การจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาอิสระเรื่อง การจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศไทย และ 2. ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความแตกต่างมีผลต่อความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศไทย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ คนกลางประกันภัยในประเทศไทยและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ จำนวนทั้งสิ้น 400 คน โดยคำนวณจากสูตร ทาโร ยามาเน่ ที่ระดับความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 ยอมรับค่าความคลาดเคลื่อนที่ 0.05 การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าการแจกแจงแบบที และการวิเคราะห์ความแปรปรวน ผลการศึกษา พบว่า 1.ตัวกลางประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 50.70 การศึกษาระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 59.50 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน คือ15,001-30,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 41.00 และถือใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัยประเภทขอรับครั้งแรก/ขาดต่อ คิดเป็นร้อยละ 26.25 และ มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศไทยในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.30) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บความรู้อยู่ในระดับปานกลาง (
= 3.45) รองลงมา คือ การแสวงหาความรู้ (
= 3.36) การสร้างความรู้ (
= 3.31) และการถ่ายโอนและใช้ความรู้ (
= 3.11) ตามลำดับ และ2. ปัจจัยส่วนบุคคลในด้านการศึกษาที่มีความต่างกัน มีผลต่อความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ของคนกลางประกันภัยในประเทศ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
Article Details
ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
มหาวิทยาลัยฯ อนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อได้ โดยต้องแสดงที่มาจากวารสารและไม่ใช้เพื่อการค้า
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และบุคลากร คณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯแต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ปิยะนนท์ พรึ่งน้อย. 2556. การพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้ของเทศบาลในเขตปริมณฑล. ดุษฎีนิพนธ์
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
พณณกร แก้วดก. 2556. กระบวนการจัดการความรู้ที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพในการมหาวิทยาลัยราช
ภัฏอุดรธานี. 2553. Knowledge Management-KM. www.udru.ac.th/kmudru/index3.html (15 พฤษภาคม
2561)
รสรินทร์ ยางงาม. 2556. การพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้ระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัยศิลปกร. ดุษฎี
นิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
เรณุมาศ กุละศิริมา และคณะ. 2559. การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอาหาร/ภัตตาคารในเมืองพัทยา.
งานวิจัย, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต.
วิราภรณ์ บุญเพ็ชร์. 2557. รูปแบบการจัดการความรู้ธุรกิจชุมชนในกรุงเทพมหานคร ผลการศึกษาเกี่ยวกับ
สภาพและปัญหาการจัดการความรู้ธุรกิจชุมชนในกรุงเทพมหานคร. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต,
มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.). 2561. ข้อมูลสถิติประกันภัย.
www.oic.or.th/th/industry/statistic (13 พฤษภาคม 2561)
สิตานัน สมบูรณ์ทรัพย์. 2556. การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ กรณีศึกษา: พนักงานขายหน่วยงานฝ่าย
บริหารช่องทางการกระจายสินค้าหลัก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน). วิทยา
นิพนธ์ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร.
อุรารัตน์ ทองสัมฤทธิ์ และคณะ. 2556. การรับรู้แนวความคิดการจัดการความรู้ของบุคลากรสังกัดเทศบาล
ตำบล ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี. WMS Journal of Management. ปีที่ 2 (ฉบับที่ 2). 71-84.
บรรณานุกรม (ภาษาอังกฤษ)
Marquardt, M.J. 2002. Building the learning organization: Mastering the 5 elements for corporate learning.
Palo Alto, CA: Davies-Black.