ระบบนายหน้าค้าวัวควายข้ามแดน: การค้าแบบกึ่งทางการ ความเสี่ยง และอำนาจที่เหลื่อมล้ำ

Main Article Content

เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
พนา กันธา

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเครือข่ายและตัวแสดงของการค้าวัวควายข้ามแดนจากชายแดนแม่สอดสู่เชียงราย ซึ่งมีลักษณะเป็นการค้าแบบกึ่งทางการ แม้ว่าการค้าวัวควายข้ามแดนจะเฟื่องฟูมาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา แต่ความไม่แน่นอนของการค้ากึ่งทางการเหล่านี้เพิ่มอำนาจต่อรองให้นายหน้าในระบบนายหน้า ทว่ากลับผลักให้เกษตรกรกลายมาเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในบทความนี้จะมุ่งอธิบายลักษณะของเครือข่ายของการค้าวัวควายข้ามแดน โดยพิจารณาที่ตัวแสดงสำคัญคือ ระบบนายหน้าว่ามีบทบาทอย่างไร ข้อเสนอของบทความนี้ก็คือ ระบบนายหน้ามีความสำคัญต่อกระบวนการค้าวัวควายข้ามแดน โดยนายหน้าทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเครือข่ายและตัวแสดงต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ แม้ว่านายหน้าแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามห่วงโซ่ของการค้าและสร้างมูลค่าวัวควาย แต่นายหน้าที่มีอำนาจต่อรองและควบคุมสูงสุดต่อกระบวนการค้าวัวควายคือนายหน้าที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพ่อค้าชาวจีน นายหน้ากลุ่มนี้อาศัยการผูกขาดเส้นทางการส่งออก การติดต่อ และการกำหนดราคา รวมถึงนายหน้ากลุ่มนี้ยังมีประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนส่งผลให้พวกเขามีอำนาจเหนือตัวแสดงอื่นๆ ในกระบวนการสร้างมูลค่าวัวควายข้ามแดนในประเทศไทย และการที่อำนาจอยู่ในมือของนายหน้ามากเกินไปก็ทำให้เกษตรกรอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบและเป็นตัวแสดงที่แบกรับความเสี่ยงสูงสุดในกระบวนการค้าวัวควายข้ามแดน


 

Article Details

How to Cite
กิติเรียงลาภ เ., & กันธา พ. . (2020). ระบบนายหน้าค้าวัวควายข้ามแดน: การค้าแบบกึ่งทางการ ความเสี่ยง และอำนาจที่เหลื่อมล้ำ. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 11(2), 141–160. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polscicmujournal/article/view/242741
บท
บทความวิจัย

References

จามะรี เชียงทอง. (2556). ชนบทไทย: เกษตรกรระดับกลางและแรงงานไร้ที่ดิน. เชียงใหม่: ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

______. (2557). ชนบทไทย: จากอดีตสู่อนาคต. เชียงใหม่: สถาบันนโยบายสาธารณะ.

จิรวัฒน์ รักชาติ. (2556). จากเกษตรในไร่นาถึงไก่ไข่พันธสัญญา: การเติบโตของระบบอุตสาหกรรมอาหารเกษตร. ใน จามะรี เชียงทอง. ชนบทไทย: เกษตรกรระดับกลางและแรงงานไร้ที่ดิน (น. 247-296). เชียงใหม่: ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ประเทือง นรินทรางกูล ณ อยุธยา. (2537). การจัดการที่ดินภายใต้ระบบการเกษตรแบบมีพันธสัญญา: ศึกษากรณีเกษตรกรผู้ปลูกพืชพาณิชย์ในเขตกิ่งอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต), สาขาการพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุเทพ นิ่มสายม เริงชัย ตันสุชาติ, ภูมิพัฒณ์ มิ่งมาลัยรักษ์, กรวิทย์ ฟักคง, และณัฐพล รังสฤษฎ์วรการ. (2558). โอกาสทางการตลาดและแนวทางการพัฒนาโซ่คุณค่าโคเนื้อของไทยในตลาดอาเซียน-จีน: กรณีศึกษาตลาดใน สปป.ลาว เวียดนาม และจีน (ตอนใต้)

อาเซียน-จีน: กรณีศึกษาตลาด สปป.ลาว เวียดนาม และจีน (ตอนใต้) (รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์). สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

Wuttichai J. “พะเยา: กลุ่มผู้เลี้ยงวัวรวบรวมวัวส่งออกที่ได้รับผลกระทบหลังเกิดโรคระบาดหมู”. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2562, จาก https://www.thaireference.com/พะเยา-กลุ่มผู้เลี้ยงวัว/

Faist, T. (2014) “Brokerage in Cross-Border Mobility: Social Mechanisms and the (Re)Production of Social Inequalities,” Social Inclusion, 2(4), 38-52.

Nkendah, R. (2010). The Informal Cross-Border Trade of agricultural commodities between Cameroon and its CEMAC’s Neighbours. NSF/AERC/IGC Conference, December 4, 2010. Retrieve February 25, 2020, from https://www.theigc.org/wp-content/uploads/2014/08/nkendah.pdf

Sakaew, S. & Tangpratchakoon, P. (2009). Brokers and Labor Migration from Myanmar: A Case Study from Samut Sakorn. Labour Rights Promotion Network. Retrieved February 25, 2020, from http://www.arcmthailand.com/documents/publications/lpn-en.pdf

Smith, P. & Lüthi, N. B., Huachun, L., Oo, K. N., Phonvisay. A., Premashthira, Sith., et al. (2015). Movement pathways and market chains of large ruminants in the Greater Mekong Sub-region. World Organization of Animal Health. Retrieved October 18, 2018, from https://rr-asia.oie.int/wp-content/uploads/2019/10/livestock_movement_pathways_and_markets_in_the_gms__final_.pdf

Stovel, K., & Shaw, L. (2012). Brokerage. Annual Review of Sociology, 38, 138-159.