ผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.จ. เชียงใหม่
Main Article Content
บทคัดย่อ
รายงานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.จ. เชียงใหม่ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.จ. เชียงใหม่ และเพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญหา และได้ข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากรกลุ่มตัวอย่างจ านวนทั้งหมด 246 ตัวอย่าง ในพื้นที่ 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์จำนวน 9 ชุด ผลการวิจัยพบว่า การประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.จ.เชียงใหม่ ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีค่าคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ <0.05 ผลลัพธ์ด้านการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายสูงขึ้นเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ สรุปข้อเสนอแนะจากทุกกลุ่มตัวอย่างที่ตรงกัน ได้แก่ 1) ควรเพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.จ.เชียงใหม่ เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่ นอกเหนือจากหน้าที่ด้านการป้องกัน (บรรยายให้ความรู้) เพียงอย่างเดียว 2) ควรแจกเอกสาร คู่มือประกอบการบรรยาย ทั้งนี้ควรมีสื่อเทคโนโลยีที่น่าสนใจ หรือมีกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากการบรรยายเพียงอย่างเดียว 3) ควรเพิ่มช่องทางการร้องเรียนจากภาคประชาชนให้สะดวกมากขึ้น และต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองพยานในกรณีชี้เบาะแสการทุจริตในพื้นที่ 4) ควรจัดกิจกรรมรณรงค์การต่อต้านการทุจริตที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาสังคม เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของชาวเชียงใหม่อย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงการรณรงค์เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น 5) ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ที่ทำงานแบบมืออาชีพ กล้ารายงานความจริงที่ประจักษ์ให้ประชาชนได้รับรู้ ก่อให้เกิดความสนใจข่าวสารอย่างต่อเนื่อง จนเป็นกระแสที่ต่อต้านคนทำทุจริต หากเป็นพื้นที่
จังหวัดเชียงใหม่ควรมีการจัดแถลงข่าวกรณีการทุจริตแก่สื่อมวลชนในวาระแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นการทำงานเชิงรุก ปลุกจิตสำนึกต้านการโกงในพื้นที่ รวมถึงการเปิดเผยข่าวสารดังกล่าว ทางเว็บไซต์ของสำนักงานป.ป.ช.จังหวัดเชียงใหม่
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Black Law Dictionary 4th Edition St Paul. (1979) MN: West Publishing.
MacDonald, C., McDonald, M., & Norman, W. (2002). Charitable Conflicts of Interest. Journal of Business Ethics 39(1-2, 67-74), 68.
Governance: Sound Development. (1995). Manila: Asian Development Bank (ADB). Gunnar, M. (1968). The Folklore of Corruption. The Asian Magazine. 8(24).
Roy, E. V. (1970). On the Theory of Corruption. Economic Development and Cultural Change, 19(1).
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์และองค์กรเพื่อความโปร่งใสใน ประเทศไทย. (2552). หลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ“โตไปไม่โกง. กรุงเทพมหานคร:
สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร. กัลยา วานิชย์บัญชา. (2554). สถิติสำหรับงานวิจัย. พิมพ์ครั้งที่6. กรุงเทพมหานคร: ธรรมสาร.
ดวงเดือน พันธุมนาวิน และเพ็ญแข ประจนปัจจนึก. (2538). ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรมสำหรับคนไทย: การวิจัยและการประยุกต์. กรุงเทพมหานคร: สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร.
เดโช สวนานนท์. (2545). พจนานุกรมศัพท์การเมือง. กรุงเทพฯ: หน้าต่างสู่โลกกว้าง.
ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์. (2549). นักการเมืองไทย: จริยธรรม ผลประโยชน์ทับซ้อน การคอร์รัปชัน สภาพปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางแก้ไข. กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน.
ประเวศ วะสี. (2546). ระเบียบวาระแห่งชาติปฏิรูปสังคมไทย ในชัยวัฒน์ สุรวิชัย. (บรรณาธิการ). ธรรมาภิบาลกับคอร์รัปชันในสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร : สถาบันวิถีทรรศน์.
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. (2546). กรุงเทพมหานคร : นานมีบุ๊คส์ พับลิเคชั่นส์.
วิทยากร เชียงกูล. (2549). แนวทางปราบคอร์รัปชันอย่างได้ผล: เปรียบเทียบไทยกับประเทศอื่น. กรุงเทพมหานคร: สายธาร.
ทีมข่าวการเมืองเดลินิวส์. (2561). “เดลินิวส์.ป.ป.ช. คลอด 5 หลักสูตรป้องกันทุจริต”. สืบค้นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2561, จาก https://www.dailynews.co.th/politics/638314
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี. (2553). แนะหลักธรรมต้านทุจริต. สืบค้นเมื่อ 16 กันยายน 2561, จาก http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNVEF5TVRBMU13PT0