การวิเคราะห์ปัจจัยการจัดการพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการรับรู้ประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว
คำสำคัญ:
พิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม, การรับรู้, ประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยการจัดการพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการรับรู้ประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมบริเวณเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน และใช้การวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงเส้นพหุคูณในการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าด้านเจ้าหน้าที่/บุคลากร เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อการรับรู้ประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รองลงมาคือ ด้านการเรียนรู้ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และด้านการจัดการแสดง/นิทรรศการ
เอกสารอ้างอิง
จาระไน ไชยโยธา และเกรียงไกร วัฒนาสวัสดิ์. (2557). การจัดการพิพิธภัณฑ์เฉพาะทาง: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์. Institute of Culture and Arts
Journal, 16(1), หน้า 16-30.
จิรา จงกล. (2532). พิพิธภัณฑสถานวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊ป.
มนัญญา นวลศรี. (2552). แนวทางในการจัดการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา
นอกระบบโรงเรียน, คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมภพ ศรานุรักษ์. (2559). แนวทางการจัดการพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ
อุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). การสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
อุทัยวรรณ จตุพร และกิ่งกาญจน์ สุขคณาภิบาล. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วยโปรแกรมประยุกต์บนสื่อสังคมออนไลน์.
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 23(2), หน้า 333-348.
Allan, Douglas A. (1967). The museum and its functions. In The organization of museums: Practical advice (2nd ed.) (pp. 13-27). Paris, France:
UNESCO.
Centre for the Future of Museums. (2012). Trends watch 2012 museums and the pulse of the future. Washington, DC: American Association
of Museums.
Krejcie, Robert V., & Morgan, Daryle W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3),
pp. 607-610.
Wurzburger, Rebecca, et al. (Eds.). (2009). Creative tourism, a global conversation. Santa fe, NM: Sunstone.
Journal, 16(1), หน้า 16-30.
จิรา จงกล. (2532). พิพิธภัณฑสถานวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งกรุ๊ป.
มนัญญา นวลศรี. (2552). แนวทางในการจัดการพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา
นอกระบบโรงเรียน, คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมภพ ศรานุรักษ์. (2559). แนวทางการจัดการพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ
อุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). การสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของชาวไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
อุทัยวรรณ จตุพร และกิ่งกาญจน์ สุขคณาภิบาล. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มประสบการณ์ของผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วยโปรแกรมประยุกต์บนสื่อสังคมออนไลน์.
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 23(2), หน้า 333-348.
Allan, Douglas A. (1967). The museum and its functions. In The organization of museums: Practical advice (2nd ed.) (pp. 13-27). Paris, France:
UNESCO.
Centre for the Future of Museums. (2012). Trends watch 2012 museums and the pulse of the future. Washington, DC: American Association
of Museums.
Krejcie, Robert V., & Morgan, Daryle W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3),
pp. 607-610.
Wurzburger, Rebecca, et al. (Eds.). (2009). Creative tourism, a global conversation. Santa fe, NM: Sunstone.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
2020-09-26
ฉบับ
ประเภทบทความ
บทความวิจัย
สัญญาอนุญาต
บทความทุกบทความเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการศรีปทุม ชลบุรี