ความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นของพื้นที่และรูปแบบการล่อ ซื้อยาเสพติดในพื้นที่เขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจโคกคราม กรุงเทพฯ
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง รูปแบบเชิงพื้นที่ของการล่อซื้อยาเสพติด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจโคกคราม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นของพื้นที่และรูปแบบการล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่เขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจโคกคราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น 1 ใน 88 พื้นที่สถานีตำรวจทั่วกรุงเทพมหานครที่มีสถิติการล่อซื้อยาเสพติดสูงที่สุดในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2555 ถึง พ.ศ. 2559) ทั้งหมด 295 คดี (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, 2559) โดยการวิเคราะห์ศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นของพื้นที่ศึกษา ใช้วิธีการศึกษาด้วยเครื่องมือและเทคนิคทางสัณฐานวิทยา Space syntax
ผลการศึกษาพบว่า การล่อซื้อยาเสพติดในพื้นที่เขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจโคกคราม มักกระจุกตัวอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีมีการสัญจรผ่านย่านและผ่านเมือง ซึ่งมีด้วยกันทั้งสิ้น 8 สาย 1. ถนนรามอินทรา 2. ถนนประเสริฐมนูกิจ 3. ถนนลาดปลาเค้า 4. ถนนรามอินทรา 14 5. ถนนประดิษฐ์มนูธรรม 6. ถนนนวมินทร์ 7. ถนนนวลจันทร์ 8. ถนนรามรัชดา-รามอินทรา ซึ่งถนนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นได้ในระดับเมืองสูง (Global integration) ถนนที่มีค่าศักยภาพการเข้าถึงและมองเห็นสูงที่สุดในพื้นที่ คือ ถนนรามอินทรา และรองลงมา คือ ถนนนวมินทร์ อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดในบริเวณที่มีการล่อซื้อยาเสพติดพบว่า ตำแหน่งการล่อซื้อยาเสพติดที่เกิดบนถนนหลักเหล่านี้โดยตรงมีเพียง 24 ตำแหน่งหรือคิดเป็นร้อยละ 8.14 แต่ตำแหน่งการล่อซื้อยาเสพติดมักจะเกิดในขณะที่บริเวณ 1 เลี้ยวถัดไปจากถนนหลัก (One step of integrator) มีทั้งหมด 108 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 36.61 และรองลงมาคือ 2 เลี้ยวถัดไปจากถนนหลัก 80 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 27.12 เนื่องจากการล่อซื้อยาเสพติดมีพฤติกรรมที่ต้องการพื้นที่ที่มีความพลุกพล่านในระดับหนึ่ง เพื่ออาศัยช่องโอกาสดังกล่าวในการพรางตัวเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนยาเสพติด อย่างไรก็ตาม การล่อซื้อยาเสพติดจะไม่เกิดในบริเวณที่มีความพลุกพล่านมากจนเกินไปเพราะอาจถูกสังเกตเห็นได้ง่าย ดังนั้น การล่อซื้อยาเสพติดจึงมักเกิดในบริเวณ 1 ถึง 2 เลี้ยวถัดไปจากถนนหลักเนื่องจากบริเวณดังกล่าวยังคงระดับการสัญจรของผู้คนได้ดีในระดับหนึ่งแต่ไม่พลุกพล่านมากจนเกินไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Fernando Miro. “Routine Activity Theory.” The Encyclopedia of Theoretical Criminology, 2014, 1-7.
Hillier, B. “Space is the Machine.” Cambridge, MA., Cambridge University Press, 1996.
Jacobs, J. “The Death and Life of Great American Cities.” England: Penguin Books, 1961.
O Newman. “Defensible Space, Crime Prevention Through Urban Design.” New York, McMillan, 1972.
ไขศรี ภักดิ์สุขเจริญ. “วาทกรรมของเมืองผ่านโครงสร้างเชิงสัณฐาน.” วารสารวิชาการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ฉบับภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง (2548): 1-14.
ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์. “การควบคุมอาชญากรรมจากสภาพแวดล้อม หลักทฤษฎีและมาตรการ.” กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์, 2526.
วิชชากร พรกำเหนิดทรัพย์. “ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเกิดอาชญากรรมกลุ่มคดีประทุษร้ายแก่ทรัพย์สินในแขวงชนะสงคราม.” วิทยานิพนธ์ปริญญาการวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557.
สุนิสา อินอุทัย. “การป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมของประชาชน ในเขตพื้นที่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี.” ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารทั่วไป, มหาวิทยาลัยบูรพา, 2557.
สุพิศาล ภักดีนฤบาล. “4 Dimensions การบริหารงานสืบสวน กองบังคับการปราบปราม.” พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: กรีนแอปเปิ้ล กราฟฟิคปริ้นติ้ง จำกัด, 2556.