แนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มแรงงานผู้ที่ทำงานใน นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

บทคัดย่อ

นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถูกวางโครงสร้างพื้นฐานทางระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรมมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยจากการสืบค้นข้อมูลการคาดการณ์ความต้องการบุคลากรในอนาคต อ้างอิงข้อมูลจากแผนปฏิบัติการการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว พบว่า แนวโน้มแรงงานในพื้นที่อำเภอศรีราชามีแนวโน้มอัตราการเพิ่มขึ้นกว่า 86,191 อัตรา คิดเป็นอัตราร้อยละ 229 ส่งผลให้เกิดปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก การวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาถึงปัญหาด้านที่อยู่อาศัยและแนวทางในการจัดการปัญหาด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มแรงงานเพื่อคาดการณ์แนวโน้มความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

จากผลการศึกษาเบื้องต้นปัญหาหลักด้านที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเกิดจากความสามารถในการจ่ายและปัญหาด้านคุณภาพชีวิตจึงนำไปสู่ผลการศึกษาดังต่อไปนี้ จากกลุ่มตัวอย่าง 423 คน มีกลุ่มอุปสงค์ที่มีความประสงค์ต้องการย้ายที่อยู่อาศัยจำนวน 198 คน คิดเป็นอัตราร้อยละ 46.8 และกลุ่มที่ไม่มีความต้องการย้ายที่อยู่อาศัยจำนวน 225 คน คิดเป็นอัตราร้อยละ 53.2 โดยจากผลการศึกษาพบว่า กลุ่มอุปสงค์จากกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มกำลังเช่าจำนวนกว่า 360 คน คิดเป็นอัตราร้อยละ 85.1 และเมื่อนำระดับรายได้ครัวเรือนมาคำนวณความสามารถในการจ่าย พบว่า ระดับรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 15,200 บาทต่อเดือน และมีอัตราค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 35-40 ของรายได้ เมื่อเปรียบเทียบผลการศึกษาพบว่า มีความต้องการย้ายที่อยู่อาศัยจำนวนมากกว่า เนื่องจากกำลังเช่าไม่สอดคล้องต่อระดับรายได้ ในด้านการคมนาคมจากผลการศึกษาพบว่า กลุ่มอุปสงค์เดินทางโดยใช้รถจักรยานยนต์และรถสวัสดิการเป็นจำนวนมากที่สุด โดยเฉลี่ยพบว่า กลุ่มอุปสงค์ใช้เวลาเดินทางจากที่อยู่ปัจจุบันไปที่ทำงานเฉลี่ย 15-60 นาที จึงมีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มอุปสงค์ที่ใช้เวลาเดินทางจากที่อยู่ปัจจุบันไปที่ทำงานเฉลี่ย 15-30 นาที มีความเป็นไปได้ที่จะตัดสินใจเช่าที่อยู่อาศัยในพื้นที่ อ่าวอุดม-แหลมฉบัง สหพัฒน์และเก้ากิโล และกลุ่มอุปสงค์ที่ใช้เวลาเดินทางจากที่อยู่ปัจจุบันไปที่ทำงานมากกว่า 30-60 นาที มีโอกาสตัดสินใจเช่าที่อยู่ในทุกทำเลที่ตั้ง แสดงให้เห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายและพื้นที่ห่างไกลอุตสาหกรรมเพื่อตอบรับความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มอุปสงค์แรงงานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยผลการศึกษาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการได้ในอนาคต