทางแก้ไข คือ หน่วยงานภาครัฐควรออกมาให้บริการ แนะนำ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างจริงจัง</p>2025-11-17T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต