Silpakorn University e-Journal (Social Sciences, Humanities, and Arts)

งานตกแต่งเครื่องเรือนในพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต (Furniture decoration in the Amphorn Sathan Throne Hall, Dusit Palace)

สิรินทรา เอื้อศิริทรัพย์ (Sirintra Aursirisub), บัณฑิต จุลาสัย (Bundit Chulasai) — Wed, 29 Oct 2025 00:00:00 +0700

พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นที่ประทับสำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงมีส่วนในกระบวนการตกแต่งเครื่องเรือน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์กระบวนการตกแต่งเครื่องเรือนในพระที่นั่งอัมพรสถาน โดยใช้ RIBA Plan of Work ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานด้านสถาปัตยกรรมสากลที่แบ่งออกเป็น 8 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นกำหนดกลยุทธ์ ขั้นเตรียมการและสรุปรายละเอียดโครงการ ขั้นการออกแบบแนวคิด ขั้นการประสานงานเชิงพื้นที่ ขั้นการออกแบบทางเทคนิค ขั้นการผลิตและการก่อสร้าง ขั้นส่งมอบ และขั้นการใช้งาน เป็นเครื่องมือในการจำแนกและจัดเรียงข้อมูลจากเอกสารประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง การวิจัยใช้วิธีวิจัยเอกสาร (documentary research) โดยอ้างอิงเอกสาร จำนวน 54 ฉบับ จากเอกสารประวัติศาสตร์งานตกแต่งเครื่องเรือนในพระที่นั่งอัมพรสถาน และผ่านการคัดกรองและวิเคราะห์ด้วยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) เพื่อนำไปจำแนกตามเกณฑ์ของ RIBA Plan of Work 2020 ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการตกแต่งพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สอดคล้องกับ 7 ขั้นตอนตามเกณฑ์ โดยขาดขั้นตอนการออกแบบทางเทคนิคที่ไม่ปรากฏหลักฐาน ซึ่งสะท้อนถึงการใช้เครื่องเรือนสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศโดยตรง การประยุกต์ใช้กรอบ RIBA Plan of Work 2020 ช่วยให้สามารถจัดระเบียบเอกสารที่กระจัดกระจายให้มีความเป็นระบบ และสร้างความเข้าใจและสามารถเปรียบเทียบระหว่างกระบวนการในอดีตกับมาตรฐานสากลในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์ของการวิจัยครั้งนี้อยู่ที่การนำเสนอวิธีการใช้กรอบดำเนินงานสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้เป็นกรณีศึกษาในสาขาสถาปัตยกรรมภายใน งานอนุรักษ์ และงานวิจัยที่อาศัยข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุในอนาคต

The Amphorn Sathan Throne Hall in Dusit Palace was a significant royal residence during the reign of King Chulalongkorn (Rama V), in which the King personally participated in the furnishing and decoration process. This study aims to examine and analyze the furniture decoration process of the Amphorn Sathan Throne Hall by employing the RIBA Plan of Work 2020 as an analytical framework. The RIBA framework is a globally recognized architectural management system comprising eight stages: strategic definition, preparation and briefing, concept design, spatial coordination, technical design, manufacturing and construction, handover, and use. These stages were applied to classify and organize historical documents related to the throne hall’s furnishing. The research employs a documentary research method, referencing 54 archival documents concerning the furnishing of the Amphorn Sathan Throne Hall. The data were systematically screened and analyzed through content analysis to categorize information according to the RIBA Plan of Work 2020. The findings reveal that the furnishing process of the Amphorn Sathan Throne Hall corresponds to seven of the eight RIBA stages, with the technical design stage notably absent. This absence reflects the use of prefabricated imported furniture that required no local technical design process. The application of the RIBA framework provided an effective means to structure and categorize dispersed historical data systematically, thereby enabling a comparative understanding between past furnishing practices and contemporary professional standards. This study contributes a methodological approach that integrates a modern architectural framework with the analysis of historical documents. Such an approach can serve as a case study for future research in interior architecture, conservation, and other design-related disciplines that rely on archival documentation as a primary source of evidence.

การออกแบบนิทรรศการเสมือนจริงเพื่อนำเสนอภูมิปัญญาการทำเหมืองพลอยแบบโบราณของจังหวัดจันทบุรี (Virtual exhibition design for presenting the wisdom of traditional gemstone mining in Chanthaburi province)

Fri, 31 Oct 2025 00:00:00 +0700

ในปัจจุบันการขุดพลอยแบบโบราณของจังหวัดจันทบุรีหาดูได้ยาก ผู้วิจัยเห็นว่าหากนำเอาเทคโนโลยีความเสมือนจริงร่วมกับเทคนิคการออกแบบงานนิทรรศการได้ จะสามารถช่วยรักษาภูมิปัญญาไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไปได้ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและประเมินคุณภาพของนิทรรศการเสมือนจริง โดยเก็บข้อมูลจาก 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) ปราชญ์ชาวบ้าน 3 คน ใช้การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเป็นเครื่องมือวิจัย 2) ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพงานนิทรรศการ 3 คน ใช้แบบประเมินคุณภาพงานเป็นเครื่องมือ และ 3) คนในชุมชน 97 คน ใช้แบบประเมินความพึงพอใจเป็นเครื่องมือ ผลการวิจัยพบว่า การออกแบบนิทรรศการเสมือนจริงแบ่งห้องจัดแสดงเป็น 4 ห้อง คือ ห้องเล่า ห้องเครื่อง ห้องขุด และห้องโถง โดยใช้สื่อภาพเคลื่อนไหวและภาพกราฟิกประกอบการนำเสนอ โดยมีการปรับลำดับขั้นตอนการทำงานที่ต่างจากการออกแบบนิทรรศการเดิม ในขั้นตอนการเตรียมวัสดุอุปกรณ์การจัดนั้น จะทำหลังจากขั้นตอนการเตรียมสื่อนิทรรศการ เนื่องจากจะต้องใช้งานโปรแกรมเดียวกันกับขั้นตอนการติดตั้งและการจัด ซึ่งทำให้ง่ายในการทำงานต่อเนื่องกัน ผลการประเมินคุณภาพนิทรรศการ พบว่า มีความเหมาะสมในระดับมากทั้งด้านเนื้อหา การออกแบบ และเทคนิคการนำเสนอ โดยเฉพาะด้านเทคนิคมีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้มีข้อเสนอแนะให้ปรับแสงภายในห้องจัดแสดงให้สว่างขึ้น เพิ่มความชัดเจนของตัวอักษร และใช้สื่อจากภาพจริงหรือแอนิเมชันประกอบเนื้อหา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้ชม ทั้งนี้ กระบวนการออกแบบดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการจัดนิทรรศการ หรือสื่อที่ใช้งานบนเทคโนโลยีเสมือนจริงรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

At present, traditional gemstone mining in Chanthaburi has become increasingly rare and difficult to observe in situ. The researchers propose that integrating virtual reality (VR) technology with exhibition design methodologies can help preserve this indigenous knowledge for future generations. This research employed a mixed-methods approach to design and assess a virtual exhibition. Data were collected from three groups: 1) three local experts, using structured interviews as the research instrument; 2) three specialists who assessed exhibition quality through an evaluation form; and 3) ninety-seven community members, who completed a satisfaction questionnaire. The virtual exhibition was organized into four galleries, each with a specific focus: the Lao room (story), the Krueang room (tools), the Khud room (gemstone mining), and the Thong room (hall). Animated visuals and graphic media were employed throughout to enhance the presentation. The workflow differed from conventional exhibition design: materials and equipment preparation was conducted after media preparation to allow continuity within the same software environment for installation and setup. Quality assessment results indicated a high level of suitability across content, design, and presentation techniques, with technical aspects receiving the highest evaluation. Recommendations include increasing gallery lighting, improving the readability of typography, and incorporating live-action visuals or additional animations to enhance viewers’ learning. This design process can be effectively applied to other exhibitions or virtual reality-based media to preserve and present cultural knowledge.

รูปแบบและแนวคิดการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ ชุด เลอ ซ็องตีม็อง (Le Sentiment) (The elements and concepts for the dance performance Le Sentiment)

วิทวัส กรมณีโรจน์ (Vittavat Kornmaneeroj) — Wed, 29 Oct 2025 00:00:00 +0700

งานวิจัยนี้ตระหนักถึงปัญหาความเครียดและการขาดการยอมรับตนเอง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในสังคมปัจจุบัน จึงได้นำแนวคิดเรื่องการพัฒนาตนเองมาบูรณาการและสร้างสรรค์เป็นผลงาน เพื่อเป็นต้นแบบในการบำบัดและเสริมสร้างคุณค่าตนเองผ่านการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ ชุด เลอ ซ็องตีม็อง มีรูปแบบในลักษณะการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการยอมรับตนเองผ่านการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ อีกทั้งเพื่อศึกษาและบูรณาการแนวคิดความสัมพันธ์ด้านศิลปะ ดนตรีและนาฏศิลป์ นาฏศิลป์สร้างสรรค์ ความหลากหลายในงานนาฏศิลป์ และนาฏศิลป์เพื่อสังคม ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงเอกสาร การสื่อสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย สื่อสารสนเทศอื่น ๆ ตลอดจนวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผล และนำเสนอผลงานวิจัย การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ชุดนี้สามารถแบ่งออกได้ตามองค์ประกอบการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์ 8 ประการ ดังนี้ 1) รูปแบบการแสดง เป็นการแสดงเดี่ยวที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและการรักตัวเอง เพื่อช่วยปลดปล่อยภาวะทางอารมณ์ ความหวั่นวิตกที่ก่อให้เกิดความเครียด 2) นักแสดง เป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านการเต้นบัลเลต์และนาฏศิลป์ร่วมสมัย 3) ลีลานาฏศิลป์ นำเสนอทักษะการเต้นบัลเลต์บนปลายเท้าและการเคลื่อนไหวร่างกายแบบด้นสดตามแบบนาฏศิลป์ร่วมสมัย 4) เสียงและดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง สร้างสรรค์และเรียบเรียงเพลงขึ้นใหม่จากคลื่นเสียงขันคริสตัล 5) เครื่องแต่งกาย เลือกใช้เครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน 6) อุปกรณ์ประกอบการแสดง เลือกใช้อุปกรณ์งานศิลปะ ได้แก่ ปากกาเคมี สีอะคริลิก และผ้าใบสำหรับงานศิลปะ 7) พื้นที่ในการแสดง เลือกใช้ห้องอเนกประสงค์สีขาว และ 8) แสง ใช้แสงสีที่สื่ออารมณ์และความรู้สึกที่เหมาะสมกับการแสดง ซึ่งบรรลุตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถนำรูปแบบและแนวคิดไปต่อยอดองค์ความรู้หรือประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์และศิลปะการแสดงของตนเองได้

This research addresses the issues of stress and lack of self-acceptance, which are significant concerns in contemporary society. Therefore, the concept of personal development was integrated and creatively expressed through the dance performance Le Sentiment, serving as a model for self-healing and enhancing self-worth through the performing arts. The study employs both qualitative and creative research methodologies, with the primary objective of presenting the concept of self-acceptance through creative dance performance. It explores the interrelationship between art, music, and dance, fostering creativity, celebrating diversity in dance, and utilizing dance as a medium for social engagement. Data were collected from documentary resources, personal communications, and various media, then analyzed, synthesized, summarized, and presented as part of the creative process. The creation of Le Sentiment can be categorized according to eight elements of dance composition as follows: 1) the performance form is a solo performance that expresses self-acceptance and self-love, serving as an emotional release from anxiety and stress; 2) the performer is a dancer skilled in both ballet and contemporary dance; 3) the dance movement presents ballet pointe techniques combined with improvised body movements in the style of contemporary dance; 4) the sound and music are newly composed and arranged pieces inspired by the sound waves of crystal bowls; 5) the costume consists of everyday clothing; 6) the props include art materials such as markers, acrylic paints, and canvas; 7) the performance space is a white multipurpose room; and 8) the lighting employs colors that convey emotions and moods appropriate to the performance. The performance successfully fulfilled its objectives. The concepts and approaches developed in this research may serve as a foundation for future studies or be adapted for creative applications in dance and performing arts.

สื่อใหม่เชิงปฏิสัมพันธ์ : ประสบการณ์ยูไดโมนิกส์ผ่านแอนิเมชัน เกม และวีอาร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ (New media interactivity: Eudaimonic experiences through animation, games, and VR to promote Chiang Mai tourism)

กรกฎ ใจรักษ์ (Korakot Jairak) — Fri, 31 Oct 2025 00:00:00 +0700

เกมคอมพิวเตอร์พัฒนาเป็นสื่อที่มีความสำคัญมากกว่าความบันเทิง โดยนำเสนอการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า เป็นความสุขแบบยูไดโมนิกส์ งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสื่อใหม่ ประกอบด้วย ภาพยนตร์แอนิเมชัน เกมคอมพิวเตอร์ และวีอาร์ที่สร้างประสบการณ์ความสุขแบบยูไดโมนิกส์ สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน ทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว การสำรวจข้อคิดเห็นของนักท่องเที่ยวจากสื่อออนไลน์ การสังเกตอากัปกิริยาของผู้เล่นเกมในห้องนิทรรศการ และการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากแบบประเมินความพึงพอใจทางออนไลน์ ในการวิจัยครั้งนี้ได้สร้างเกมคอมพิวเตอร์แนวผจญภัย และเกมความเป็นจริงเสมือนที่เล่นกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์วีอาร์ ซึ่งเกมทั้งสองจัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการและเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีผ่านเว็บไซต์ ผลการวิจัยพบว่า การนำเสนอภาพแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม การให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรมเสมือนจริงที่ให้ผู้เล่นทำความดี สร้างให้เกิดประสบการณ์ความสุขแบบยูไดโมนิกส์กับผู้เล่น ผลการประเมินความพึงพอใจแบบออนไลน์ของผู้เล่นเกม จำนวน 53 คน ในด้านคุณภาพของผลงาน ด้านเนื้อหาการนำเสนอ และด้านประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว พบว่า ทั้ง 3 ด้านมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด การวิจัยครั้งนี้จึงเป็นแนวทางในการออกแบบสื่อใหม่สำหรับส่งเสริมการท่องเที่ยว การนำเสนอเกมความเป็นจริงเสมือนในรูปแบบนิทรรศการ ทำให้เกิดการเล่นเกมและได้เห็นเพื่อนเล่นเกมเป็นการสร้างประสบการณ์ความสุขแบบยูไดโมนิกส์ เกิดภาพความทรงจำระยะยาวในการได้มาท่องเที่ยวที่เชียงใหม่

Computer games have evolved beyond mere entertainment to become a medium capable of fostering eudaimonia experiences—forms of happiness derived from living a meaningful and virtuous life. This research aimed to develop new interactive media, including animated films, computer games, and virtual reality (VR) experiences, designed to promote tourism in Chiang Mai. A mixed-methods approach was employed, incorporating both qualitative and quantitative research methods. Data collection included interviews with tourism service providers, analysis of tourists’ opinions from online media, observation of player behavior within the exhibition setting, and online satisfaction surveys. The research produced two main interactive games: an adventure-style computer game and a virtual reality game playable via computer and VR devices. Both were presented in an exhibition format and made available for free download through a dedicated website. The results revealed that presenting visually appealing tourist attractions, providing informative content, and offering virtual activities that encourage players to engage in positive actions collectively contributed to eudaimonic experiences among players. An online satisfaction assessment of 53 participants showed the highest levels of satisfaction across all evaluated dimensions, including the quality of the work, the presentation content, and the perceived benefits for tourism promotion. This study offers a model for designing new media to promote tourism. Presenting VR games within an exhibition setting enhances both participation and shared experiences—allowing visitors to enjoy playing and observing others—which fosters eudaimonic happiness and helps create long-lasting positive memories associated with visiting Chiang Mai.

การวิเคราะห์คุณลักษณะที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์น้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์กึ่งสำเร็จรูปด้วยแบบจำลองคาโน (Analysis of optimal product attributes of instant Nam Prik Kapi Mueang Phet using the Kano Model)

Fri, 31 Oct 2025 00:00:00 +0700

น้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์เป็นอาหารที่มีกรดฟีนอลิกและความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ทั้งนี้การพัฒนาเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมีการประยุกต์ใช้แบบจำลองคาโน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคน้ำพริก และศึกษาคุณลักษณะที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์น้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์กึ่งสำเร็จรูปด้วยแบบจำลองคาโน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริโภคทั่วไปที่มีความคุ้นเคยในน้ำพริกกะปิ จำนวน 402 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์ความพึงพอใจของผู้บริโภค ผลการศึกษาพบว่า ในระยะเวลา 1 เดือน ผู้บริโภคมีพฤติกรรมรับประทานน้ำพริก 1-3 ครั้ง มีการรับประทานน้ำพริกกะปิร่วมกับอาหารหมวดโปรตีนแบบทอด และผู้บริโภคส่วนมากไม่เคยซื้อผลิตภัณฑ์น้ำพริกกะปิกึ่งสำเร็จรูป ผลการวิเคราะห์คุณลักษณะที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์น้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์กึ่งสำเร็จรูปด้วยแบบจำลองคาโน พบคุณลักษณะ 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านคุณลักษณะพิเศษที่ดึงดูด (A) ได้แก่ การส่งเสริมการขาย มีการวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต และมีการประชาสัมพันธ์เรื่องราวภูมิปัญญาแม่ครัวของชุมชน 2) ด้านคุณลักษณะที่ไม่แตกต่าง (I) น้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์กึ่งสำเร็จรูปมีน้ำหนัก 15-20 กรัม มีการใช้วัตถุดิบหลักจากจังหวัดเพชรบุรี และมีสีน้ำตาลอมม่วง และ 3) ด้านคุณลักษณะที่ทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจ (O) ประกอบด้วย ราคาเหมาะสมกับคุณภาพสินค้า แสดงราคาขายที่ชัดเจน และน้ำพริกกะปิเมืองเพ็ชร์กึ่งสำเร็จรูปมีฉลากสินค้าแสดงคุณสมบัติของวัตถุดิบ ผลการศึกษานี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฝากทางการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีต่อไปได้

Nam Prik Kapi Mueang Phet is a traditional chili paste rich in phenolic acids and antioxidants. However, its commercial development requires the application of the Kano Model to identify attributes that meet consumer expectations. This research aimed to investigate consumer behavior regarding chili paste consumption and to determine the optimal product attributes of instant Nam Prik Kapi Mueang Phet using the Kano Model. The sample consisted of 402 consumers familiar with shrimp paste. An online questionnaire was used as the research instrument, and data were analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation, and the consumer satisfaction coefficient. The results showed that within a one-month period, consumers typically consumed chili paste one to three times, often pairing shrimp paste with fried protein-based foods. Most respondents had never purchased instant shrimp paste chili products. The Kano Model analysis identifies three key categories of product attributes: 1) Attractive attributes (A), which include sales promotion activities, product availability in supermarkets, and publicity highlighting the culinary wisdom and local heritage of community cooks; 2) Indifferent attributes (I), including a product weight of 15–20 grams, use of main ingredients sourced from Phetchaburi province, and a brownish-purple color; and 3) One-dimensional attributes (O), which include reasonable pricing consistent with product quality, clearly displayed pricing, and labeling that indicates ingredient properties. The findings provide practical guidelines for developing souvenir food products to promote tourism in Phetchaburi province.

การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกต้นแบบจากเรื่องราวของไปรษณีย์ไทยเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร (Research and development of prototype souvenir products from Thailand Post stories to add organizational value)

อติเทพ แจ้ดนาลาว (Atithep Chaetnalao), ณิชกานต์ ไชยจักร์ (Nichakan Chaiyajak) — Fri, 31 Oct 2025 00:00:00 +0700

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นองค์กรที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน การวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาแนวทางการเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ 1) ศึกษาเรื่องราวและอัตลักษณ์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 2) พัฒนาผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกต้นแบบจากเรื่องราวของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ 3) เพิ่มคุณค่าให้กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณหาค่าเฉลี่ย (x̄) ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์การรับรู้ไปรษณีย์ไทยด้วยการสัมภาษณ์ผู้บริหารสาขาในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 4 ภาค 8 สาขา พร้อมกับผู้ใช้บริการไปรษณีย์ไทย จำนวน 80 คน ผลการวิจัย พบว่า 1) เรื่องราวและอัตลักษณ์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด คือ ความหลัง ความผูกพัน และความรัก 2) ผลงานออกแบบเป็นไปได้ 3 แนวคิด คือ Storyteller นักเล่าเรื่องถ่ายทอดเรื่องราว Post-Reaction ผลิตภัณฑ์ที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ส่ง-ผู้รับ และ Superhero บุรุษไปรษณีย์ผู้เป็นที่พึ่งของประชาชน จากการนำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ พบว่า Post-Reaction มีความพึงพอใจสูงที่สุด (x̄ = 4.18) รองลงมา คือ Superhero (x̄ = 4.08) และ Storyteller (x̄ = 4.05) ดังนั้นจึงพัฒนา Post-Reaction สู่การผลิตต้นแบบ และ 3) ผลประเมินการเพิ่มคุณค่าให้องค์กรจากกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้บริการไปรษณีย์ไทย จำนวน 512 คน พบว่า นาโน ไมโคร บล็อก ตัวต่อย้อนยุคบุรุษไปรษณีย์ อาคารไปรษณีย์ ตู้ไปรษณีย์ (x̄ = 3.92, S.D. = 0.82) และ Board game การเดินทางของบุรุษไปรษณีย์ (x̄ = 3.96, S.D. = 0.83) มีความพึงพอใจระดับมาก และเป็นของที่ระลึกที่ใช้เวลาร่วมกันได้ สะท้อนเรื่องราว ต่อยอดสู่การประชาสัมพันธ์ ทันสมัย แปลกใหม่ และน่าสะสม ซึ่งคาดว่าสามารถส่งผลต่อการเลือกใช้บริการในอนาคตด้วยเช่นกัน

Thailand Post Company Limited has been an integral part of Thai society for a long time. This research aimed to explore ways to enhance the organizational value of Thailand Post. The objectives were to: 1) study the story and identity of Thailand Post Company Limited, 2) develop a prototype souvenir product inspired by its story, and 3) enhance the organization’s value. A mixed-methods approach was employed, with data analyzed using mean (x̄), percentage, and standard deviation (S.D.). Interviews were conducted with branch executives in Bangkok and four other regions, covering eight branches in total, as well as with 80 Thailand Post service users. The findings revealed that: 1) the story and identity of Thailand Post are associated with memories, attachment, and love; 2) three design concepts were developed: Storyteller, featuring a character who narrates and shares stories; Post-Reaction, a product designed to promote interactive engagement between sender and receiver; and Superhero, depicting the postman as a dedicated supporter of the people. Expert feedback indicated that Post-Reaction had the highest satisfaction (x̄ = 4.18), followed by Superhero (x̄ = 4.08) and Storyteller (x̄ = 4.05), leading to the development of Post-Reaction as a prototype; and 3) user evaluation by 512 Thailand Post service users showed high satisfaction with nano micro blocks, retro building blocks, postman figures, post office buildings, mailboxes (x̄ = 3.92, S.D. = 0.82), and the board game The Postman’s Journey (x̄ = 3.96, S.D. = 0.83). These prototype souvenirs reflect Thailand Post’s story, are modern, unique, and collectible, and can support public relations efforts to influence future service usage.

ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสของนักศึกษาวิชาเอกภาษาฝรั่งเศส : กรณีศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร (Factors influencing undergraduate French major students’ career choice decision-making in Francophone organizations: A case study of the Faculty of Archaeology, Silpakorn University)

ศิวศิลป์ สิริจักรเศรษฐ์ (Sivasilp Sirichakkaraset) — Fri, 31 Oct 2025 00:00:00 +0700

มหาวิทยาลัยมีพันธกิจสำคัญในการผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาดแรงงาน แต่จากการสำรวจพบว่ามีบัณฑิตสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสที่ทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นจำนวนน้อยมาก การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การตัดสินใจทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส และ 2) ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสของนักศึกษาวิชาเอกภาษาฝรั่งเศส คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กลุ่มตัวอย่างวิจัย คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร จำนวน 92 คน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิและอิงสัดส่วน เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถามซึ่งมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาอยู่ในช่วง 0.67-1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.945 เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษามีระดับการตัดสินใจทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในระดับมาก (M = 3.89, SD = 0.83) ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ค่านิยมในการทำงาน และชื่อเสียงองค์กร โดยสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 20.50 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ มีดังนี้ 1) ประธานหลักสูตรควรบูรณาการเรื่องค่านิยมในการทำงานกับการจัดการเรียนรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส และ 2) องค์กรควรเน้นการสื่อสารค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่ดึงดูดใจ สร้างแบรนด์นายจ้าง และประชาสัมพันธ์ความน่าสนใจของงานและความสำเร็จขององค์กรโดยใช้สื่อออนไลน์และเครือข่ายศิษย์เก่า

Universities have a key mission in producing graduates for the labor market. Nevertheless, survey revealed that only a small proportion of French language graduates are employed in Francophone organizations. This research aimed to investigate 1) decision-making related to working in Francophone organizations, and 2) the factors influencing the career choices of undergraduate French major students at the Faculty of Archaeology, Silpakorn University, regarding such employment. A total of 92 samples were selected using stratified proportional random sampling. The research instrument was a questionnaire with content validity indices ranging from 0.67 to 1.00 and a reliability coefficient of 0.945. Data were collected online and analyzed using descriptive statistics, one-way analysis of variance, Pearson correlation coefficient, and multiple regression analysis. The findings revealed that students exhibited a high level of decision-making regarding employment in Francophone organizations (M = 3.89, SD = 0.83). Multiple regression analysis identified work values and organizational reputation as the only statistically significant factors influencing the decision to work in Francophone organizations (p < 0.05). Together, these factors accounted for 20.50% of the variance in students’ decision-making. Recommendations for utilizing the findings are: 1) the program director should integrate work values into learning management and establish collaborative networks with Francophone organizations or agencies; and 2) organizations should emphasize the communicating attractive organizational values and culture, develop employer branding, and publicize the appeal of their work and achievements through online media and alumni networks.

การวิเคราะห์หลักการออกแบบจากสารัตถะย่านวัฒนธรรม : กรณีศึกษาย่านเจริญกรุง (Analysis of design principles from the essence of cultural district: A case study of Charoen Krung district)

เอก ทองประเสริฐ (Ek Thongprasert), สุภาวี ศิรินคราภรณ์ (Supavee Sirinkraporn) — Wed, 29 Oct 2025 00:00:00 +0700

การออกแบบผ่านอัตลักษณ์ของความเป็นไทยมีจุดเด่นที่การสร้างสรรค์โดยอ้างอิงรากฐานศิลปวัฒนธรรม แต่มีข้ออุปสรรคด้านรูปแบบ และยากต่อการแข่งขันกับอุตสาหกรรมที่ผลิตจำนวนมาก ทำให้ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่ออภิปรายข้อค้นพบจากการศึกษาด้านศิลปะการออกแบบ โดยมุ่งศึกษาองค์ประกอบเชิงคุณค่าที่ปรากฏเป็นอัตลักษณ์สำคัญเฉพาะพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์สารัตถะหรือแก่นสารความงาม โดยมีพื้นที่ศึกษา คือ ย่านเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร ในฐานะพื้นที่ที่มีศักยภาพทางวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย เพื่อสังเคราะห์เป็นหลักในการออกแบบผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ เรื่อง สารัตถะย่านวัฒนธรรม การพัฒนาอย่างยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร โดยแสดงการวิเคราะห์ในมิติต่าง ๆ อาทิ มิติทางประวัติศาสตร์ของย่านเจริญกรุงที่สัมพันธ์กับบริบทการพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานคร มุมมองของพื้นที่แบบย่าน และชุมชนพหุวัฒนธรรม โดยใช้ทฤษฎีการออกแบบร่วมกับทฤษฎีสัญวิทยาแบบโครงสร้างนิยม ผลการวิเคราะห์ พบว่า องค์ประกอบเชิงคุณค่าที่เป็นตัวแทนผลผลิตทางสังคมของย่านเจริญกรุง ประกอบด้วย สภาวะอันเป็นคู่ตรงข้าม 2 ประการ คือ ภาพตัวแทนความหมายเชิงรูปธรรม และภาพตัวแทนความหมายเชิงนามธรรม ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์วัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ท่ามกลางอิทธิพลที่ส่งต่อระหว่างกัน เมื่อนำผลการศึกษามาตีความเชิงอุปมาอุปไมย จึงสามารถสังเคราะห์เป็นหลักการออกแบบ DAV Model ในฐานะองค์ความรู้ทางกระบวนการออกแบบจากการวิเคราะห์มิติทางประวัติศาสตร์และมิติสังคมวัฒนธรรมของพื้นที่ย่านเจริญกรุง ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำมาใช้สร้างกระบวนการออกแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะองค์ความรู้ใหม่ของการศึกษาด้านศิลปะการออกแบบ

Design rooted in Thai identity is characterized by creativity grounded in the foundations of traditional arts and culture. However, it often faces limitations in form and struggles to compete with mass production industries, restricting its broader application. This article discusses findings from a study focused on extracting design principles based on the core values embedded in visual elements that reflect local identity. The study analyzes the aesthetic essence of the Charoen Krung district in Bangkok, an area with significant contemporary cultural potential, to synthesize principles for creative design. This study forms part of a Ph.D. dissertation titled Cultural district’s essence: The sustainable development of Bangkok. This article explores multiple dimensions—including the historical context of Charoen Krung and its relation to Bangkok’s urban development, the spatial concept of “district,” and its multicultural community—through the application of design theory and structuralist semiotic theory. The analysis reveals two opposing yet interrelated value components that represent the district’s cultural output: concrete visual representations and abstract symbolic representations. These dual aspects function as cultural symbols that persist and evolve through mutual influence. By interpreting these findings metaphorically, the study synthesizes a set of design principles called the DAV Model, offering a conceptual framework for design practice grounded in the district’s historical, social, and cultural dimensions. The results contribute to the development of an efficient design methodology and offer new knowledge to the field of design arts.