วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj
<table style="height: 329px;" width="551"> <tbody> <tr> <td width="623"> <p>วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์ เป็นวารสารวิชาการที่รองรับการเผยแพร่ผลงานด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยให้ความสำคัญกับศาสตร์ทางด้าน การบริหารการจัดการ สังคมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ นิติศาสตร์ และศิลปศาสตร์ ซึ่งตีพิมพ์มากกว่าสามทศวรรษ เน้นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยอันมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสังคมไทย สร้างองค์ความรู้ใหม่ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพทางวิชาการเพื่อสังคมอีกทั้งตระหนักถึงความสำคัญของการขยายบทบาททางวิชาการต่อสังคมวงกว้าง และ การพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นแหล่งความรู้ที่มาจากผลงานวิจัยของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการและนักศึกษา เพื่อเข้าสู่การเป็นสังคมฐานความรู้ (Knowledge Based Society)</p> </td> </tr> </tbody> </table> <table> <tbody> <tr> <td> <table> <tbody> <tr> <td width="628"> <table width="100%"> <tbody> <tr> <td> <p><strong>ผู้เขียนชำระค่าธรรมเนียม</strong><strong>*ตามเงื่อนไงต่อไปนี้</strong></p> <p><strong> วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์เก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความของท่านเมื่อบทความผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจาก กองบรรณาธิการ</strong></p> <p><strong>และเข้าสู่กระบวนการประเมิน </strong><strong>(Review)</strong></p> <p> 1) ชำระค่าตีพิมพ์บทความโดยแยกประเภท ดังนี้</p> <table width="521"> <tbody> <tr> <td width="138"> <p><strong>บทความ</strong></p> </td> <td width="197"> <p><strong>นศ. ม.เกริก </strong></p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมต่อ 1 บทความ</strong></p> </td> <td width="186"> <p><strong>บุคคลทั่วไป </strong></p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมต่อ 1 บทความ</strong></p> </td> </tr> <tr> <td width="138"> <p>ภาษาไทย</p> </td> <td width="197"> <p>3,000 บาท</p> </td> <td width="186"> <p>4,000 บาท</p> </td> </tr> <tr> <td width="138"> <p>ภาษาต่างประเทศ</p> </td> <td width="197"> <p>6,000 บาท</p> </td> <td width="186"> <p>8,000 บาท</p> </td> </tr> </tbody> </table> <p> 2) จ่ายผ่าน<strong> ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี มหาวิทยาลัยเกริก เลขที่บัญชี 060-1-06501</strong><strong>-8 </strong></p> <p>3) หลังจากชำระแล้วส่งเอกสารทั้ง 3 รายการ คือ <strong>(1) ข้อมูลตามแบบฟอร์มการส่งบทความ (</strong><strong>2) ใบโอนเงิน และ</strong><strong>(3) บทความไฟล์ word </strong>มาที่ <a href="https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/">https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/</a></p> <p>4) วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์ไม่มีการตีพิมพ์บทความแบบเร่งด่วน (Fast track) ทุกกรณี</p> <p><strong>* หมายเหตุ : 1. ผู้เขียนไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมได้ในทุกกรณี (กรุณาศึกษารายละเอียดก่อนส่งบทความ) </strong></p> <p><strong> 2. กรุณาส่งเอกสารให้ครบถ้วน </strong></p> </td> </tr> </tbody> </table> - เงื่อนไขการส่งบทความ<a href="https://drive.google.com/open?id=1i5pazOgik2ZHjp_9jROgE7QFVGxeAebN&usp=drive_fs"> >คลิกที่นี้<</a></td> </tr> </tbody> </table> </td> </tr> </tbody> </table> <p> </p>
สถาบันวิจัยและนวัตกรรม/ มหาวิทยาลัยเกริก
en-US
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
3027-7647
<p>ทุกบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์เป็นทัศนะและข้อคิดเห็นของผู้เขียนมิใช่ทัศนะของมหาวิทยาลัยเกริกหรือกองบรรณาธิการ การนำบทความส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดไปพิมพ์เผยแพร่ต้องอ้างอิงที่มาให้ชัดเจน</p> <p><a href="http://www.krirk.ac.th/th/%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%81/" target="_blank" rel="noopener">มหาวิทยาลัยเกริก</a></p>
-
การใช้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนเพื่อตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานภาครัฐโดยอาศัยกลไกตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/280481
<p>บทความฉบับนี้มุ่งนำเสนอสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 อันเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนหลักการเปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ผลการศึกษาพบว่า แม้กฎหมายจะกำหนดสิทธิของประชาชนและหน้าที่ของรัฐไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเป็นกลไกวินิจฉัยข้อพิพาท แต่การบังคับใช้กลับประสบปัญหาทั้งด้านโครงสร้าง เช่น การขาดระบบจัดเก็บและสืบค้นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และทัศนคติของเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ยังถือว่าข้อมูลข่าวสารเป็นสมบัติของรัฐไม่ใช่สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน นอกจากนี้ การที่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการไม่มีผลผูกพันทางปกครองโดยตรง และการไม่มีบทลงโทษต่อเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิ ยิ่งทำให้ประชาชนต้องพึ่งกระบวนการศาลปกครอง ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่าย</p> <p>บทความจึงเสนอให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มผลผูกพันของคำวินิจฉัยและกำหนดมาตรการลงโทษหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ฝ่าฝืน พร้อมทั้งปรับปรุงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศ การอบรมเจ้าหน้าที่ และสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชนว่าการใช้สิทธิขอข้อมูลข่าวสารคือการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริต และเสริมสร้างวัฒนธรรม<br />การตรวจสอบถ่วงดุลในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างยั่งยืน</p>
ธัชฎามาศ อุไรวรรณ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
209
237
-
การเปลี่ยนแปลงบทบาทของภาษาอังกฤษในยุคปัญญาประดิษฐ์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/283789
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงบทบาทของภาษาอังกฤษในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และการใช้ภาษาอังกฤษในระดับโลก เดิมทีภาษาอังกฤษทำหน้าที่เป็นภาษากลาง (lingua franca) และภาษาสากลในการสื่อสารทางธุรกิจ วิชาการ และวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของเทคโนโลยีด้านภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ และเครื่องมือเขียนเชิงวิชาการ เช่น Grammarly Quillbot และ ChatGPT ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม และการทำงานในวิชาชีพ บทความวิชานี้จึงอภิปรายถึงข้อดี ข้อจำกัด และความท้าทายที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านจริยธรรม ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี ความน่าเชื่อถือของ AI และการปรับหลักสูตรเพื่อบูรณาการ AI Literacy กับ English Literacy ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้สูญเสียความสำคัญลง แต่เปลี่ยนสถานะจาก “ภาษาที่จำเป็นต้องใช้” ไปสู่ “ภาษาที่ควรใช้ควบคู่กับ AI” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และการเข้าถึงองค์ความรู้ระดับโลก</p>
พงษ์วิทย์ นามทะจันทร์
ไพศาล อรุณโชคนำลาภ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
307
322
-
Optimizing Deeplabv3+ with Multi-Scale Attention for Semantic Segmentation
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/284276
<p>DeepLabv3+, a leading model for semantic segmentation, often struggles with high computational costs and inadequate multi-scale representation, leading to blurred boundaries and poor detection of small-scale targets. To overcome these challenges, our work introduces an efficient network built upon the lightweight MobileNetV2 backbone that incorporates three novel modules. First, our DENS-ASPP module replaces the standard ASPP to better capture multi-scale features using a densely connected atrous cascade. These features are then refined by the SEA module, which applies spatial attention for modeling extensive, direction-sensitive contextual information. The last component of our architecture is the DCE module, which enhances the decoder with coordinate attention, embedding positional information to sharpen object details. Our model achieves 72.56% mIoU and 87.28% mPA on the PASCAL VOC 2012 dataset, demonstrating that this integrated framework yields substantial gains in segmentation performance.</p>
Jiajing Liu
Ahmad Khan
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
11
32
-
การวิเคราะห์ Prompt สำหรับ Generative AI เพื่อการขายรูปภาพบนเว็บไซค์ Adobe stock
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281929
<p>งานวิจัยนี้ศึกษาผลของการใช้ Prompt สองรูปแบบ—เชิงเทคนิค (Technical) และเชิงอารมณ์ (Emotional)—ในการสร้างภาพด้วย Generative AI (Midjourney 6.1/Autojourney) เพื่อนำไปจำหน่ายบน Adobe Stock โดยออกแบบเป็น A/B Testing กับภาพรวม 1,100 ภาพ และ เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้จาก Adobe Stock Contributor Dashboard ครอบคลุมตัวชี้วัด Impressions, Clicks, CTR, Downloads, Revenue, และ Time to First Download (TTFD) แบบ รายสัปดาห์ตลอด 6 สัปดาห์ (1 กุมภาพันธ์–10 เมษายน 2568)</p> <p>ผลการทดลองชี้ว่า Emotional Prompt เหนือกว่า อย่างต่อเนื่อง: CTR 27.1% เทียบ 14.9%, คลิก/ภาพ 12.8 เทียบ 3.2, และ TTFD 2.5 วัน เทียบ 6.5 วัน ขณะที่ยอดดาวน์โหลดโดยรวม ใกล้เคียงกัน สะท้อนว่าการออกแบบถ้อยคำที่เร้าอารมณ์ช่วยยกระดับ Engagement และศักยภาพทางการตลาดของคอนเทนต์ภาพบนแพลตฟอร์มสต็อก ทั้งนี้ ผู้วิจัยเสนอแนวทางเชิงปฏิบัติในการออกแบบ Prompt และการใช้ตัวชี้วัดเชิงพฤติกรรม (โดยเฉพาะ CTR และ TTFD) เพื่อวางแผนคอนเทนต์และเพิ่มรายได้ในระยะยาว</p>
อนุพนธ์ บางบ่อ
ปฐมา สตะเวทิน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
33
50
-
Enhancing Trade Show Value through Servitization Strategies
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/283212
<p>The trade show industry is experiencing a strategic shift as professional exhibition organizers (PEOs) increasingly implement technology-enabled servitization to enhance participant value, personalize experiences, and build long-term relationships. This study explores how digital technologies can be embedded into auxiliary services that extend value beyond traditional exhibition formats. Using a qualitative, exploratory approach, in-depth interviews with twelve exhibition professionals from Europe, Asia-Pacific, and Thailand uncovered four key service transformation dimensions: Technology-Enhanced Services, Customer-Centric Approaches, Organizational Readiness, and Workforce Competency Development. These findings offer a practical framework for integrating digital servitization into trade show management, helping PEOs deliver innovative, hybrid, and CRM-enabled exhibition services in an evolving competitive landscape.</p>
Duangdej Yuaikwamdee
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
51
74
-
ผลกระทบของความเสี่ยงของกิจการและการกำกับดูแลกิจการที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/283641
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของความเสี่ยงของกิจการที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาผลกระทบของการกำกับดูแลกิจการที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลทุติยภูมิจากฐานข้อมูลบริการระบบข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฉบับออนไลน์ (SETSMART) ของตลาดหลักทรัพย์<br />แห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในรูปแบบรายงานข้อมูลประจำปี 56-1 และรายงานประจำปี ระหว่างปี <br />พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2567 รวมระยะเวลา 5 ปี โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน <br />92 บริษัท สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์ค่าสถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์<br />ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ความเสี่ยงของกิจการ ได้แก่ ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย มีผลกระทบเชิงลบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์รวม <br />และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น มีผลกระทบเชิงลบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 และ 0.05 นอกจากนี้การกำกับดูแลกิจการ ได้แก่ ขนาดของคณะกรรมการบริษัทมีผลกระทบเชิงบวกกับผลการดำเนินงานของบริษัท อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 <br />สัดส่วนกรรมการอิสระมีผลกระทบเชิงบวกกับผลการดำเนินงานของบริษัท วัดค่าโดยใช้กำไรต่อหุ้น<br />อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
บุญญารัตน์ เก่งทันการ
เบญจพร โมกขะเวส
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
75
98
-
ความคาดหวังของผู้โดยสารชาวไทยต่อการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพฯ – ขอนแก่น
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281348
<p>การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคาดหวังของผู้โดยสารชาวไทยที่มีต่อการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงเมื่อเปรียบเทียบกับสายการบินต้นทุนต่ำในเส้นทางกรุงเทพฯ – ขอนแก่น 2) ระบุปัจจัยประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อความคาดหวังของผู้โดยสารชาวไทยที่มีต่อการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางกรุงเทพฯ – ขอนแก่น และ 3) สำรวจพฤติกรรมความตั้งใจใช้บริการรถไฟความเร็วสูงของผู้โดยสารชาวไทย การศึกษาครั้งนี้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้โดยสารชาวไทยที่เคยใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำในเส้นทางกรุงเทพ-ขอนแก่น จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานด้วยสถิติอนุมาน ได้แก่ สถิติ t-test และ F-test ผลการศึกษาพบว่า ผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำส่วนใหญ่มีความคาดหวังต่อการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงด้านความปลอดภัยมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับสายการบินต้นทุนต่ำในเส้นทางกรุงเทพฯ – ขอนแก่น ในขณะที่ด้านที่ผู้โดยสารคาดหวังน้อยที่สุดคือด้านสิ่งที่มีให้บริการ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นว่าความแตกต่างของเพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ส่งผลต่อความคาดหวังของผู้โดยสารต่อการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงในด้านต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ</p>
จันทร์เมธา ศรีรักษา
กานต์รวี ชื่นอารมณ์
กิตติพัฒน์ อ่อนจาง
ชัญญานุช สุขสมเนตร
ศศิรินทร์ รักวงค์
จักรพงศ์ อุดมวรทรัพย์
ศุภกานต์ ยอดประดิษฐ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
99
122
-
การพัฒนารูปแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ สำหรับพนักงานธนาคารกรุงเทพ ภาคต่างจังหวัด (ภาคกลาง 4)
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281866
<p>การวิจัยแบบผสมผสานมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพปัจจุบัน ปัญหาขององค์การแห่งการ เรียนรู้ 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ 3) พัฒนารูปแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ และ 4) ประเมินรูปแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประธานเขต ผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ และ พนักงานระดับปฏิบัติงานธนาคารกรุงเทพ ภาคต่างจังหวัด (ภาคกลาง 4) มีประสบการณ์การทำงานใน ตำแหน่งตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป การวิจัยเชิงคุณภาพ 20 คน การวิจัยเชิงปริมาณ 222 คน เครื่องมือและสถิติที่ใช้ 1) แบบสัมภาษณ์ ใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา 2) แบบสอบถาม ใช้การวิเคราะห์ด้วยความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันมีกระแสการแข่งขัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ในการบริหารจัดการที่รวดเร็วและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์การมีความพยายามพัฒนา ตนเองสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้เพื่อความอยู่รอดในการดำเนินธุรกิจ แต่บุคลากรไม่เพียงพอในการ ให้บริการ และขาดความรู้เชิงลึกในด้านการปฏิบัติงาน จึงต้องประชุมชี้แจง เน้นย้ำ อบรม ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะๆ 2) วิเคราะห์การสัมภาษณ์ผนวกกับการทบทวนรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ 5 ปัจจัย และการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ 6 ด้าน 3) การพัฒนารูปแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ ประกอบด้วย (1) ระดับปัจจัยที่ส่งผล และการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลกับการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์กันทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (3) ปัจจัยด้านระบบบริหารภายในองค์การ และการจัดการความรู้ ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ได้ร้อยละ 89.30 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านได้ยืนยันรูปแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ สำหรับพนักงานธนาคารกรุงเทพ ภาค ต่างจังหวัด (ภาคกลาง 4) มีความสมบูรณ์ เหมาะสม และสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิผลในสถานการณ์จริงได้ ด้วยกระบวนการ 5 สร้าง คือ 1) สร้างระบบ 2) สร้างกระบวนการ ประกอบด้วย ทบทวน การวางแผน การดำเนินงาน การติดตาม และความสำเร็จ 3) สร้างทีม 4) สร้างงาน และ 5) สร้างความ ภาคภูมิใจ</p>
ณัฐชมนต์ กลัดเจริญ
นวัสนันท์ วงศ์ประสิทธิ์
ณัฐปคัลภ์ ญาณมโนวิศิษฎ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
123
146
-
The Determinants of New Business Loans Interest Rate In ARIMA, ARIMAX, And ARDL Approach
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281619
<p>This study investigates the determinants of interest rates for new business loans in Thailand. This study explores the impact of traditional economic indicators and new digital finance variables on lending rates. As such, this study aims to extend the literature on lending rates by means of a wide set of economic indicators, namely commercial bank loans, net traded value, electronic money transactions, and average wages. This study employs the ARIMA, ARIMAX, and ARDL models to suit autoregressive, external, and lagged exogenous impacts. Analysis was performed on monthly data from January 2012 to April 2024 obtained from the Bank of Thailand. The findings show the considerable influence of historical relationships in new business loan interest rates on current rates. Commercial bank loans also have a significantly inverse relationship with interest rates. Given these results, the central and private banks that participate greatly in the finance sector could strategically employ loan volume to offer attractive rates. This would not only promote banks to function more smoothly, but also help the economy grow itself.</p>
Tharana Paemchakon
Nutchanart Juntatemee
Adirek Vajrapatkul
Nongnat Nopakun
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
147
168
-
ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคลของนักบัญชีในสำนักงานบัญชี จังหวัดนนทบุรี
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281892
<p>การศึกษาเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อเปรียบเทียบระดับความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคล ของนักบัญชีในสำนักงานบัญชี จังหวัดนนทบุรี จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล กำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้วิธีของของ ทาโร ยามาเน่ ได้จำนวนตัวอย่าง 170 รายและทำการสุ่มตัวอย่างแบบสุ่มง่าย (Simple Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระหว่าง 3 กลุ่มตัวอย่างขึ้นไป โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-Way ANOVA และการวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน ด้วยสถิติ Independent-Sample t-test</p> <p>ผลการศึกษา พบว่า นักบัญชีในสำนักงานบัญชี จังหวัดนนทบุรี มีความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินในระดับมาก และความเข้าใจภาษีเงินได้นิติบุคคลในระดับมาก รวมทั้งความเข้าใจประเด็นย่อยของแต่ละด้านก็ถือว่าอยู่ในระดับมากด้วย ส่วนการทดสอบสมมุติฐานการศึกษา พบว่า ปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา หน้าที่ปัจจุบัน ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ของนักบัญชีในสำนักงานบัญชี จังหวัดนนทบุรี ไม่มีผลต่อระดับความเข้าใจมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่พบว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนส่งผลต่อระดับความเข้าใจมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยกลุ่มที่รายได้สูงกว่ามีความเข้าใจมากกว่า</p>
ทวิชชัย อุรัจฉัท
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
169
188
-
บทบาทของกฎหมายปกครองในการคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทย
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/283014
<p>บทความวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาหลักการและบทบัญญัติของกฎหมายปกครองที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทย 2) วิเคราะห์บทบาทของหน่วยงานทางปกครองและศาลปกครองในการคุ้มครองสิทธิเด็ก และ 3) เปรียบเทียบการคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทยกับหลักสากลและกฎหมายต่างประเทศ </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า กฎหมายปกครองมีบทบาทเชิงโครงสร้าง ในการกำหนดหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเด็ก เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายกำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษา สวัสดิการ และมาตรการปกป้องเด็กจากการถูกละเมิด มีบทบาทในการบังคับใช้และการตีความกฎหมายปกครองที่มีผลต่อการคุ้มครองสิทธิเด็ก ศาลปกครองมีคำพิพากษาฎีกาที่ส่งเสริมสิทธิเด็ก มีการเริ่มนำหลักประโยชน์สูงสุดของเด็กมาใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาแต่ไม่ชัดเจนในทุกกรณี การคุ้มครองสิทธิยังมีช่องโหว่ หน่วยงานของรัฐบางแห่งยังขาดประสิทธิภาพและความเข้าใจด้านสิทธิเด็ก การใช้อำนาจบางกรณียังละเลยต่อผลกระทบที่มีต่อเด็ก เด็กยังไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทางปกครองได้โดยตรง การบูรณาการอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) กับกฎหมายปกครองไทยยังไม่เป็นระบบ แม้กฎหมายปกครองมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทย แต่การบังคับใช้ยังมีข้อจำกัดและความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นจึงควรพัฒนากลไกให้เด็กเข้าถึงสิทธิได้จริง และให้ศาลปกครองกับหน่วยงานของรัฐยึดหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอย่างต่อเนื่อง</p>
รุจินันท์ วาธีวัฒนารัตน์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
189
208
-
มุสลิมในเกาหลีใต้: พัฒนาการและการดำรงอยู่
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/280692
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพัฒนาการของชาวมุสลิมในเกาหลีใต้ 2) วิเคราะห์รูปแบบการดำรงชีวิตในบริบทสังคมที่แตกต่าง และ 3) ประเมินความท้าทายพร้อมแนวทางการปรับตัวของชุมชนมุสลิมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การดำเนินการวิจัยเป็นไปตามระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพทำการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก และการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ชาวมุสลิมในเกาหลีใต้มีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ ความเป็นมา สถานภาพทางสังคม และแรงจูงใจในการพำนัก รูปแบบการดำรงชีวิตสะท้อนถึงความพยายามรักษา อัตลักษณ์ทางศาสนา ควบคู่กับการผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การเรียนรู้ภาษาเกาหลีมีแนวโน้มการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตในสังคมเมือง และการสร้างเครือข่ายภายในชุมชนเพื่อสนับสนุนซึ่งกันและกัน</p> <p>ข้อค้นพบดังกล่าวชี้ให้เห็นว่ากระบวนการปรับตัวของชาวมุสลิมในเกาหลีใต้สอดคล้องกับทฤษฎีการเปลี่ยนผ่านทางจิตวิทยาและสังคมในแต่ละระยะของการปรับตัว แนวคิดการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม และแนวคิดพหุวัฒนธรรม รัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มมีนโยบายเปิดพื้นที่ให้กับความหลากหลายมากขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป</p>
บัณฑิต อารอมัน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
237
254
-
บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษากับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/283812
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ในภาพรวมและแยกตามเขตการปกครอง 11 เขต 2) ศึกษาแนวทางของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ในภาพรวมและแยกตามเขตการปกครอง 11 เขต และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์กับระดับแนวทางของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประเมินค่า 5 ระดับ และแบบสัมภาษณ์อย่างมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านเรียงอันดับค่าเฉลี่ยด้านการปฏิบัติตามแผนอยู่ในระดับมากกว่าด้านอื่น ๆ </p> <p>ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้<br />ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ทั้ง 11 เขตการปกครองโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาระดับบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้โดยรวม (ทั้ง 4 ด้าน/PDCA) เขตการปกครองที่ 1 ระดับบทบาทของผู้บริหารอยู่ในระดับมากที่สุดกว่าเขตการปกครองอื่น ๆ </p> <p>ระดับแนวทางของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านเรียงอันดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการกำหนดนโยบายและการวางแผนการใช้แหล่งเรียนรู้อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านการนิเทศ กำกับ ติดตาม ดูแล และประเมินผลการใช้แหล่งเรียนรู้ และด้านการสนับสนุนให้บุคลากรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการนำเสนอผลงานที่เกิดจากการใช้แหล่งเรียนรู้อยู่ในระดับมากตามลำดับ</p> <p>ระดับแนวทางของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์ในภาพรวมทั้ง 11 เขตการปกครอง มีแนวทางของผู้บริหารอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายเขตการปกครอง เขตการปกครองที่ 6 มีแนวทางของผู้บริหารอยู่ในระดับมากที่สุดมากกว่าเขตการปกครองอื่น ๆ</p> <p>ความสัมพันธ์ระหว่างระดับบทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้กับระดับ แนวทางของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเครือสารสาสน์โดยรวม พบว่า<br />มีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>
ปุณณดา แวดอุดม
สุวิทย์ สลามเต๊ะ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
255
278
-
Factors Affecting the Success of Community Development: A Case Study of communities alongside Prem Prachakorn Canal, Bangkok Thailand
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/282148
<p>Urban community development is considered essential because, in the future, the population will reside more in urban communities than in rural areas. However, there is limited knowledge of this subject. Therefore, this study aimed to examine the factors that influence the success of community development. Data were collected using a questionnaire from 704 families, with a sample size of 124 households on accidental sampling technique. The hypotheses were tested using a stepwise multiple regression.</p> <p>The results of the study indicate that the development of the community in all ten areas achieved a moderate level of success, while the four influencing factors had average values at a moderate level. The factors that significantly influence the success of community development at a 0.05 level, it was found that to depend on 1) the role of the community committee in development, which has a high level of influence (Beta=0.506), and 2) support from external agencies, which has a moderate level of influence (Beta=0.275). Together, these two factors explain 35.90% of the development success.</p>
Chalerm Gerdmoli
Usanee Mongkolpitaksuk
Kittisak Rathpraser
Sukulya Parinyokul
Phairoj Yattiakravong
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
279
306
-
การศึกษากลวิธีการดัดแปลงบทกวีจีนโบราณผ่านบทเพลง ในช่วงปี ค.ศ. 1990 ถึง ค.ศ. 2010
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/282333
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลวิธีการดัดแปลงบทกวีจีนโบราณเป็นบทเพลง ในช่วงปี ค.ศ.1990 ถึง ค.ศ. 2010 จำนวน 14 บทเพลง โดยการเก็บรวบรวมเนื้อหาของบทกวีและบทเพลงพร้อมทั้งสำรวจเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนำมาศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการดัดแปลงเพลงจากบทกวีจีนโบราณ ผลการวิจัยพบว่า มีกลวิธีการดัดแปลงเพลงอยู่ 5 กลวิธี ได้แก่ 1) กลวิธีการคงของเดิม 2) กลวิธีการนำวรรคทองของบทกวีมาใช้ในบทเพลง 3) กลวิธีการตัดเนื้อหาของบทกวี 4) กลวิธีการเปลี่ยนโครงสร้างประโยคหรือสลับ ปรับเปลี่ยน 5) กลวิธีการแต่งเนื้อร้องขึ้นใหม่ อนึ่งผู้วิจัยพบว่า กลวิธีการดัดแปลงเพลงคำนึงถึงดุลยภาพระหว่างความถูกต้องของต้นฉบับและความเข้าใจของผู้ฟัง หลีกเลี่ยงการดัดแปลงที่ทำให้สูญเสียความหมายดั้งเดิมของบทกวี นอกจากนี้ยังปรากฏความหมายเชิงสัญลักษณ์ วรรณศิลป์ และบริบททางประวัติศาสตร์ของบทกวีอีกด้วย</p>
นฤชล สถิรวัฒน์กุล
ศิริวรรณ ลิขิตเจริญธรรม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
323
350
-
การศึกษาบทบาทของศาลเจ้าพ่อดงขุยต่อชุมชุน ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281123
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของศาลเจ้าพ่อดงขุยต่อชุมชน ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการเก็บข้อมูลภาคสนามด้วยโดยการสังเกต (Observation) และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ร่วมกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าพ่อดงขุย ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ ประธานมูลนิธิศาลเจ้าพ่อดงขุย คณะกรรมการมูลนิธิศาลเจ้าพ่อดงขุย นายกเทศมนตรีตำบลดงขุย รองผู้อำนวยการโรงเรียนดงขุยวิทยาคม และชาวไทยเชื้อสายจีนในชุมชนร่วมการสนทนากลุ่มและให้ข้อมูล 6 คน และนำเสนอข้อมูลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์ จากการศึกษาพบว่า บทบาทของศาลเจ้าพ่อดงขุยที่มีต่อชุมชน ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ แบ่งออกเป็น 6 บทบาท ได้แก่ 1) บทบาทในฐานะเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนชุมชน 2) บทบาทในฐานะเป็นแหล่งส่งเสริมและสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมจีน 3) บทบาทในฐานะเป็นแหล่งส่งเสริมด้านการศึกษา 4) บทบาทในฐานะเป็นแหล่งส่งเสริมและช่วยเหลือผู้คนในสังคม 5) บทบาทในฐานะเป็นแหล่งเรียนรู้สถาปัตยกรรมและศิลปะจีน 6) บทบาทในฐานะเป็นแหล่งส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ศาลเจ้าพ่อดุงขุย มิได้เป็นเพียงสถานที่ที่ประดิษฐานรูปเคารพบูชาเทพเจ้าตามวัฒนธรรมของชาวจีนโพ้นทะเล หากแต่ยังเป็นพื้นที่ทางสังคมที่หลอมรวมจิตวิญญาณของผู้คน ทำหน้าที่เป็นองค์กรฐานศรัทธาที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม เป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นสื่อกลางในการสร้างระบบความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน ตลอดจนเป็นผู้เกื้อหนุนและสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ผู้คนและสังคมตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ </p>
ตรีศูล เกษร
จักรพันธ์ อินผา
น้ำเพชร ทองมาก
ณัฐสิกมล อมรรัฐฒสรรค์
พัชราภา ยิ้มบุญ
ศุภกร ทาพิมพ์
เพชรรัตน์ อ้วนโฮม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
351
362
-
การเปลี่ยนผ่านบทบาทของเทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสิน(兔儿神)ภายใต้พลวัติของอำนาจและ วาทกรรมในสังคมจีน
https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/view/281610
<p>เทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสิน(兔儿神)เป็นเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน แม้จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อ อำนาจ และวาทกรรมเพศวิถีในสังคมจีน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของวาทกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสิน ในบริบททางประวัติศาสตร์และสังคมร่วมสมัย และ (2) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจ วาทกรรม และการฟื้นคืนของความรู้ชายขอบ โดยใช้เทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสินเป็นกรณีศึกษา ภายใต้กรอบแนวคิดของมิเชล ฟูโกต์ว่าด้วยวาทกรรม อำนาจ และความรู้ชายขอบ งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงเอกสารและวิเคราะห์เนื้อหาเชิงคุณภาพ โดยอาศัยข้อมูลจากตำนานพื้นบ้าน เอกสารประวัติศาสตร์ วรรณกรรม สื่อร่วมสมัย และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน</p> <p>ผลการศึกษาเห็นว่า วาทกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสินดำรงอยู่ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย โดยการกดทับผ่านศีลธรรมขงจื่อ ประมวลกฎหมายราชวงศ์ชิง ซึ่งใช้ควบคุมพฤติกรรมเพศสภาพในยุคจักรวรรดิ แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และจิตวิทยา ซึ่งเคยนิยามรักร่วมเพศว่าเป็นความเบี่ยงเบน และนโยบายของรัฐ ส่งผลให้เทพเจ้าองค์นี้กลายเป็นความรู้ชายขอบที่อยู่นอกเหนือจากบรรทัดฐานหลักของสังคม อย่างไรก็ตาม ในบริบทสมัยใหม่โดยเฉพาะในไต้หวัน วาทกรรมเกี่ยวกับเทพเจ้าทู่เอ๋อร์เสินได้ถูกฟื้นคืนและแปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศ ผ่านการตีความของศาลเจ้า สื่อศิลปะ และวัฒนธรรมร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นช่องทางของการต่อต้านและการสร้างอัตลักษณ์ทางเลือกในสังคมที่เปิดกว้างยิ่งขึ้น</p>
ชนิชา คิดประเสริฐ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร่มพฤกษ์
http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-11
2025-12-11
43 3
369
391