พระพุทธศาสนาและพลังงานไบโอพลาสม่า

Main Article Content

ดร.ศรีสุคนธ์ ศักดิ์กำจร
พระธรรมบาล ธัมปาโล,ดร.

บทคัดย่อ

พระพุทธศาสนาสอนเรื่องอนัตตาในจิต และสสารมากว่าสองพันปี พระพุทธศาสนาถือว่าไม่มี อัตตาหรืออะตอมสสาร ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีแก่นแท้ถาวรที่ตั้งอยู่ได้ในตัวของมันเอง สรรพสิ่งอาศัยกัน และกันเกิดขึ้นตลอดเวลาตามหลักปฏิจจสมุปบาท ดังที่ควอนตัมฟิสิกส์ระบุว่าไม่มีอะตอมที่อยู่ได้ตาม ลำพังตัวเอง โครงสร้างอะตอมประกอบด้วยอีเล็คตรอน โปรตอน และนิวตรอน อนุภาคของอะตอมที่ เป็นประจุไฟฟ้าบวก (โปรตอน) และประจุไฟฟ้าลบ (อีเล็คตรอน) ต่างมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน อีเล็คตรอนวิ่ง โคจรรอบนิวเคลียสด้วยความเร็วที่สูงมาก การเกาะกลุ่มของประจุไฟฟ้าเหล่านั้นกลายเป็นอะตอม และประจุไฟฟ้าเหล่านั้นก็ไม่อาจอยู่ได้ตามลำพัง ทั้งหมดต่างอาศัยกัน และกันเกิดขึ้นตามหลักปฏิจจสมุปบาท ในพระพุทธศาสนาจักรวาลในทฤษฎีควอนตัมต่างจากฟิสิกส์ดั้งเดิมของนิวตันก็คือ อะตอมถูกแบ่งย่อยออกไปเป็นองค์ประกอบที่เล็กกว่าซึ่งเป็นประจุไฟฟ้าที่วิ่ง วนกันเองคืออีเล็คตรอน โปรตอน และนิวตรอน อะตอมจึงเป็นสนามพลังงานขนาดจิ๋ว องค์ประกอบย่อยของอะตอมนั้นบางครั้งก็เป็นอนุภาค (Particle) บางครั้งก็เป็นคลื่น (Wave)
พฤติกรรมขององค์ประกอบย่อยภายในโครงสร้างของอะตอมจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะมันมีคุณสมบัติที่เรากำหนดไม่ได้ และมีวงโคจรที่ไม่แน่นอน นี่คือหลักการแห่งความไม่แน่นอน (Uncertainty Principle) หลักการแห่งความไม่แน่นอน (Uncertainty Principle) ของฟิสิกส์ควอนตัม ช่วยทำให้เราสามารถสร้างอนาคตของเราได้ใหม่ ชีวิตของเราไม่ได้ถูกลิขิตตายตัวจากอดีต ชีวิตของเรามีความไม่แน่นอนรออยู่ข้างหน้า ถ้าเราหมั่นทำดี เราก็จะเจริญก้าวหน้า ภูมิคุ้มกันนั้นเกิดขึ้นจากพลาสม่าแปรอะตอมทั้ง 5 ของออกซิเจนที่ได้รับจากทวารทั้ง 5 ตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย ให้เป็นเม็ดเลือดขาวด้วยปฏิกิริยา bio-plasma atomic fusion ที่ระเบิดขึ้น เปลี่ยนปาฏิสสารให้กลายเป็น ชีวสารโดยธรรมชาติ เหมือนกับที่เราไฟฟ้าจิ้มในน้ำแล้วเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันร่างกายของเรา โดยจำนวนมากหรือน้อย ก็ขึ้นกับความบริสุทธิ์ของออกซิเจน สิ่งที่เรารับเข้าไปนั้นมันเป็นลักษณะคลื่นที่มีรหัสอยู่ คลื่นที่ว่าก็อย่างเช่น การแปล pigment ให้เป็นภาพ หรือแปลความถี่ให้เป็นเสียง แปลความถี่จากลิ้นให้เป็นรส

Article Details

บท
บทความวิชาการ