https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/issue/feed
วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
2025-12-11T11:25:04+07:00
บรรณาธิการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ภูวัตร ทาอินต๊ะ
journal@payap.ac.th
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ</strong> เป็นวารสารวิชาการสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตีพิมพ์และเผยแพร่บทความวิชาการและบทความผลงานวิจัยหรือบทความวิจัย เพื่อเป็นสื่อกลางเผยแพร่ความรู้จากผลงานวิจัยและบทความวิชาการ เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่แลกเปลี่ยนด้านวิทยาการความรู้ระหว่าง อาจารย์ นิสิตนักศึกษา นักวิชาการอิสระทั้งของรัฐและเอกชนตลอดจนบุคคลทั่วไป โดยเปิดโอกาสให้เผยแพร่ผลงานวิชาการที่มีคุณภาพในอันที่จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการต่อชุมชน สังคมและประเทศชาติ </p> <p><strong>Publisher : </strong>วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ (PAYAP UNIVERSITY JOURNAL) </p> <p><strong>Publication scheduled : </strong>กำหนดการตีพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ คือ <br /> ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม - มิถุนายน กำหนดออก มิถุนายน<br /> ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม กำหนดออก ธันวาคม</p> <p><strong>ISSN </strong>0857-4677 <strong>(Print)</strong><br /><strong>ISSN</strong> 2651-1606 <strong>(Online)</strong></p> <hr /> <p> ***สนใจส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารฯ สามารถส่งบทความโดยผู้เขียนลงทะเบียนเพื่อใช้งานระบบ Thaijo 2.0 เพื่อดำเนินการ <strong>ส่งบทความ</strong> และ <strong>แบบเสนอบทความ (Download <a title="แบบเสนอบทความ" href="https://payap-my.sharepoint.com/:w:/g/personal/journal_payap_ac_th1/EYY4PeQKaXtItCMWGNyjvmkBsDt0DrByruJl9Kon5_KCKw?e=R0gegW" target="_blank" rel="noopener">DOC</a> / <a title="แบบเสนอบทความ" href="https://payap-my.sharepoint.com/:b:/g/personal/journal_payap_ac_th1/EZX7WZNP5JFHs1Lkl5w3xp8B_AEec-sXCpK-NuSneMUQfg?e=XIt5bn" target="_blank" rel="noopener">PDF</a>) </strong>ทางออนไลน์ผ่านระบบ ที่ <strong><a href="https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/about/submissions">https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/about/submissions </a></strong>หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่ <strong>กองบรรณาธิการวารสารมหาวิทยาลัยพายัพ โทร. 053-851-478-86 ต่อ 344</strong></p>
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/285570
ส่วนหน้า ปีที่ 35 ฉบับที่ 2
2025-12-09T10:23:20+07:00
ภูวัตร ทาอินต๊ะ
phuwat.thainta@gmail.com
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/285572
บรรณนิทัศน์
2025-12-09T10:28:34+07:00
ภูวัตร ทาอินต๊ะ
phuwat.thainta@gmail.com
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/285573
ส่วนหลัง ปีที่ 35 ฉบับที่ 2
2025-12-09T10:37:12+07:00
ภูวัตร ทาอินต๊ะ
phuwat.thainta@gmail.com
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/281440
ความรู้และพฤติกรรมการทำบัญชีครัวเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
2025-06-20T11:36:55+07:00
มนฤดี ม่วงรุ่ง
monrudeemaung@gmail.com
ธวัลรัตน์ เชื้อวงศ์บุญ
Tawonrat.c@gmail.com
พลับพลึง พวงธนะสาร
plubpeungp@gmail.com
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความรู้การทำบัญชีครัวเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและพฤติกรรมการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และพฤติกรรมการทำบัญชีครัวเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่าง คือ หัวหน้าครัวเรือนที่อาศัยในเทศบาลตำบลหนองแฝก จำนวน 354 ราย สุ่มตัวอย่างแบบอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปด้วยสถิติพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน การเปรียบเทียบความรู้และพฤติกรรมด้วย Independent Samples t-test และ One-Way Analysis of Variance และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วย Pearson's Correlation Coefficient</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ความรู้การทำบัญชีครัวเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมีคะแนนเฉลี่ย 7.30 ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง พฤติกรรมการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตมีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวม 4.47 ถือว่าอยู่ในระดับมาก การเปรียบเทียบความรู้การทำบัญชีครัวเรือนจำแนกตามเพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ของครอบครัว และระดับค่าใช้จ่ายในครอบครัว พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ การเปรียบเทียบพฤติกรรมการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตจำแนกตามอาชีพ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ของครอบครัว และระดับค่าใช้จ่าย ในครอบครัว พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และพฤติกรรมการทำบัญชีครัวเรือนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญในระดับปานกลางและมีทิศทางเดียวกัน (r = .470) จากผลการศึกษาดังกล่าว เทศบาลตำบลหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนจัดการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือนโดยใช้แนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมให้ประชาชนเริ่มทำบัญชีครัวเรือน อันจะนำไปสู่ การสร้างวินัยทางการเงินในครอบครัว รู้จักวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายได้เพื่อสร้างความพอประมาณ รอบคอบ และมีภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิต</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/282903
การควบคุมทางการบัญชีผ่านการยอมรับเทคโนโลยีสู่คุณภาพข้อมูลทางการบัญชีของคริสตจักรท้องถิ่น สังกัดคริสตจักรภาคที่ 1 สภาคริสตจักรในประเทศไทย
2025-10-10T10:12:57+07:00
ทศพร ไชยประคอง
thodsaporn@rmutl.ac.th
ปฐมชัย กรเลิศ
nook.pk@hotmail.com
กรรณิการ์ จันทร์อินทร์
Kannika_405@rmutl.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการควบคุมทางการบัญชีที่นำไปสู่คุณภาพข้อมูล ทางการบัญชีและการควบคุมทางการบัญชีผ่านการยอมรับเทคโนโลยีสู่คุณภาพข้อมูลทางการบัญชีของคริสตจักรท้องถิ่น สังกัดคริสตจักรภาคที่ 1 สภาคริสตจักรในประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้บริหารคริสตจักรสามารถบริการจัดการควบคุมทางการบัญชี และวิเคราะห์ข้อมูลทางบัญชีได้อย่าง มีประสิทธิภาพ รวมถึงเพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจ สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศทางการบัญชีที่เหมาะสม ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ กลุ่มคริสตจักรท้องถิ่น สังกัดคริสตจักรที่ 1 จำนวน 146 แห่ง โดยมีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงจากผู้มีอำนาจ ผ่านการใช้เครื่องมือแบบสอบถามเชิงโครงสร้าง และใช้การวิเคราะห์ตัวแบบสมการเชิงโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า การควบคุมทางบัญชีมีอิทธิพลเชิงบวกต่อคุณภาพข้อมูลทางบัญชี เนื่องจากผลของการควบคุมทางบัญชีที่เหมาะสมจะทำให้ข้อมูลไม่ขัดต่อข้อเท็จจริง เป็นตัวแทนอันเที่ยงธรรม นำไปสู่การตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าอิทธิพลเท่ากับ 0.421 มีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจที่ระดับ 0.178 และการควบคุมทางการบัญชีมีอิทธิพลต่อการยอมรับเทคโนโลยี ส่งผ่านไปยังคุณภาพข้อมูลทางการบัญชี เนื่องจากการควบคุมจะช่วยให้การดำเนินการอยู่ในทิศทางที่เหมาะสมต่อการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพทำให้ข้อมูลมีประสิทธิภาพต่อการนำไปใช้ตัดสินใจ โดยมีค่าอิทธิพลทางอ้อม 0.233 มีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจที่ระดับ 0.873</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/281080
ผลของการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามแนวทางจิตวิทยาเชิงบวกและความซาบซึ้งขอบคุณต่อความสุขเชิงอัตวิสัยในนักศึกษา
2025-06-13T13:51:41+07:00
โสน บัวสอน
snow@campusoutreach.org
ธีรวรรณ ธีระพงษ์
teerawan.teerapong@cmu.ac.th
<p>งานวิจัยนี้ศึกษาผลของการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามแนวทางจิตวิทยาเชิงบวกและความซาบซึ้งขอบคุณต่อการเสริมสร้างความสุขเชิงอัตวิสัยในนักศึกษา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาประจำปีการศึกษา 2567 จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 23 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Non-Probability Purposive Sampling Method) แบ่งเป็น กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบวัดความสุขเชิงอัตวิสัย 3 ด้าน ได้แก่ 1) ความพึงพอใจในชีวิต 2) อารมณ์ทางบวก 3) อารมณ์ทางลบ และโปรแกรมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มแนวทางจิตวิทยาเชิงบวกและความซาบซึ้งขอบคุณ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ ได้แก่ สถิติทดสอบความแตกต่าง 2 กลุ่มตัวอย่างที่ไม่สัมพันธ์กัน (Independent <em>t</em>-test) และสถิติทดสอบความแตกต่าง 2 กลุ่มตัวอย่างที่สัมพันธ์กัน (Paired <em>t</em>-test)</p> <p>ผลการทดลองพบว่า เมื่อเปรียบเทียบระยะก่อนและหลังการทดลองการจัดกระทำโปรแกรมกลุ่มทดลองมีความสุขเชิงอัตวิสัยด้านความพึงพอใจในชีวิตและอารมณ์ทางบวกสูงขึ้น อารมณ์ทางลบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังจัดกระทำโปรแกรมพบว่า กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจในชีวิตและอารมณ์ทางบวกสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ในขณะที่กลุ่มทดลองมีอารมณ์ทางลบน้อยกว่ากลุ่มควบคุมไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/283136
มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์: ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายไทยกับกฎหมายสหรัฐอเมริกา
2025-10-09T13:58:25+07:00
วัลลภา มูลเมือง
kaowhomjubjub@gmail.com
สรรค์ ตันติจัตตานนท์
sann.tan@lamduan.mfu.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความเหมาะสมและปัญหามาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย (2) เปรียบเทียบพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 ของประเทศสหรัฐอเมริกากับกฎหมายและมาตรการของประเทศไทย และ (3) ศึกษาแนวทางการเลื่อนลำดับไปสู่กลุ่มเทียร์ 1 ของ TIP Report ของประเทศไทย การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษาข้อมูลทุติยภูมิจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า TIP Report จัดอันดับให้ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 1 และประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 โดยกฎหมายการค้ามนุษย์ของทั้ง 2 ประเทศมีความสอดคล้องกันในเรื่องการพยายามพัฒนากฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังพบว่า ทั้ง 2 ประเทศ มีความแตกต่างกันของการให้นิยามการค้ามนุษย์ วิธีการคัดแยกเหยื่อ ความคุ้มครองเหยื่อ นโยบายการดำเนินคดี บทลงโทษที่เข้มข้น และมิติระหว่างประเทศ</p> <p>จากการวิจัยข้างต้น ประเทศไทยควรจัดตั้ง TIP Report ฉบับประเทศไทยเพื่อประเมินสถานการณ์ประเทศต้นทางของเหยื่อ และปรับโครงสร้างกลไกการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยกระดับการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/282732
ศึกษาสภาพปัจจุบันด้านความเชื่อศรัทธาของคริสตชนที่อยู่ในกลุ่มคน Gen Z ในจังหวัดเชียงใหม่ : กรณีศึกษา สมาชิกคริสตจักรในเขตอภิบาลที่ 10 และ 11 สังกัดภาคที่ 1 สภาคริสตจักรในประเทศไทย
2025-08-21T14:40:00+07:00
ชนันภรณ์ ใจเสาร์ดี
chananporn_j@payap.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเชื่อศรัทธาของคริสตชนกลุ่ม Gen Z ในจังหวัดเชียงใหม่ในสามมิติ ได้แก่ มิติส่วนบุคคล มิติชุมชน และมิติพันธกิจ รวมถึงแนวทางการเสริมสร้างความเชื่อศรัทธา โดยใช้กรณีศึกษาสมาชิกคริสตจักรในเขตอภิบาลที่ 10 และ 11 สังกัดคริสตจักรภาค ที่ 1 แห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย การวิจัยใช้ระเบียบวิธีแบบผสมผสาน ทั้งเชิงปริมาณผ่านแบบสอบถามและเชิงคุณภาพผ่านการสนทนากลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า ความเชื่อศรัทธาโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมาก ( X = 3.87, S.D. = 0.037) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุดคือด้านมิติส่วนบุคคล อยู่ในระดับมาก (X = 4.27, S.D. = 0.380) รองลงมาด้านมิติพันธกิจ อยู่ในระดับมาก (X = 3.87, S.D. = 0.037) และน้อยที่สุดเป็นด้านมิติชุมชน อยู่ในระดับปานกลาง (X = 3.43, S.D. = 0.760) ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มสอดคล้องกับผลเชิงปริมาณ โดยผู้ให้ข้อมูลเน้นบทบาทของความเชื่อในมิติส่วนบุคคลและพันธกิจมากกว่าชุมชน</p> <p>แนวทางการเสริมสร้างความเชื่อศรัทธาควรมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ทางความเชื่อศรัทธาที่มีความหมาย เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ส่งเสริมการมีส่วนร่วม เปิดพื้นที่ให้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาการสื่อสารที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ งานวิจัยนี้จึงมีคุณค่าในการพัฒนาพันธกิจอนุชนให้สอดคล้องกับบริบทของคริสตชนกลุ่มคน Gen Z ในยุคปัจจุบัน</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/280300
กลวิธีการตั้งชื่อร้านอาหารที่ให้บริการในแอปพลิเคชันส่งอาหารในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
2025-05-02T11:27:51+07:00
สรศักดิ์ เชี่ยวชาญ
dorakeng@hotmail.co.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษากลวิธีการตั้งชื่อร้านอาหารที่ให้บริการในแอปพลิเคชันส่งอาหารในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยศึกษาชื่อร้านอาหารจากแอปพลิเคชันส่งอาหาร ได้แก่ FOODPANDA, GRAB และ LINEMAN ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยมาจากการสุ่มอย่างง่ายจากทั้ง 3 แอปพลิเคชันข้างต้นอย่างละ 128 ร้าน รวมทั้งหมด 384 ร้าน หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้การสรุปเป็นตารางและการบรรยายเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะชื่อร้านอาหารที่ให้บริการ ในแอปพลิเคชันส่งอาหารในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีการตั้งชื่อร้านเพื่อต้องการสื่อสารข้อมูลจากผู้ประกอบการไปยังลูกค้า 8 ประเภท ได้แก่ ประเภทของอาหารที่ขาย สถานที่ตั้งของร้าน ชื่อเจ้าของร้าน รสชาติของอาหาร แหล่งที่มาของอาหาร สูตรการประกอบอาหาร ลักษณะวัตถุดิบในอาหาร และราคาของอาหาร ภาษาที่ใช้ตั้งชื่อร้านอาหาร 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยปนกับภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาไทยปนกับภาษาจีน ในขณะที่ลักษณะของภาษาที่ปรากฏ ได้แก่ คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ คำสแลง คำภาษาถิ่น คำตัด คำย่อ และการซ้ำคำ</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/282771
ภาวะผู้นำในยุคดิจิทัลของนักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ศึกษาจากแนวปฏิบัติในการเรียนรู้และการบริหารตนเอง
2025-08-21T11:32:10+07:00
อัจฉราพรรณ พุ่มผกา
aujcharapun.p@pkru.ac.th
หิรัญ ประสารการ
Hiran.p@pkru.ac.th
<p>ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างลึกซึ้งในระบบการศึกษา ภาวะผู้นำในยุคดิจิทัล จึงกลายเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำทางการศึกษาในอนาคต โดยเฉพาะนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์แนวคิดภาวะผู้นำดิจิทัลในบริบทการศึกษาบัณฑิตศึกษา จากแนวปฏิบัติในการเรียนรู้และการบริหารตนเอง โดยใช้วิธีการวิเคราะห์วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การอภิปรายในบทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ภาวะผู้นำดิจิทัลประกอบด้วยทักษะการใช้เทคโนโลยี การกำกับตนเอง การสื่อสารวิสัยทัศน์ และจริยธรรมดิจิทัล ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการแสดงออกของภาวะผู้นำในบริบททางการศึกษา นอกจากนี้ยังพบว่า การส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ การใช้เทคโนโลยี<br />อย่างมีจริยธรรม และการมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวทันความเปลี่ยนแปลง ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญของภาวะผู้นำยุคดิจิทัล บทความนี้จึงเสนอแนะแนวทางสำหรับสถานศึกษาหรือผู้สอนในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมภาวะผู้นำดังกล่าวในกลุ่มนักศึกษา ครู และนักบริหารการศึกษา</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/279598
สี่เหลี่ยมลูกบาศก์กับมิติความสัมพันธ์ในเอเฟซัส 4:13
2025-05-15T13:54:14+07:00
ดวงสุดา ศรีบัวอ้าย
duangsuda_s@payap.ac.th
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงมิติความสัมพันธ์จากคำสอนเกี่ยวกับการเติบโตถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ และเพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่อง “ความสัมพันธ์” ที่สามารถ นำไปสู่ความบริบูรณ์ของพระคริสต์ แล้วเกิดการตระหนักรู้และการปรับใช้ได้จริงในชีวิตตามคำสอนในพระคริสตธรรมคัมภีร์เอเฟซัส 4:13 ที่ว่า “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือ โตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” อย่างไรก็ตามการอ่านเอเฟซัสยังไม่สามารถทำให้เห็นภาพจากความหมายของคำว่า “โตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” ได้อย่างชัดเจน นั่นก็เป็นผลให้ การดำเนินชีวิตของคริสเตียนมุ่งเน้นไปเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพระเจ้า หรือเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งความเข้าใจหรือภาพดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์เพราะถ้าคริสเตียนจะบรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ หรือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์ได้นั้นต้องไปถึงการทำให้ความสัมพันธ์ในมิติข้างต้นนั้นมีความสมดุลและกลับไปสู่จุด ๆ เดียวกัน คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า</p> <p>การวิเคราะห์ความหมายในบทความนี้จะใช้หลักเกณฑ์ทางศาสนศาสตร์เพื่อศึกษาการตีความหมายพระคัมภีร์ด้วยเหตุผลว่า เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการทางด้านพระคัมภีร์อย่างกว้างขวาง และเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะทำให้ได้มาซึ่งความหมายแท้จริงที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ต้องการจะสื่อสารกับผู้อ่านในขณะนั้น ดังนั้นหลักเกณฑ์ทางศาสนศาสตร์ที่ผู้เขียนจะนำมาใช้ในการศึกษานี้ประกอบไปด้วยทฤษฎีการตีความหมายพระคัมภีร์ ซึ่งศึกษาประวัติศาสตร์เบื้องหลังเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมของผู้เขียนและผู้อ่านกลุ่มแรก (คริสเตียนในศตวรรษที่ 1 บริเวณเมืองเอเฟซัสและใกล้เคียง) รวมถึงทำความเข้าใจตัวบทจากการศึกษาในบริบท และวิเคราะห์ความหมายของข้อความในภาษาเดิม เพื่อสังเคราะห์ความหมายของคำว่า “บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่” นอกจากนี้ ผู้เขียนนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเส้นตรงบน “สี่เหลี่ยมลูกบาศก์” ซึ่งเชื่อมโยงแนวคิดจากศาสตร์ทางคณิตศาสตร์ว่า สามารถขยายความเข้าใจทางศาสนศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในชีวิตมนุษย์ให้กระจ่างขึ้น ได้แก่ ประการที่ 1 ขยายความเข้าใจประโยค “บรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ว่ามาจากความสัมพันธ์ที่หลากหลายมิติเหมือนส่วนประกอบของเส้นตรงบนสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ประการที่ 2 มีภาพวิธีการปรับสมดุลของคู่ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่คริสเตียนจำเป็นต้องปฏิบัติให้ครบทุกด้าน ประการที่ 3 สร้างความตระหนักให้แก่คริสเตียน ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ว่าความสัมพันธ์ที่มีนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยการลดระยะห่างระหว่าง 2 ฝ่าย กล่าวคือการเพิ่มความสัมพันธ์ในแต่ละด้านให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเพื่อเป้าหมายของการนำกลับไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างพระเจ้า มนุษย์ และสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และประการที่ 4 มีความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนสำหรับการอธิบายความหมายพระธรรมเอเฟซัส 4:13 ว่า การที่คริสเตียนมีชีวิตที่บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ หรือมีชีวิตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์นั้นหมายถึงอะไร</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/283229
มองเชียงใหม่ใหม่: พญามังราย อำนาจ กับภูมิอากาศโลก
2025-09-16T10:48:35+07:00
มนวัธน์ พรหมรัตน์
manawat.promrat@gmail.com
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนาในช่วงก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ผ่านกรอบการวิเคราะห์ เชิงประวัติศาสตร์ระยะยาว (Longue Durée) โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านภูมิอากาศโลก วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยประกอบด้วย 2 ประการ ได้แก่ (1) การสืบค้นหลักฐานที่สะท้อนความผันผวนทางภูมิอากาศโลกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดระยะอากาศอบอุ่นยุคกลางที่ปรากฏในเอกสารประวัติศาสตร์ของล้านนา และ (2) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการขยายอำนาจของพญามังรายในช่วงก่อรูปเมืองเชียงใหม่กับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศระดับภูมิภาค</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า (1) เอกสารโบราณของล้านนาสะท้อนข้อมูลที่สอดคล้องกับหลักฐานจากภูมิภาคอื่น ๆ เกี่ยวกับความผิดปกติของภูมิอากาศในห้วงเวลาดังกล่าว และ (2) การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกที่รุนแรงในเขตอบอุ่นมีความสัมพันธ์กับการขยายอำนาจของพญามังรายลงสู่พื้นที่ตอนใต้ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า ในฐานะผู้ปกครองใหม่ พญามังรายได้สร้างความชอบธรรมทางการเมืองผ่านการวางระบบการจัดการน้ำและการผังเมืองเชียงใหม่ ซึ่งไม่เพียงตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศที่ผันผวน หากยังยกระดับเมืองเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางทางศาสนาใหม่ โดยมีแม่น้ำปิงซึ่งถูกให้ความหมายเชิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแกนสำคัญของการสร้างความชอบธรรมและอำนาจทางการปกครอง</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pyu/article/view/282945
การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษากลางเพื่อการสื่อสาร: หลักการ และหลักการสอนสำหรับห้องเรียนพหุภาษา
2025-09-19T09:37:39+07:00
ธีรัฐภิชศ์ สาละวินพรพนา
singhasalawin@gmail.com
สติเฟน เจ ไอปสเตน
Stevenjayepstein@yahoo.com
สุชาวดี สุพรรณสาร
aingfasuchawadeeforwork@gmail.com
จิตราวดี แสนปัน
jittrawadee@gmail.com
<p>บทความนี้นำเสนอหลักการและหลักการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษากลาง (English as a Lingua Franca: ELF) เพื่อเสริมสร้างการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพในห้องเรียนพหุภาษา โดยเสนอแนวคิดหลักของความสามารถทางภาษา 3 ประการ ได้แก่ (1) การใช้ภาษาที่ต่างจากรูปแบบของเจ้าของภาษาโดยให้ความสำคัญต่อการทำความเข้าใจภาษาอังกฤษในฐานะภาษาเพื่อการสื่อสาร (2) การยอมรับความหลากหลายของสำเนียงและไม่ยึดติดกับสำเนียงเจ้าของภาษา และ (3) การส่งเสริมให้ผู้เรียนสื่อสารอย่างคล่องแคล่วและราบรื่น เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน นอกจากนี้ยังนำเสนอแนวทาง การสอนที่เน้นความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม บรรทัดฐานทางภาษาที่ยืดหยุ่น การยอมรับความผิดพลาด และการตระหนักรู้ทางวัฒนธรรม รวมถึงกรอบแนวคิดการสอน เช่น การเรียนรู้โดยใช้ภารกิจเป็นฐาน (Task-Based Learning: TBL) การสอนแบบบูรณาการเนื้อหา (Content-Based Instruction: CBI) การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง (Real-World Learning: RWL) และการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching: CLT) แนวทางเหล่านี้มุ่งส่งเสริมการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ครอบคลุมและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในบริบทข้ามวัฒนธรรม</p>
2025-12-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยพายัพ