วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal <p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <p>คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิมพ์ “วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการด้านนิติศาสตร์หรือความรู้ที่เกี่ยวข้องกับทางนิติศาสตร์ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจและ มีคุณค่าทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ ในรูปแบบของวารสารทางวิชาการ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้บุคคล ทั้งภายในและภายนอกสามารถนำเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะได้อีกด้วย</p> <p><strong>กำหนดการตีพิมพ์</strong></p> <p>การจัดพิมพ์วารสารนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์จะจัดพิมพ์ปีละ 4 ครั้ง ราย 3 เดือน ดังนี้</p> <p>ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - มีนาคม<br />ฉบับที่ 2 เดือน เมษายน - มิถุนายน<br />ฉบับที่ 3 เดือน กรกฎาคม - กันยายน<br />ฉบับที่ 4 เดือน ตุลาคม - ธันวาคม</p> th-TH <p>ผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสารนิติศาสตร์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สงวนสิทธิในการเผยแพร่ผลงานที่ตีพิมพ์ในแบบรูปเล่มและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นใด<br>บทความหรือข้อความคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารนิติศาสตร์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนโดยเฉพาะ&nbsp; คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ</p> [email protected] (กัลยรัตน์ ม้วนทอง) [email protected] (กัลยรัตน์ ม้วนทอง) Sun, 31 Mar 2024 16:53:39 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ปัญหาของระบบเลือกตั้ง “บัตรใบเดียว” ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กับปัญหาการบริหารจัดการเลือกตั้ง : ศึกษาจากการเลือกตั้ง 2562 และการแก้ไขกลับไปเป็นระบบ “บัตรสองใบ” ในการเลือกตั้ง 2566 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/265650 <p>การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งและการบริหารจัดการเลือกตั้งหลายประการ วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้คือประเมินผลและศึกษาปัญหาของระบบใหม่ เพื่อนำไปสู่การเสนอแก้ไขปรับปรุงระบบเลือกตั้งและการบริหารจัดการเลือกตั้ง โดยในเรื่อง ระบบเลือกตั้ง นั้น แม้ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 จะยังคงมี ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ แต่ไม่มีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่ออีกต่อไป เหลือเพียงการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตโดยให้ใช้คะแนนแบบแบ่งเขตกำหนดจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ระบบที่ถูกเรียกว่า “ระบบบัตรใบเดียว” นี้ก่อให้เกิดปัญหามากมายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความซับซ้อนในการคำนวณ และการมีวิธีคำนวณได้มากกว่าหนึ่งวิธีที่นำมาซึ่งความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล ที่สำคัญยังทำให้จำนวนผู้สมัครแบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้น 4.5 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน จึงทำให้เกิดปัญหาความผิดพลาดมากขึ้นในการบริหารจัดการเลือกตั้ง</p> <p>ผู้เขียนได้เสนอให้ประเทศไทยกลับไปใช้ “ระบบบัตรสองใบ” โดยมีสองทางเลือกคือ (1) ระบบคู่ขนาน (Parallel System) คือประชาชนมีสองคะแนนตามที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 (2) ระบบสัดส่วนผสม (Proportional Representation) ซึ่งจะใช้คะแนนที่เลือกบัญชีรายชื่อกำหนดจำนวน ส.ส. ทั้งสภาของแต่ละพรรค จากนั้นนำจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตมาของแต่ละพรรคมาหักออก ผลคือจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค อย่างไรก็ตามในปี 2564 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรนูญ และได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้ง ส.ส. กลับไปหาระบบบัตรสองใบแบบระบบคู่ขนานอีกครั้งแล้ว โดยได้ใช้ในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ซึ่งจะได้ศึกษาและวิเคราะห์ต่อไป</p> <p>ในเรื่อง การบริหารจัดการเลือกตั้ง ได้มีการยกเลิกคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และให้มี “ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด” ขึ้นมาแทน แต่จากการศึกษาพบว่า ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เลย ปัญหาสำคัญยิ่งกว่าคือ บัตรเลือกตั้ง ที่มีแต่หมายเลขผู้สมัคร ไม่มีชื่อผู้สมัครและไม่มีชื่อพรรคที่สังกัด และหมายเลขของผู้สมัครในพรรคเดียวกันในแต่ละเขตก็ยังกำหนดให้แตกต่างกัน ทำให้ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมีความสับสนในการใช้สิทธิ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้ง แม้ว่าจะได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากพรรคการเมืองและผู้เกี่ยวข้อง แต่ กกต.จะลงมติเลือกอย่างไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความเห็นที่ไปรับฟังมา นอกจากนี้แล้ว การจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ได้ใช้วิธีการที่ยุ่งยาก สิ้นเปลืองงบประมาณ และกำลังคน ทั้งยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้มาก ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ควรจะได้การเก็บข้อมูลจากการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 เพื่อนำเสนอแนวทางแก้ไขต่อไป</p> ปริญญา เทวานฤมิตรกุล Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/265650 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 การเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ของผู้ป่วยในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/268540 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัยในโครงการ “การใช้กัญชาทางการแพทย์ตามนโยบาย กฎหมายต่างประเทศ และข้อเสนอแนะทางกฎหมาย” รายงานการวิจัยฉบับดังกล่าวเขียนขึ้นในช่วงที่กัญชายังคงเป็นยาเสพติดตามกฎหมายไทย และกฎหมายยาเสพติดถูกแก้ไขเพื่อให้กัญชาสามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์ที่ถูกแก้ไขยังขาดความชัดเจนและก่อให้เกิดข้อจำกัดในการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์บางประการ การวิจัยดังกล่าวจึงทำขึ้นเพื่อศึกษานโยบาย กฎหมาย และกลไกที่ควบคุมการดำเนินการกับกัญชาสำหรับการแพทย์ในต่างประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลทางวิชาการที่สามารถสนับสนุนการพัฒนากฎหมายไทยในเรื่องนี้ บทความฉบับนี้เขียนขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลบางส่วนของงานวิจัยดังกล่าว โดยกล่าวถึงเฉพาะมาตรการที่ควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ของผู้ป่วยเท่านั้น เพราะมาตรการดังกล่าวของประเทศไทยยังไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายกัญชาเสรีที่กำหนดให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติดและทำให้การเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ไม่ตกอยู่ภายใต้กลไกการควบคุมที่เหมาะสม การนำเสนอข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกฎเกณฑ์และกลไกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ในประเทศไทย</p> <p>บทความนี้แบ่งออกเป็นสี่ส่วน ส่วนแรกกล่าวถึงความจำเป็นของการมีมาตรการที่ควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ที่เหมาะสมในประเทศไทย ส่วนที่สองอธิบายกฎเกณฑ์และกลไกที่ควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ในสองประเทศ โดยกล่าวถึงกฎเกณฑ์และกลไกของมลรัฐแคลิฟอร์เนียและโคโลราโดในสหรัฐอเมริกาและมลรัฐควีนส์แลนด์และแคพิทอลเทร์ริทอรีในประเทศออสเตรเลีย ส่วนที่สามนำกฎเกณฑ์และกลไกที่ได้อธิบายในส่วนที่สองมาเปรียบเทียบเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างกัน และส่วนสุดท้ายสรุปสาระสำคัญของบทความ พร้อมเสนอแนะว่าประเทศไทยควรนำมาตรการที่ควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ของประเทศใดมาปรับใช้ เพื่อจำกัดการเข้าถึงกัญชาให้ทำได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์</p> <p>บทความนี้แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างในแนวคิดพื้นฐานของการควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ส่งผลให้ประเทศทั้งสองมีกฎเกณฑ์และกลไกที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของลักษณะของการควบคุม ลักษณะของกฎเกณฑ์ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ของผู้ป่วย สิ่งที่เหมือนกัน คือ กฎเกณฑ์ของทั้งสองประเทศต่างกำหนดให้กัญชายังคงเป็นยาเสพติดและอยู่ภายใต้การควบคุมเพื่อมิให้กัญชาถูกนำไปใช้นอกเหนือจากเพื่อการรักษา แต่ก็พยายามช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ได้โดยสะดวกด้วยเช่นกัน บทความนี้เสนอแนะในตอนท้ายว่าหากประเทศไทยต้องการจำกัดการเข้าถึงกัญชาให้ทำได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ประเทศไทยควรกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 และมีกฎเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อควบคุมการเข้าถึงกัญชาสำหรับการแพทย์ให้อยู่ภายในขอบเขตที่เหมาะสม พร้อมนำแนวทางการควบคุมในเรื่องนี้ของประเทศออสเตรเลียมาปรับใช้ และไม่อนุญาตให้ผู้ป่วยปลูกกัญชาด้วยตนเอง</p> ตามพงศ์ ชอบอิสระ Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/268540 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 ปัญหาในทางทฤษฎีเกี่ยวกับการสำคัญผิดในกฎหมายอาญาไทย : กรณีการสำคัญผิดในเหตุที่บุคคลมีอำนาจกระทำ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/269269 <p>คำอธิบายเกี่ยวกับการสำคัญผิดในกฎหมายอาญาไทยนั้นยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในทางทฤษฎีอยู่หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องความสับสนในความเหมือนและความแตกต่างของ “ความไม่รู้กฎหมาย” และ “การสำคัญผิดในข้อกฎหมาย” สะท้อนผ่านคำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 ที่ขาดความสมบูรณ์ในทางวิชาการจนนำไปสู่ความบกพร่องในทางนิติบัญญัติและการปรับใช้กฎหมายที่คลาดเคลื่อนของฝ่ายตุลาการ ซึ่งส่งผลให้เกิดช่องว่างของกฎหมายขนาดใหญ่ที่ผู้กระทำไม่อาจได้รับการพิจารณายกเว้นโทษในกรณีของการสำคัญผิดในข้อกฎหมายที่บุคคลมีอำนาจกระทำ ทั้ง ๆ ที่ผู้กระทำไม่ได้มีความสามารถและโอกาสอย่างเต็มที่ในการกำหนดเจตจำนงเสรีของตนเองในการเลือกที่จะกระทำความผิด ซึ่งกรณีปัญหาดังกล่าวนั้น แม้แต่บทบัญญัติการสำคัญผิดในข้อเท็จจริงที่บุคคลมีอำนาจกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันก็ไม่อาจนำมาปรับใช้เพื่อคลี่คลายปัญหาเช่นว่านี้ได้ และนอกจากนี้บทบัญญัติดังกล่าว ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ในตัวเองโดยเฉพาะเรื่องของสถานะความชอบด้วยกฎหมายอันเกิดจากการกระทำโดยสำคัญผิด และความไม่สมเหตุสมผลในการกำหนดให้มีผู้กระทำต้องรับผิดอาญาฐานประมาทสำหรับความสำคัญผิดที่เกิดขึ้นด้วยความประมาท ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงจะได้อธิบายความเข้าใจทางทฤษฎีเกี่ยวกับการสำคัญผิดในกฎหมายอาญาไทยที่ถูกต้อง จนนำไปสู่ข้อเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 พร้อมกับยกเลิก มาตรา 62 และ 69 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้น</p> ดิศรณ์ ลิขิตวิทยาวุฒิ Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/269269 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 มาตรการกำกับดูแลการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/266729 <p>ประเด็นข้อกังวลการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่ประเด็นทางเทคนิคที่เข้าใจยากหรือเป็นประเด็นที่ขัดขวางการพัฒนา แต่เป็นเรื่องการประเมินและติดตามและผลกระทบเป็นสำคัญ กล่าวคือ มาตรการประเมินและติดตามอย่างไรที่เหมาะสม และเมื่อไหร่ที่ควรจะประเมินและติดตาม เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ด้านการพัฒนาที่พึงปรารถนา โดยเฉพาะประเด็นอคตินั้นย่อมไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่หากไม่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีพอ ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่กล่าวได้ว่าทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญและเริ่มออกแนวทางการกำกับดูแลการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ โดยจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ การกำกับดูแลแบบทั่วไป (general regulation) และการกำกับดูแลเฉพาะเรื่อง (sector-specific regulation)</p> พัฒนาพร โกวพัฒนกิจ, ปิยะบุตร บุญอร่ามเรือง Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/266729 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 การปรับปรุงกฎหมายประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับของประเทศไทย : ศึกษากรณีปัญหาการเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267105 <p>ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสถิติอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นเป็นหนึ่งในปัญหาสังคมที่นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในจำนวนที่สูงขึ้นทุกวัน แม้จะมีการตราพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ขึ้นเพื่อเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับเพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนเช่นเดียวกับนานาอารยประเทศ แต่ผลจากการศึกษาพบว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ยังคงมีปัญหาอยู่หลายประการไม่ว่าจะเป็น ปัญหาด้านจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่แท้จริง,ปัญหาด้านความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่ไม่ครอบคลุมถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอกและปัญหาด้านการหลบเลี่ยงไม่ทำประกันภัยภาคบังคับ นอกเหนือจากปัญหาดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีปัญหาทางด้านการเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญาด้วย เพราะในทางปฏิบัติในการที่ศาลจะกำหนดโทษที่จะลงกับผู้กระทำผิดในกรณีอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ศาลจะนำการเยียวยาความเสียหายทางแพ่งที่ผู้ก่อเหตุชดเชยให้กับฝ่ายผู้เสียหายมาประกอบการพิจารณาเป็นสำคัญด้วย โดยหากฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่เยียวยาผู้เสียหายให้เหมาะสม ศาลมักจะใช้ดุลยพินิจในเลือกการลงโทษที่รุนแรง เช่น การจำคุก เพื่อเป็นการชดเชยให้แก่ฝ่ายผู้เสียหาย ซึ่งแม้จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน แต่การลงโทษดังกล่าวอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมอื่นและขัดต่อวัตถุประสงค์ของการลงโทษสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการลงโทษการกระทำความผิดโดยเจตนา ที่มีผลร้ายแรงและกระทบต่อสังคมมากกว่า</p> <p>การศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับในต่างประเทศเปรียบเทียบกับของประเทศไทยพบว่า กฎหมายของต่างประเทศมีความคุ้มครองในระดับที่สูงกว่าของประเทศไทย บทความนี้จึงขอเสนอแนะให้มีการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับในประเทศไทยโดยให้เพิ่มเติมวงเงินให้เพียงพอต่อความเสียหายที่แท้จริงและเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอกรวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดเพื่อเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงไม่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับอีกด้วย</p> ธนัทเทพ เธียรประสิทธิ์ Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267105 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 ประเด็นกฎหมายในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและกรณีศึกษาต่างประเทศ https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267348 <p>การควบคุมหรือการจัดการปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาต่าง ๆ ในหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาการใช้และการตีความกฎหมาย ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชน และการขายหรือโฆษณาทางสื่อออนไลน์ กฎหมายหรือประกาศหลายฉบับที่ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามให้บริการ&nbsp; แต่ยังพบการขาย การทำตลาดบุหรี่ไฟฟ้าตามแหล่งชุมชนและสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลาย &nbsp;ปัญหาสำคัญคือการตีความพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ที่ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทำให้มีการดำเนินคดีแก่ผู้สูบหรือผู้ครอบครองเพื่อใช้งาน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการใช้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และเป็นช่องทางแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางราย&nbsp; จึงควรมีการทบทวนการตีความกฎหมายศุลกากร &nbsp;รัฐบาลควรคงนโยบายนห้ามนำเข้า ห้ามขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากยังเป็นสินค้าที่ไม่ปลอดภัย และเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้และผู้อื่นหลายประการ นอกจากนี้ ควรมีการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 โดยใช้กรณีศึกษาการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย และสิงคโปร์เป็นแนวทางในการปรับปรุงกฎหมาย &nbsp;</p> ไพศาล ลิ้มสถิตย์, จุมพล แดงสกุล Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267348 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 มาตรการและแนวทางการจัดเก็บภาษีจากกิจการโอทีทีในประเทศไทย https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267585 <p>บทความนี้มุ่งศึกษาความหมาย ขอบเขต และรูปแบบของกิจการโอทีที (Over-The-Top) ซึ่งเป็นบริการรูปแบบใหม่ในลักษณะเป็นการหลอมรวมกันของเทคโนโลยี (convergence technology) ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางด้านการสื่อสารขึ้นโดยมีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเทคโนโลยีอื่นใดที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนที่สำคัญ และจากการสื่อสารนี้ก่อให้เกิดรายได้และการซื้อขายสินค้าและบริการต่าง ๆ โดยที่รัฐไม่สามารถเก็บภาษีจากผู้ประกอบกิจการโอทีทีได้ ดังนั้น รัฐจำเป็นต้องหาแนวทางในการกำหนดฐานการจัดเก็บภาษีจากกิจการโอทีทีของประเทศไทยในอนาคต และหามาตรการในการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ไม่คำนึงถึงตัวตนหรือสถานประกอบการถาวรของกิจการโอทีที โดยศึกษามาตรการทางกฎหมายภาษีของประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศฝรั่งเศสที่ริเริ่มการเก็บภาษีเงินได้จากธุรกิจบริการดิจิทัลข้ามชาติ เพื่อความเท่าเทียมกันระหว่างธุรกิจบริการดิจิทัลภายในประเทศกับต่างประเทศ</p> กิตติยา พรหมจันทร์ , อรัชมน พิเชฐวรกุล Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267585 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 หลักกฎหมายและจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยในสถานชีวาภิบาล https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/268848 <p>สถานชีวาภิบาลเป็นนโยบายด้านสุขภาพที่สำคัญของรัฐบาล โดยสถานชีวาภิบาลจะให้การดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ป่วยระยะท้ายทุกกลุ่มวัย โดยการดูแลในสถานชีวาภิบาลนี้จะผนวกเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ การดูแลระยะยาว และการดูแลแบบประคับประคอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้กำลังทวีความสำคัญมากขึ้นในสังคมไทยเนื่องมาจากสังคมไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รุนแรงและรักษาไม่หายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เกินจำเป็นเพื่อยื้อชีวิตผู้ป่วย ประกอบกับประชาชนตื่นตัวสิทธิในชีวิตร่างกายและต้องการที่จะตัดสินใจในการดูแล ออกแบบชีวิตตนเองจนกระทั่งเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิต ทำให้กระบวนทัศน์ในการดูแลสุขภาพของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ระดับบุคคล จนถึงกฎหมายและนโยบายของรัฐ เรื่องการดูแลแบบชีวาภิบาลจะมีทั้งประเด็นทางจริยธรรม กฎหมายและนโยบายของรัฐ ซึ่งนักกฎหมาย บุคลากรด้านสุขภาพและประชาชนทั่วไปควรทำความเข้าใจ</p> <p>บทความนี้มุ่งนำเสนอประเด็นข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายและจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับสถานชีวาภิบาลหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับสถานชีวาภิบาล อาทิ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดูแลแบบชีวาภิบาล ประเด็นทางกฎหมายและจริยธรรมทางการแพทย์ รวมทั้งแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหลักความยินยอมในการรักษาพยาบาล ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับญาติในเวชปฏิบัติ การตัดสินใจในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยที่ไม่มีญาติและผู้ป่วยกลุ่ม LGBTQ การแจ้งผลการวินิจฉัยโรคและการพยากรณ์โรคตามความเป็นจริงและการแจ้งข่าวร้าย ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในทางนิตินโยบายของรัฐไทยในเรื่องการดูแลแบบชีวาภิบาลต่อไป</p> พิสิษฐ์ ศรีอัคคโภคิน Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/268848 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 วิกฤติแห่งกลไกยุติข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก : เมื่ออำนาจของสหรัฐฯ มีอิทธิพลเหนือหลักนิติธรรมแห่งระบบการค้าพหุภาคี https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/269251 <p>องค์คณะอุทธรณ์แห่งองค์การการค้าโลกกำลังประสบภาวะวิกฤติอันเป็นผลเนื่องมาจากการที่ไม่มีองค์คณะอุทธรณ์เหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่เลยตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 เป็นต้นมา จากเดิมที่ควรมีสมาชิก ๗ คน ทำให้กลไกยุติข้อพิพาทขององค์การการค้าโลกไม่สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ แม้จุดเริ่มต้นของปัญหาดังกล่าวเป็นผลจากการที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิคัดค้านการแต่งตั้งองค์คณะอุทธรณ์เพื่อทำหน้าที่แทนองค์คณะอุทธรณ์ที่สิ้นสุดวาระ แต่ผู้เขียนเห็นว่ารากของปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลสะสมมาจากการที่สมาชิกขององค์การการค้าโลกขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกันและขาดศรัทธาในกลไกยุติข้อพิพาทแบบพหุภาคี แม้จะมีการจัดตั้งกระบวนการอนุญาโตตุลาการชั่วคราว (MPIA) เพื่อทำหน้าที่ของอนุญาโตตุลาการชั่วคราวแทน แต่ก็เป็นเพียงการปกปิดความขัดแย้งโดยไม่สนใจที่จะร่วมกันหาแก้ที่พื้นฐานของปัญหา ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์การการค้าโลก จึงไม่สนใจที่จะแก้ไขต้นตอที่แท้จริงของปัญหาได้อย่างยั่งยืน</p> บัณฑิต หลิมสกุล Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/269251 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 ส่วนหน้า https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/272031 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/272031 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700 อดัม สมิท VS ชาร์ลส์ ดาร์วิน ใครกันแน่ที่เป็นของจริง https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267890 สุเมธ ศิริคุณโชติ Copyright (c) 2024 วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tulawjournal/article/view/267890 Sun, 31 Mar 2024 00:00:00 +0700