ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุในประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัฐชาติ ทัศนัย มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์

คำสำคัญ:

การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน,, สวัสดิการ,, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในประเทศไทย  ใช้การวิจัยแบบผสมผสานเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 17 คน และการสนทนากลุ่มจากผู้สูงอายุจังหวัดละ 15 คน ขณะที่การศึกษาเชิงปริมาณเก็บข้อมูลจากผู้สูงอายุจากจังหวัดที่เป็นตัวอย่าง จำนวน 1,991 คน พบว่าสวัสดิการที่ผู้สูงอายุต้องการจากการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสวัสดิการทั่วไป แต่ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับสวัสดิการการจ้างงาน การรักษาพยาบาล และที่อยู่อาศัย ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุ พบว่าตัวแปรทั้งหมดที่นำมาศึกษานั้น สามารถอธิบายความสำเร็จในภาพรวมได้ร้อยละ 37.10 (R2 = 0.371) จากการวิจัยพบว่ามีเพียง 4 ปัจจัยเท่านั้นที่ส่งผลต่อความสำเร็จในภาพรวม ได้แก่ การดำเนินการของภาคเอกชน การดำเนินการของภาคประชาชน การบริหารจัดการ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .001 นอกจากนี้การวิจัยเชิงคุณภาพได้ชี้ให้เห็นว่าการดำเนินการภาครัฐเป็นอีกปัจจัยที่มีส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน แนวทางในการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุประกอบด้วย 5 ปัจจัยดังกล่าว ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก และมีองค์ประกอบเสริมคือ มาตรการการจูงใจทางภาษี และการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อนำมาเชื่อมโยงให้มีความสอดคล้องกันจะเป็นแนวทางในการสร้างการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในประเทศไทย

เอกสารอ้างอิง

กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2559). แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545-2564 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2552) (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: http://www.dop.go.th/download/laws/ law_th_ 20152309144546_1.pdf [2559, 7 ธันวาคม].
ชัชชษา บุญเนียมแตง และจิดาภา ถิรศิริกุล. (2560). การจัดสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุในสาธารณรัฐเกาหลี: กรณีศูนย์ผู้สูงอายุในเขตมหานครโซล. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 23(1), หน้า 34-42.
พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (ออนไลน์). (2556). เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/A/031/1.PDF [2562, 5 มกราคม].
พลภัทร บุราคม. (2558). เอกสารประกอบการบรรยายวิชาการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน. กรุงเทพฯ: คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วรพล โสคติยานุรักษ์. (2559). เอกสารประกอบการบรรยายรายวิชาตลาด การเงิน และนโยบายการเงิน. กรุงเทพฯ: คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
วิพรรณ ประจวบเหมาะ. (2553). สู่ศตวรรษประชากรสูงวัย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
อลงกต สารกาล และศักดิ์ศิทธิ์ ฆารเลิศ. (2561). แนวทางการสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเลิศด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม: กรณีศึกษา เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 9(1) หน้า 29-58.
Delmon, Jeffrey. (2009). Private sector investment in infrastructure: Project finance PPP project and risk. Alphen aan den Rijn, Netherlands: A co-publication of The World Bank and Kluwer Law International.
Pattberg, Philipp, et al. (2012). Public-private partnerships for sustainable development: Emergence, influence and legitimacy. Cheltenham, UK: Edward Elgar.
Ramakrishnan, Ramachandran. (2012). Public private partnership (PPP) in Indian Health Care (Online). Available: http://ssrn.com/abstract=2186897 [2016, December 2].
Yamane, Taro. (1973). Statistics: An introductory analysis (3rd ed.). New York, NY: Harper and Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-06-30

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย