โอกาสและข้อจำกัดของการพัฒนาศูนย์การแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) กรณีศึกษา เขตส่งเสริมศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา และโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
Main Article Content
บทคัดย่อ
ประเทศไทยมีนโยบายในการพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจ โดยการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง 12 ประเภท เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต โดยจัดทำแผนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวขึ้น อาทิเช่น มาตรการการส่งเสริมการลงทุน การจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น ซึ่งอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) นั้นจัดอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย สัมพันธ์กับข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการรักษาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้มีชีวิตยืนยาว ประกอบกับประเทศไทยเป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวและคนไข้ เนื่องด้วยข้อได้เปรียบเรื่องราคา การบริการที่ดี รวมทั้งคุณภาพของบุคลากร โดยเฉพาะแพทย์ทางเลือกและการดูแลฟื้นฟู รวมทั้งบริการต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร มีแนวโน้มการลงทุนในอนาคตสูง
รัฐบาลนำโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศแผนยุทธศาสตรการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมทางแพทย์ นำมาสู่การจัดทำแผนงานโครงการและมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ก่อให้เกิดการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ครบวงจร ในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการให้บริการของกลุ่มเป้าหมาย ดังเช่น กรณีศึกษาทั้งสองแห่งของการวิจัย ได้แก่ เขตส่งเสริมศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา และโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
จากข้างต้นจึงนำมาสู่การศึกษาโอกาสและข้อจำกัดของการพัฒนาศูนย์การแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) โดยศึกษาข้อมูลแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยอื่น ๆ และศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการของกรณีศึกษาทั้งสองแห่ง โดยวิเคราะห์ที่ตั้งการใช้ที่ดิน รวมทั้งนโยบาย กฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ นำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูล ผนวกกับการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เกี่ยวข้องทั้งในด้านการดำเนินการโครงการศูนย์การแพทย์ ด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และด้านกฎหมายหรือมาตรการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ จากการศึกษา พบว่า การดำเนินโครงการศูนย์การแพทย์ครบวงจรนั้น จะต้องมีปัจจัยสนับสนุน คือ พื้นที่โครงการจะต้องมีศักยภาพในเรื่องที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ เช่น สถาบันการศึกษาและสถานพยาบาลที่มีการรองรับการให้บริการด้านการแพทย์ การเข้าถึงพื้นที่ ปัจจัยดึงดูดด้านการท่องเที่ยวโดยรอบเพื่อผนวกร่วมกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งปัจจัยส่งเสริมด้านกฎหมาย เช่น มาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการทางผังเมือง เป็นต้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการโครงการเนื่องด้วยเป็นโครงการขนาดใหญ่ จะต้องมีการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนโครงการในภาพรวม ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และภาครัฐที่จะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และจัดการข้อจำกัดและสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน และกลุ่มวิชาการ รวมถึงบุคลากรที่มีคุณภาพที่รองรับการให้บริการในพื้นที่
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมสนับสนุนบริการทางการแพทย์. (2561.) สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2564, จาก www.thailandmedicalhub.net/
กระทรวงสาธารณสุข. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. กองสุขภาพระหว่างประเทศ. (2556). รายงานสรุปผลการดำเนินงานตาม นโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.hss.moph.go.th/fileupload_doc/2017-12-18-1-17-37017762.pdf
กระทรวงสาธารณสุข. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. กองสุขภาพระหว่างประเทศ. (2563). รายงานผลการวิจัยและสำรวจข้อมูลด้านบริการสุขภาพและบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของไทยประกอบการจัดทำศูนย์ข้อมูลรองรับนโยบาย (Medical Hub)
Joint commission international. (2564). สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.jointcommissioninternational.org/about-jci/accredited-organizations/
ไทยโพสต์. (2563). เอาแน่!ภูเก็ตเตรียมชงโครงการเมดิคอลพลาซ่าวงเงินเฉียด3พันล้านเข้าครม.สัญจร 3 พ.ย.นี้. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.thaipost.net/main/detail/80432
ธรรมรัตน์ มะโรหบุตร. (2561, กรกฎาคม-ธันวาคม). ยุทธศาสตร์นโยบายการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) กับสถานการณ์ที่สะท้อนผลกระทบต่อระบบสุขภาพของประเทศไทย. วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย, 14(2), 27-41.
นฤมล รัตนไพจิตร, ราตรี เขียวรอด และ ตรีวนันท์ เนื่องอุทัย. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของผู้สูงอายุจังหวัดนครศรีธรรมราช. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2564, จาก https://www.boi.go.th/un/Policy_EEC
ประชาชาติธุรกิจ. (2563). รพ.วชิระภูเก็ต ชงรัฐขอ 3 พันล้าน ลุย Medical Tourism ระดับเวิลด์คลาส. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.prachachat.net/tourism/news-637790
ประชาชาติธุรกิจ. (2564). เปิดประเทศกู้ชีพจรเศรษฐกิจ 6 เมืองท่องเที่ยวเฮ-ทะลักภูเก็ต. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.prachachat.net/tourism/news-637790
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2561). รายงานการศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ การแพทย์ครบวงจร (EECmd) ธรรมศาสตร์พัทยา. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2564, จาก https://www.eeco.or.th/web-upload/filecenter/html/promotion-area/03-3.pdf
รัฐบาลไทย. (2563). สธ. รับมอบที่ราชพัสดุ “ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2564, จาก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/37274
รัฐพล สันสน, อมรรัตน์ ศรีวาณัติ, มณฑิกานต์ เอี่ยมโซ้ และ สิริกุล ประเสริฐสมบูรณ์. (2561, มกราคม-มิถุนายน). การวิเคราะห์ความต้องการและปัจจัยการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพนานาชาติ. วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ, 9(1), 87-100.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน. (2563). มาตรการส่งเสริมการลงทุน. สืบค้นจาก https://www.boui.go.th
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน). (2561). Thailand's MICE Industry Report Medical Hub. สืบค้นเมื่อ 5 เมษายน 2564, จาก https://healthserv.net/8007
อรสุธี มูลละ. (2555). แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวนานาชาติเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).