ความพึงพอใจในการทำงาน ความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน และความตั้งใจในการลาออกจากงาน:กรณีศึกษาพนักงานที่ทำงานที่บ้านในจังหวัดนครปฐม

ผู้แต่ง

  • จุรีวรรณ จันพลา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • โสภณ สระทองมา ภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • พชร ใจอารีย์ ภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

คำสำคัญ:

ความพึงพอใจในการทำงาน, ความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน, ความตั้งใจในการลาออกจากงาน, การทำงานที่บ้าน

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงานที่บ้านของพนักงาน และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในการทำงาน ความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน และความตั้งใจในการลาออกจากงานของพนักงานที่ทำงานที่บ้านในจังหวัดนครปฐม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานในจังหวัดนครปฐม จำนวน 413 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบลำดับขั้น และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยลักษณะงานและปัจจัยความสามารถในการปรับตัวในการทำงานเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความความพึงพอใจในการทำงานที่บ้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยตัวแปรทั้ง 2 ตัวแปรสามารถร่วมกันพยากรณ์ความความพึงพอใจในการทำงานที่บ้านได้ร้อยละ 47.70 (R2 = 0.477) และ 2) ปัจจัยความพึงพอใจในการทำงานที่บ้านมีความสัมพันธ์ทางลบกับความเหนื่อยหน่ายในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r = -0.273) ปัจจัยความเหนื่อยหน่ายในการทำงานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจในการลาออกจากงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r = 0.860)

ประวัติผู้แต่ง

โสภณ สระทองมา, ภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

พชร ใจอารีย์, ภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เอกสารอ้างอิง

กรัณฑ์รัตน์ ประเสริฐธนากุล. (2564). การทำงานจากที่บ้าน: การทำงานวิถีใหม่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19. วารสารวิทยสารสนเทศ

และเทคโนโลยี, 2(2), หน้า 1-14.

จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย). (2564). “จ๊อบส์ ดีบี” เปิดผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและคนทำงาน ช่วงโควิด-19 พบคนทำงานกว่า 9% ถูกเลิกจ้าง

ดัชนีความสุขลดลงกว่าครึ่ง (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก: https://th.jobsdb.com/th- th/cms/employer/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8% B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94-19/ [2564, 10 พฤศจิกายน].

ชนกนันท์ โตชูวงศ์. (2562). การศึกษาการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทํางานที่บ้านของพนักงานบริษัทเอกชนในสภาวะวิกฤติ

การเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด–19 ในเขตกรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ, บัณฑิตวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยรามคําแหง.

ดวงพร บุญเม้ง. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และมีผลกระทบต่อการ Work from Home ของบุคลากรในภาครัฐ. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 9(3), หน้า 15-27.

บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ปิยพร ประสมทรัพย์, พิเชษฐ์ เชื้อมั่น และโชติ บดีรัฐ. (2564). Work From Home (WFH): ทำงานที่บ้านอย่างไรให้เวิร์คและมีความสุข. Journal of

Roi Kaensarn Academi, 6(10), หน้า 371-381.

พรรัตน์ แสดงหาญ. (2563). การปรับตัวในการทำงานที่บ้านของผู้ปฏิบัติงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในช่วงวิกฤตโควิด-19. วารสารการ

จัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา, 9(2), หน้า 14-33.

สำนักงานแรงงาน จังหวัดนครปฐม. (2565). สถิติแรงงานจังหวัดนครปฐม ไตรมาสที่ 4 พ.ศ.2564 (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก:

https://nakhonpathom.mol.go.th/wp- content/uploads/sites/40/2022/05/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0

%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA-

-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2564.pdf [2565, 20 มกราคม].

สุพิชญา วงศ์วาสนา. (2564). ปัจจัยผลกระทบทางลบจาก COVID-19 ส่งผลต่อความสุขในการทำงาน ของพนักงานฝ่ายการโดยสาร กรณีศึกษา บริษัท

บางกอกไฟลท์เซอร์วิสเซส จำกัด (BFS). วารสารรัชต์ภาคย์, 15(39), หน้า 15-30.

อภิชล ทองมั่ง กำเนิดว้ำ และสุรสิทธิ์ ระวังวงศ์. (2563). การทำงานที่บ้าน: แนวทางการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง. วารสาร

ครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 19(3), หน้า 119-130.

อรรถเดช อุณหเลขกะ. (2564). การออกแบบงานด้วยทฤษฎีคุณลักษณะของงานเพื่อเพิ่มความผูกพันต่องาน และผลการปฏิบัติงานของพนักงาน.

วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์, 16(1), หน้า 15-29.

Al-Badarneh, M., Shatnawi, H., Alananzeh, O., & Al-Makhadmeh, A. (2019). Job Performance Management: The Burnout

Inventory Model and Intention to Quit their Job Among Hospitality Employees. International Journal of Innovation, Creativity

and Change, 5(22), pp. 1355-1375.

Cronbach, L. J. (1970). Essentials of Psychological Testing (3rd ed.). New York, NY: Harper & Row.

Hinkle, D.E. (1998). Applied Statistics for the Behavior Sciences (4th ed.). New York, NY: Houghton Mifflin.

Marcoulides, K. M., & Raykov, T. (2019). Evaluation of Variance Inflation Factors in Regression Models Using Latent Variable

Modeling Methods. Educational and Psychological Measurement. 79(5), pp. 874-882.

Wang, H., Jin, Y., Wang, D., Zhao, S., Sang, X., & Yuan, B. (2020). Job Satisfaction, Burnout, and Turnover Intention Among

Primary Care Providers in Rural China: Results From Structural Equation Modeling. BMC Fam Pract, 21(12), pp. 1-10.

Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York, NY: Harper and Row.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-11-26

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย