ปัจจัยที่มีผลต่อวิสาหกิจอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย

Main Article Content

สันฑ์กิจ พุทธรัก

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อวิสาหกิจอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย ผลการศึกษา พบว่า ราคาเหล็กในประเทศ คาดว่าราคาเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ต่อตัน โดยในปี 2562-2564 ราคา เหล็กเส้นได้หดตัวเนื่องจากคาดว่าจะมีอุปทานส่วนเกินจากจีนจำนวนมาก ผลจาก 1) สงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน ทำให้มีการเร่งระบายสินค้าสู่ประเทศที่สามเช่นไทย และ 2) การใช้เหล็กเส้นในจีนเริ่มลดลงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา อย่างไรก็ตามในปี 2565 ราคาเหล็กเส้นมีโอกาสขยายตัวตามความต้องการใช้ในประเทศที่เร่งขึ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนได้หดตัวติดต่อกันในช่วงปี 2563-2564 ตามราคาในตลาดโลกจากภาวะอุปทานส่วนเกินสูง 


พบว่า ด้านการผลิตเหล็ก ของโลกปี 2564 ขยายตัวตามเล็กน้อยทิศทางอุปสงค์เหล็กทั่วโลกโดยประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ ได้แก่ จีน ยังขยายกำลังการผลิต โดยมีแนวโน้มลงทุนตั้งโรงงานผลิตเหล็กทั้งในประเทศและ ประเทศอินเดีย และ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีแผนจะผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นเพื่อป้อนให้กับภาคก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศตน ด้านความต้องการใช้เหล็ก ในประเทศคาดว่ากระเตื้องขึ้น ปี 2565 เล็กน้อย ผลจาก 1) ภาคก่อสร้างที่คาดว่าจะขยายตัวสูงจากทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ศักยภาพ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก และตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และ 2) ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มขยายตัว จากความต้องการของตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ราคาเหล็กเส้น และเหล็กรูปพรรณ ในประเทศราคาเหล็กหดตัวในช่วงปี 2563-2564 ตามราคาเหล็กโลกที่จะปรับลดลงจากอุปทานส่วนเกินที่ยังเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าราคาจะกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยใน ไตรมาสที่ 4/2565 เนื่องจากความต้องการใช้ที่จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของภาคก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีโครงการก่อสร้างจำนวนมาก


 

Article Details

บท
บทความวิจัย