https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/issue/feed วารสารวาระการเมืองและสังคม 2025-06-28T12:46:27+07:00 รองศาสตราจารย์เอกรินทร์ ต่วนศิริ ekkarin.t@psu.ac.th Open Journal Systems <p> วารสารวาระการเมืองและสังคม เป็นวารสารของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่จัดพิมพ์ผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย บทความปริทัศน์ และบทวิจารณ์หนังสือ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ด้านรัฐศาสตร์ ในสาขาวิชาการเมืองการปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นโยบายสาธารณะ การปกครองท้องถิ่น รัฐประศาสนศาสตร์ การสื่อสารทางการเมือง การเมืองเรื่องชาติพันธุ์ มานุษยวิทยาการเมือง สังคมวิทยาการเมือง ความขัดแย้ง สันติศึกษา และประเด็นทางสังคมศาสตร์</p> <p> บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่า 2 ท่าน ตามมาตรฐานที่ผู้อ่านไม่ทราบชื่อผู้เขียนและผู้เขียนไม่ทราบชื่อผู้อ่าน (double blind review) และต้องเป็นบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่วารสารอื่นมาก่อน ทั้งนี้ผู้เขียนต้องปรับปรุงบทความตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนการตีพิมพ์</p> <p>วารสารนี้ออกเผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ (มกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม)</p> <p><strong>ISSN 2821-9554 (Online)</strong></p> https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/281863 บทบรรณาธิการ 2025-06-27T19:40:03+07:00 เอกรินทร์ ต่วนศิริ ekkarin.t@psu.ac.th 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/276397 “เรื่องจริงยังต้องแต่ง” วรรณศิลป์ของการนำเสนอข้อเท็จจริง และการประยุกต์ใช้ศิลปะการเขียนสารคดีสะท้อนชายแดนภาคใต้ใน “แต่งเรื่องจริง” 2025-02-10T09:59:34+07:00 อามานี อาบูดอแล amaneeemanaa@gmail.com <p>ในศาสตร์ว่าด้วยการเขียน มีการแบ่งงานเขียนออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คืองานบันเทิงคดี (fiction) และงานสารคดี-บทความ (non-fiction) ทั้งสองนี้มีเส้นแบ่งสำคัญอยู่ประการหนึ่งก็คือ “การแต่ง” หรือ “การประพันธ์” ที่ผู้แต่งต้องใช้คุณลักษณะทางวรรณศิลป์เข้ามาเพื่อช่วยทำให้งานเขียนนั้นมีความน่าสนใจและดึงดูดผู้อ่าน โดยมีคำอธิบายทางวิชาการประพันธ์ว่า งานประเภทบันเทิงคดี คือ งานกลุ่มวรรณกรรม เช่น นิยาย เรื่องสั้น บทละคร เป็นต้น งานเหล่านี้เป็นงานที่แต่งขึ้น สมมติชุดเหตุการณ์ที่เลียนแบบความเป็นจริงขึ้นมา แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด</p> 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวาระการเมืองและสังคม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/278621 การจัดการซะกาตเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน: แนวปฏิบัติ ความท้าทาย และโอกาสในการพัฒนา กรณีศึกษาชุมชนชายฝั่งทะเลจังหวัดปัตตานี 2025-02-14T11:13:39+07:00 อริศ หัสมา aris.h@psu.ac.th ธวัช นุ้ยผอม tawat.n@psu.ac.th หมะหมูด หะยีหมัด mahmood.h@psu.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติและความท้าทายในการจัดการซะกาต (การบริจาคภาคบังคับตามหลักศาสนาอิสลาม) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนชายฝั่งทะเลจังหวัดปัตตานี ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลผ่านการสนทนากลุ่มกับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และผู้นำกลุ่มวิสาหกิจหรือชมรมประมงพื้นบ้านใน 6 ชุมชน ผลการศึกษาพบว่า การจัดการซะกาตในแต่ละชุมชนมีความแตกต่างกันทั้งในด้านประสิทธิภาพการจัดเก็บ รูปแบบการบริหารจัดการ และวิสัยทัศน์ในการพัฒนา โดยชุมชนที่มีระบบการจัดการที่ทันสมัยและเป็นทางการสามารถจัดเก็บซะกาตได้มากกว่าและมีความโปร่งใสสูงกว่า ความท้าทายสำคัญประกอบด้วย ข้อจำกัดด้านจำนวนเงินซะกาตที่จัดเก็บได้ การพึ่งพิงระบบเจ้าของแพปลา และการขาดระบบสนับสนุนการพัฒนาอาชีพที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามพบโอกาสในการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล วิสัยทัศน์และความร่วมมือของชุมชน และการใช้กลุ่มอาชีพเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนา ผลการวิจัยเสนอแนะให้มีการพัฒนาระบบการจัดการซะกาตให้เป็นมาตรฐาน ส่งเสริมการใช้ซะกาตเพื่อการพัฒนาอาชีพอย่างเป็นระบบ และสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่สอดคล้องกับหลักการอิสลาม</p> 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวาระการเมืองและสังคม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/280626 The Forgotten Bombs: America’s Secret Nuclear Deployment in the Philippines During the Cold War 2025-05-15T11:44:53+07:00 ฑภิพร สุพร thapiporn@gmail.com <p>Why did the stationing of weapons of mass destruction in the Philippines not jeopardize Washington-Manila relations? This paper critically examines the clandestine deployment of U.S. nuclear weapons in the Philippines during the Cold War—a move that made the country a potential nuclear target and infringed upon its sovereignty. Drawing on declassified documents from the National Security Archive, it argues that the Philippines’ strategic culture, which heavily relied on the United States as its sole security guarantor, played a central role. Despite regional initiatives such as the Southeast Asia Nuclear-Weapon-Free Zone, the United States forward-deployed approximately 250 nuclear weapons in the Philippines, effectively turning the country into a potential flashpoint. This research explores how military cooperation and strategic reciprocity between the Marcos and Nixon governments led Philippine elites to prioritize the U.S. alliance over sovereignty and nuclear risks. Despite Marcos’s declaration of martial law in 1972 and the widespread human rights abuses that followed, the Nixon administration continued to support his regime, largely overlooking these issues due to shared anti-communist objectives and the strategic importance of U.S. military bases in the Philippines. Even after learning about the nuclear arsenals stationed at these U.S. bases, the Marcos regime continued to view the United States as its traditional ally, later receiving full support from the Nixon administration following the revelation of the nuclear weapons. This paper concludes that the Philippines’ strategic culture of relying on the United States as a security guarantor also contributed to the stability of bilateral ties, with the U.S. playing the role of protector and the Philippines adopting a strategic accommodation posture.</p> 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวาระการเมืองและสังคม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/280174 ความเคลื่อนไหวของสื่อสิ่งพิมพ์มุสลิมและสื่อสิ่งพิมพ์นำเสนอเรื่องศาสนาอิสลามในสังคมไทย ทศวรรษ 2450 ถึงทศวรรษ 2490 ศึกษาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ในพื้นที่ส่วนกลางของประเทศ 2025-04-23T16:49:46+07:00 อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ crasartyasit@gmail.com <p>บทความนี้มุ่งพิจารณาสื่อสิ่งพิมพ์มุสลิมและสื่อสิ่งพิมพ์นำเสนอเรื่องศาสนาอิสลามในสังคมไทย รวมถึงแวดวงเครือข่ายการจัดพิมพ์จัดจำหน่ายของสื่อสิ่งพิมพ์เหล่านี้ กำหนดช่วงเวลาตั้งแต่ทศวรรษ 2450 จนถึงทศวรรษ 2490 จากการสำรวจงานศึกษาเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ดังกล่าวชิ้นอื่นๆก่อนหน้านี้ จะพบข้อเสนอทำนองว่า สื่อสิ่งพิมพ์มุสลิมที่เป็นภาษาไทยเล่มเก่าแก่ที่สุดเริ่มเผยแพร่ออกมาช่วงปลายทศวรรษ 2470 หากในบทความจะนำเสนอและวิเคราะห์จากหลักฐานชั้นต้นเพื่อแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วได้ปรากฏความเคลื่อนไหวของสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทนี้ในสังคมไทยมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 2450 อันเป็นยุคที่ธุรกิจการพิมพ์เฟื่องฟู อีกทั้งการเกิดขึ้นของสื่อสิ่งพิมพ์มุสลิมและสื่อสิ่งพิมพ์ที่นำเสนอเรื่องศาสนาอิสลามยังมีความเชื่อมโยงกับบริบททางการเมืองและวัฒนธรรม รวมทั้งปรากฏการณ์และความเปลี่ยนแปลงในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ขอบเขตของบทความจะสิ้นสุดลงที่ปี พ.ศ. 2500 เพราะเป็นห้วงเวลาที่ดูเหมือนความเคลื่อนไหวของสื่อสิ่งพิมพ์ข้างต้นจะชะงักงันเงียบหายไปชั่วขณะ ซึ่งย่อมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยด้วย</p> 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวาระการเมืองและสังคม https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polsciPSU/article/view/281235 นโยบายชายแดนของไทยท่ามกลางวิกฤตการณ์ข้ามแดนจากเมียนมา 2025-06-06T11:24:40+07:00 อัจฉรียา สายศิลป์ mimsaisin@gmail.com <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อวิเคราะห์นโยบายชายแดนของประเทศไทยในบริบทที่เผชิญผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในประเทศเมียนมา ภายหลังการรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2564 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาข้ามพรมแดนในหลายมิติ ทั้งด้านมนุษยธรรม ความมั่นคง และภัยคุกคามข้ามชาติ โดยใช้ระเบียบวิธีการศึกษาเชิงคุณภาพผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิจากเอกสารทางวิชาการ รายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรพัฒนาเอกชน และสื่อมวลชน ครอบคลุมช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ. 2564–2567 โดยเน้นพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา ผลการศึกษาพบว่า การบริหารจัดการชายแดนของไทยยังคงให้น้ำหนักกับมิติด้านความมั่นคงของรัฐมากกว่าหลักสิทธิมนุษยชน นำไปสู่ข้อจำกัดในการคุ้มครองผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัย อีกทั้งยังตอบสนองต่อสถานการณ์ในลักษณะเฉพาะกิจ (ad hoc) โดยขาดกรอบกฎหมายหรือกลไกที่เป็นระบบ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในด้านความไม่แน่นอนของมาตรการ การขาดมาตรฐานร่วมในการปฏิบัติ และความไม่ต่อเนื่องของการจัดการในระยะยาว ขณะเดียวกัน บทความยังชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดเชิงนโยบายในการรับมือกับภัยคุกคามข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมในพื้นที่ชายแดน บทความนำเสนอการวิเคราะห์ทั้งในระดับโครงสร้างนโยบายและกลไกการปฏิบัติ พร้อมเปรียบเทียบนโยบายชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดีย ลาว และบังกลาเทศ เพื่อเสนอแนวทางปรับปรุงระบบนโยบายของไทยในระยะยาว โดยเน้นความสมดุลระหว่างอธิปไตยของรัฐกับหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่าบทบาทของภาคประชาสังคมมีความสำคัญต่อการเติมเต็มช่องว่างของรัฐในทางปฏิบัติ และควรได้รับการยกระดับให้เป็นหุ้นส่วนเชิงนโยบายอย่างเป็นทางการ</p> 2025-06-28T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวาระการเมืองและสังคม