วารสารวิชาการสาระศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวารสารวิชาการที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่แนวคิดและผลงานของคณาจารย์ นักวิชาการ นิสิตและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ออกสู่สังคมเพื่อเป็นการถ่ายทอด แลกเปลี่ยนและกระตุ้นการบุกเบิกแสวงหาความรู้ใหม่ เพื่อเป็นพลังสำคัญต่อการเกื้อหนุนความก้าวหน้าของศาสตร์และวิชาชีพ

       เนื้อหาของวารสารวิชาการสาระศาสตร์ครอบคลุมความรู้ที่เกี่ยวเนื่องตั้งแต่การออกแบบสิ่งแวดล้อม การออกแบบเมือง การวางผังภาคและเมือง ภูมิสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมภายใน ออกแบบอุตสาหกรรม การพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย รวมไปจนถึงการศึกษาและวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์พลังงาน สิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา ประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม และศาสตร์อื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรม

       สาระศาสตร์: วารสารสถาปัตยกรรมและการออกแบบ เผยแพร่ปีละ 4 ฉบับในเดือน เมษายน กรกฎาคม ตุลาคม และธันวาคม ของทุกปี (ตรวจสอบตารางได้ที่ หน้าประกาศ)

      ทุกบทความมีการตรวจสอบและพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-review) จำนวน 2 ท่านโดยการพิจารณาเป็นแบบ Double blinded

       บทความทุกเรื่องจะถูกพิจารณากลั่นกรองโดยกองบรรณาธิการ 

       ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 วารสารวิชาการสาระศาสตร์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สาระศาสตร์: วารสารสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

       ผู้แต่งสามารถดูคำแนะนำสำหรับการลงทะเบียน แบบฟอร์มการสมัคร ค่าาธรรมเนียมการดำเนินการ 1,000 บาท และแนวทางการเขียนบทความได้ตามลิงค์ต่อไปนี้ (คลิ๊ก New Template) 

ลิขสิทธิ์

       เนื้อหาทั้งหมดที่ตีพิมพ์ในสาระศาสตร์: วารสารสถาปัตยกรรมและการออกแบบ ทั้งบทความ รูป แผนภูมิ และตารางต่างๆ เป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร ผู้เขียนยังคงสิทธิ์ในผลงานของตนภายใต้ Creative Commons Attribution License (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้ทำการแบ่งปันและเผยแพร่เนื้อหาได้โดยระบุที่มาอย่างถูกต้อง การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารและผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

จริยธรรมการตีพิมพ์

เพื่อให้สอดคล้องกับหลักจริยธรรมการตีพิมพ์ สาระศาสตร์: วารสารสถาปัตยกรรมและการออกแบบมีแนวทางปฏิบัติเรื่องบทบาทและหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการ

1. บรรณาธิการมีหน้าที่ดูแลกระบวนการพิจารณาบทความให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ปราศจากอคติ และยุติธรรม โดยคัดเลือกผู้ประเมินบทความที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหัวข้อหรือศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับบทความ
2. บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาและตรวจสอบคุณภาพของบทความ โดยพิจารณาจากความสำคัญ ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสาร
3. บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ
4. บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และผู้ประเมินบทความ
5. หากตรวจพบการคัดลอกผลงานของผู้อื่นหรือการตีพิมพ์ซ้ำในกระบวนการประเมินบทความ บรรณาธิการต้องหยุดกระบวนการประเมินและติดต่อผู้นิพนธ์หลักโดยทันที เพื่อขอคำชี้แจงประกอบการตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์บทความนั้น

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ

1. ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับ และไม่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความและรักษาระยะเวลาประเมินตามกรอบเวลาที่กำหนด
2. ผู้ประเมินบทความต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ หรือเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบ และปฏิเสธการประเมินบทความนั้น
3. ผู้ประเมินบทความควรประเมินบทความในสาขาที่ตนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากคุณภาพของบทความเป็นสำคัญ และไม่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับมาเป็นเกณฑ์ในการประเมินบทความ
4. หากตรวจพบบทความที่ประเมินมีส่วนหนึ่งส่วนใดที่มีความเหมือนหรือซ้ำซ้อนกับผลงานชิ้นอื่น ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบโดยทันที

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้นิพนธ์

1. ผู้นิพนธ์ต้องไม่ส่งผลงานที่เคยตีพิมพ์หรือเผยแพร่ที่ใดมาก่อนแล้วมาลงในวารสาร และไม่ส่งต้นฉบับผลงานให้วารสารมากหนึ่งวารสารพิจารณาพร้อมกัน
2. ผู้นิพนธ์ต้องรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการศึกษาวิจัย ไม่บิดเบือนข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
3. ผู้นิพนธ์ต้องตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานผู้อื่นอย่างเคร่งครัด
4. ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่น หากมีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในผลงานตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิงท้ายบทความ
5. ผู้นิพนธ์ที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการศึกษาวิจัยจริง

ผู้นิพนธ์ต้องพิจารณาและรับรองความเกี่ยวข้องกับจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ สัตว์ และ/หรือจริยธรรมการวิจัยด้านอื่นๆ สำหรับงานวิจัยของตน