ความสัมพันธ์ระหว่างความเต็มใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับ ความพึงพอใจในการใช้บริการของศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างความเต็มใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับความพึงพอใจในการใช้บริการของศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปริมาณ สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ผู้ใช้บริการศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 391 คน เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามออนไลน์ วิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ลำดับที่ของสเปียร์แมน (Spearman rank correlation coefficient) พบว่า ด้านความเต็มใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริการ โดยรวมมีระดับความคิดเห็นเฉลี่ย () เท่ากับ 3.29 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 1.19 ด้านปัจจัยความพึงพอใจในการใช้บริการ Call Center โดยรวมมีระดับความคิดเห็นเฉลี่ย (
) เท่ากับ 4.00 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) เท่ากับ 1.49 และความเต็มใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความพึงพอใจในการใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 โดยมีระดับความสัมพันธ์ปานกลาง ที่ค่าสหสัมพันธ์ 0.419 และนำผลการศึกษาใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐหรือในลักษณะงานที่ใกล้เคียงกันต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
มหาวิทยาลัยฯ อนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อได้ โดยต้องแสดงที่มาจากวารสารและไม่ใช้เพื่อการค้า
ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และบุคลากร คณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯแต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562. (25 พฤษภาคม 2562). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136 ตอนที่ 69 ก. หน้า 52-95.
Cochran, W. G. (1977). Sampling Techniques (3rd ed.). John Wiley and Sons.
Dinev, T., & Hart, P. (2006). An extended privacy calculus model for e-commerce transactions. Information Systems Research, 17(1), 61-80.
Sharma, S., & Crossler, R. E. (2014). Disclosing too much? situational factors affecting information disclosure in s-commerce environment. Electronic Commerce Research and Applications, 13(5), 305–319.
Uilenberg, A. (2015). Willingness to disclose personal information when shopping online: A comparison between consumers from the Netherlands, Germany, and Indonesia (Master's thesis). University of Twente.
Wakefield, R. (2013). The influence of user affect in online information disclosure. The Journal of Strategic Information Systems, 22(2), 157-174.
Zeithaml, V. A., Berry, L. L., & Parasuraman, A. (1988). Communication and Control Processes in the Delivery of Service Quality. Journal of Marketing, 52(2), 35–48.
Zeithaml, V. A., Parasuraman, A. & Berry, L. L. (1990). Delivering quality service: balancing customer perceptions and expectations. Simon and Schuster.