People Saving Status for Pre-Aging Readiness
Main Article Content
Abstract
This research titled “People saving status for pre-aging readiness” was aimed: 1) to study people saving status for pre-aging readiness, 2) to study saving management conditions on people saving significance awareness, incomes, expenses, and welfares in order to arrange the pre-aging readiness, and 3) to study the situational factors and saving characteristics, attitudes, and behaviors, influence in people saving status for pre-aging readiness. The quantitative research methodology was conducted, the close-ended questionnaires were used as a tool for data collection and analysis results were presented in descriptive statistics. Samples used were the 360 pre-aging participants in Bangkok metropolitan with 40-59 years of age. Non - probability (Purposive) sampling and the basic statistics were used in analysis for frequency, percentage, mean, standard deviation, and inference statistics. Research findings suggested: 1) people saving status for pre-aging readiness in overview was in medium level, the highest average was knowledge of proper professional skills for pre-aging people, the next lower was family financial management and the lowest average was saving knowledge for earning more incomes. 2) saving management condition in overview was in large level, the highest average were incomes and expenses, the next lower was people saving significance awareness, and the lowest average was welfare, and 3) the situational factors and saving characteristics, attitudes, and behaviors, have influenced in people saving status for pre-aging readiness.
Article Details
References
กองนโยบายและแผนเมือง กรุงเทพมหานคร. 2555. การศึกษากาส่งเสริมการลงทุนในเขตพื้นที่
กรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ:กองนโยบายและแผนเมือง กรุงเทพมหานคร.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2553). สถิติสำหรับงานวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติ. (2545). แผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545 –
. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว.
ใจเดียว โกมลเพ็ชร์. (2554). พฤติกรรมการออมเงินของบุคลากรในวิทยาลัยนครราชสีมา.รายงาน การค้นคว้าแบบ
อิสระปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชัยวัชน์ หน่อรัตน์. (2546). เศรษฐกิจและสวัสดิการชุมชนการบริหารที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน. กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์.
ชารวี บุตรบำรุง. (2555).รายได้และรูปแบบการออมเพื่อการเตรียมพร้อมสู่วัยสูงอายุของประชาชนอายุระหว่าง 30 –
ปี ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
นันทกา นันทวิสัย. (2552). การศึกษาเปรียบเทียบภาวการณ์ออมของครัวเรือนใน ภาค เกษตรและนอกภาคเกษตร.
หลักสูตรปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การจัดการ. มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ.
บุญรุ่ง จันทร์นาค. (2554). การออม. [Online]. Available: https://www.sites.google.com/site/ boonrung02/
home/hnwy-thi-3-kar-xxm.
รุ่งนภา ศรีธัญญะโชติ. (2550). พฤติกรรมการออมเพื่อใช้จ่ายในอนาคตของประชาชน: กรณีศึกษา ผู้บริหารศูนย์การ
ขายบริษัทไทยประกันชีวิตจำกัด สาขาธนบุรี กรุงเทพมหานคร. งานนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารทั่วไป, วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ, มหาวิทยาลัยบูรพา.
วรเวศม์ สุวรรณระดา และ สมประวิณ มันประเสริฐ. (2552). ปัจจัยกำหนดพฤติกรรมกรรมการออมของผู้มีงานใน
ประเทศไทย: การศึกษาจากข้อมูลการสำรวจในระดับจุลภาค. ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์อิเล็กทรอนิกส์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิภาวี เหมพรวิสาร และพุฒิกุล อัครชลานนท์. (2557).การสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังการเกษียณให้คนไทย.
กรุงเทพฯ: ฝ่ายวิจัยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์.
ศศิพัฒน์ ยอดเพชร. (2559). สวัสดิการผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2554). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 11 (2555-2559). สำนักนายกรัฐมนตรี.
MM Lai, ML Lai, SH Lau. (2009). Investor behavior and decision-making style: Malaysian perspective.
In Pensions: An International Journal. Vol. 14, pp. 282-292.
Likert, Rensis. (1932). A Technique foe Measurement of Attitude. Achieves of Psychology.
World Health Organization. (2009). Definition of an older or elderly person: Proposed Working
Definition of an Older Person in Africa for the MDS Project. [Online]. Available: www.who.int/healthinfo/survey/ageingdefnolder/en/index.html.