การสังเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอาชญากรรมทางเพศ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ตีความหมาย

Main Article Content

สุขุมา อรุณจิต

บทคัดย่อ

การสังเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอาชญากรรมทางเพศ ใช้วิธีวิทยาการวิเคราะห์ตีความหมาย (Meta - Interpretation) ซึ่งประยุกต์ดัดแปลงมาจากแนวคิดการวิเคราะห์ชาติพันธุ์วรรณาอภิมาน (Meta - ethnographic) ของ Noblit & Dwight (1988) พบว่าปัจจัยสาเหตุที่มีผลต่อการเกิดอาชญากรรรมทางเพศประกอบไปด้วย 8 ปัจจัย ได้แก่ 1) การควบคุมตัวเองต่่าจากการดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ และยาเสพติด 2) ผู้กระท่าความผิดมีความคิดที่บิดเบือนว่าจะไม่ถูกจับกุมด่าเนินคดี 3) ผู้กระท่าความผิดเคยมีประวัติกระท่าความผิดทางเพศมาก่อนหรือการกระท่าผิดซ ่า 4) มายาคติทางเพศของสังคมไทย 5) กลุ่มเพื่อนชักชวนกันกระท่าความผิด 6) สถานที่เปลี่ยว ลับตาคน 7) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระท่าผิดกับผู้ถูกกระท่าเป็นคนรู้จัก คุ้นเคย ใกล้ชิดกัน 8) โอกาสในช่วงเวลากลางคืน
ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยในการป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางเพศ ได้แก่ 1) เพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และยาเสพติด 2) การปรับเปลี่ยนมายาคติทางเพศของสังคมที่ไม่เป็นธรรมต่อเพศหญิง 3) ครอบครัวต้องเข้ามามีบทบาทในการเลี ยงดูสมาชิกในครอบครัวให้ดี 4) สื่อมวลชนควรคัดกรองสื่อที่สร้างสรรค์เพื่อปรับเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ เกี่ยวกับเรื่องเพศที่เหมาะสม 5) เจ้าหน้าที่และคนในชุมชนต้องร่วมมือกันเฝ้าระวัง ตรวจตราตามพื นที่เสี่ยงต่าง ๆ 6) ประชาชนทุกคนจ่าเป็นจะต้องเรียนรู้วิธีการป้องกันดูแลตนเอง 7) สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อยกระดับพัฒนาจิตใจประชาชน 8) ผลักดันกระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับความผิดทางเพศให้มีประสิทธิภาพ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อรุณจิต ส. . (2021). การสังเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอาชญากรรมทางเพศ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ตีความหมาย. วารสารธรรมศาสตร์, 40(2), 157–172. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tujo/article/view/271864
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Bartol, C. R. (1991). Predictive validation of the MMPI for small-town police officers who fail. Professional Psychology: Research and Practice, 22(2), 127-132. Benedict, H. (1992). Virgin or Vamp. Oxford: Oxford University Press.

Bourgois, P. (1995). In search of respect: selling Crack in EI Barrio. Cambridge: Cambridge University Press.

Brent, E.T. (2005). Criminal Profiling: An Introduction to Behavioral Evidence Analysis. New York: Academic Press.

Felson, M. (1997). Business and Crime Prevention. Monsey: Criminal Justice Press.

Forde D. R. & Kennedy, L. W. (1997). Risk lifestyle, Routine Activities, and the General Theory of Crime. Justice Quarterly, 14(1), 265-294.

Godenzi, A., Schwartz, M. D., & Dekeseredy, W. S. (2001). Toward a Gendered Social Bond/ Male Peer Support Theory of University Women Abuse. Critical Criminology, 10(2), 1-16.

Gottfredson, M. R., & Hirschi, T. (1990). A general theory of crime. California: Stanford University Press.

Joseph, J. & William, K. (1983). Social Problems. New Jersey: Englewood Cliffs.

Lee, V. E., Robert, G. C, Eleanor L. & Xianglei, C. (1996). “The Culture of Sexual Harassment in Secondary Schools”. American Educational Research Journal, 33(2), 383-417.

Lillyquist, M. j. (1980). Understanding and Changing Criminal Behavior. New Jersey: Prentist-Hall.

Michael, S. (2001). “Male self-control and sexual aggression”. Deviant Behavior, 22(4), 295-321.

Miethe, D. T., & Meier, F. R. (1994). Crime and its Social Context: Toward an Integrated Theory of Offenders, Victims, and Situations. New York: SUNY Press.

Nicholas, G, A., & Jean, B. H. (1981). Men who rape: the psychology of the offender. New York: Planum Press.

Noblit, G. W., & Hare, R. D. (1988). Meta-ethnography: synthesising qualitative studies. London: Sage.

Piquero A., & Tibbetts, S. (1996). Specifying the Direct and Indirect Effects of Low Self-Control and Situational Factors in Offenders' Decision Making: Toward a More Complete Model of Rational Offending. Journal Justice Quarterly, 13(3), 485-490.

Schreck, C. J., Wright, R. A., & Miller, M, J. (2001). A study of individual and situational antecedents of violent victimization. Justice Quarterly, 19(1), 159-180.

Schwartz R., Ting C. S., & King J. (2001). Whole proteome values correlate with subcellular localizations of proteins for organisms within the three domains of life. Genome Res, 11(5), 623 – 649.

Schwartz, D. M., DeKeseredy S. W., Tait D., & Alvi S. (2006). Male peer support and a feminist routing activities theory: Understanding sexual assault on the college campus. Retrieved from https://doi.org/10.1080 /07418820100095041,

Siegel J., & Williams M. L. (2003). Risk Factors for Sexual Victimization of Women. Violence Against Women, 9(8), 902-930.

Warr, M. (1996). Companions in Crime: The Social Aspects of Criminal Conduct. Cambridge: Cambridge University Press.

Weed, M. (2005). "Meta Interpretation": A Method for the Interpretive Synthesis of Qualitative Research. Forum Qualitative Sozialforschung, 6(1), 1-21.

กองแผนงานอาชญากรรม ส่านักงานตำรวจแห่งชาติ. (2561). สรุปสถานการณ์อาชญากรรม 1 – 31 สิงหาคม 2561. สืบค้น 24 พฤศจิกายน 2561, จาก http://www.rtpoc.police.go.th/fileupload/

44272.pdf

กฤตยา อาชวนิจกุล. (2558). ข่มขืน: มายาคติและความรุนแรงที่ซ้ำซ้อน. นครปฐม: สมาคมเพศ วิถีศึกษา.

ขวัญไชย สันติภราภพ. (2547). สาเหตุการก่ออาชญากรรมทางเพศของผู้ต้องขังเด็ดขาดเรือนจำกลางนครปฐม ศึกษากรณีข่มขืนกระทำชำเรา. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

จักรพันธ์ ชูเพชร. (2548). การข่มขืนกระท้าชำเราจากบุคคลภายในครอบครัว. กรุงเทพฯ: มายพับ ลิชชิ่ง.

ชาญคณิต กฤตยา สุริยะมณีและอุนิษา เลิศโตมรสกุล. (2551). การวิเคราะห์ปัจจัยที่มี ความสัมพันธ์กับการกระทำผิดร้ายแรงทางเพศ กรณีข่มขืนและการโทรมหญิงของเด็ก และเยาวชนชายในบริบทของทฤษฎีเชิงบูรณาการ. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.

ชัญญาพัชญ์ ตรังคิณีนาถนิธิมา และอาภาศิริ วุวรรณานนท์. (2556). ทัศนคติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการนครบาล1 ที่มีผลต่อความสัมพันธ์กับการเกิดอาชญากรรมทางเพศของผู้หญิง ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 5(2), 110-124.

ณัฐวัฒน์ โสภณดิเรกรัตน์. (2558). สาเหตุที่นำไปสู่การลวงละเมิดทางเพศของนักศึกษาหญิงที่เกิดจากการเที่ยวกลางคืนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล. (วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต.

เดลินิวส์ออนไลน์. (2562). “อนุสรี” หนุนตั้ง กมธ. แก้ปัญหาข่มขืน – ล่วงละเมิดทางเพศ. สืบค้น 5 มกราคม 2563, จาก https://www.dailynews.co.th/politics/749111.

ทักษพล ธรรมรังสีและสุวรา แก้วนุ้ย. (2553). พฤติกรรมการคุกคามทางเพศภายใต้อิทธิพลการ บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในกลุ่มเด็กและเยาวชน. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพ.

ไทยรัฐออนไลน์. (2559). สธ.พบ'เด็ก-ผู้หญิง' ถูกท้าร้ายทุก 15 นาที ล่วงละเมิดทางเพศที่ 1. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2559, จาก http://www.thairath.co.th/content /408556.

นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542). การวิเคราะห์อภิมาน. กรุงเทพฯ: นิชินแอดเวอร์ไท ซิ่ง กรุ๊ฟ.

พนม เกตุมาน. (2550). ความรู้เรื่องโรคทางจิตเวชและปัญหาพฤติกรรม. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2562, จาก www.psyclin.co.th.

พรศิริ มูลติชัย. (2541). ปัจจัยแวดล้อมทางสังคมที่มีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของการกระทำผิดทางเพศของเด็กและเยาวชน: กรณีการข่มขืนกระทำชำเรา. (วิทยานิพนธ์สังคมศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.

พวงเพ็ญ ใจกว้าง. (2542). ปัจจัยทางสังคมกับการข่มขืนกระท้าช้าเราเด็กของผู้ต้องขังชาย: ศึกษาเฉพาะกรณีเรือนจ้ากลางอุดรธานี. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

พิศาล มุขแจ้ง. (2540). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการกระทำผิดเกี่ยวกับเพศ. นครปฐม: กองบังคับการวิชาการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ.

วิภาภรณ์ คงเจริญ. (2530). แนวทางการปฏิบัติต่อหญิงที่ถูกข่มขืนกระทำชำเรา: ศึกษาในทัศนะ ของนักวิชาชีพเกี่ยวข้อง. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

วิรญา ปลั่งศรีสกุล. (2539). บทบาทของพนักงานสอบสวนหญิงในการสอบสวนคดีข่มขืนกระท้า ช้าเรา: ศึกษาเฉพาะกรณีทัศนะของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สิทธิพัฒน์ เฉลิมยศ. (2548). ปัจจัยบางประการที่มีผลกับการกระทำผิดทางเพศกรณีการข่มขืน กระทำชำเรา: ศึกษากรณีผู้ต้องขังชายในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง จังหวัดปทุมธานี. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.

สิริพร ตังชัยวัฒนา. (2545). ปัจจัยทางด้านครอบครัวที่ก่อให้เกิดการกระทำทารุณกรรมทางเพศต่อ เด็กหญิงโดยสมาชิกในครอบครัว. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สุดสงวน สุธีสร. (2546). อาชญาวิทยาและงานสังคมสงเคราะห์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สุทัศน์ มาลโรจน์. (2552). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการกระท้าความผิดทางเพศของผู้ต้องขังคดีข่มขืน กระทำชำเราในเรือนจำกลางบางขวาง. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สุพรรณิการ์ จันทร์จิรานุวัฒน์. (2550). อิทธิพลของสื่อลามกที่มีผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับเพศของเด็กและ เยาวชน: ศึกษาเฉพาะกรณีศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายในเขตกรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สุรชัย วรเนติโพธิ์. (2556). สาเหตุการตกเป็นเหยื่อการข่มขืนกระทำชำเราในเด็ก: ศึกษาเฉพาะเขต ในพื นที่รับผิดชอบส้านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 5. (วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต.

เสกสิทธิ์ สุวรรยาธิปัติ. (2545). ปัจจัยที่มีผลต่อการกระท้าผิดทางเพศ กรณีการข่มขืนกระทำชำเราของผู้ต้องขังชายในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.

โสภา ชูพิกุลชัย. (2535). การศึกษาวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ: ประชาชน. วารสารธรรมศาสตร์ 171 โสภา ชูพิกุลชัย ชปีลมันน์. (2542). การศึกษาเปรียบเทียบจริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่ได้รับ การปลูกฝังมาของเยาวชนที่เสพย์และไม่เสพย์สารเสพติด ในชุมชนแออัด: ศึกษาเฉพาะ กรณี ชุมชนแออัดคลองเตย. กรุงเทพฯ: สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย.

สฤษดิ์ สืบพงษ์ศิริ. (2561). พฤติกรรมอาชญากรรมทางเพศ. สืบค้นเมื่อ 8 ธันวาคม 2561, จาก http://www.forensicrpca.com/data/article/article_rapist.pdf.

หนังสือพิมพ์แนวหน้า. (2561). สถิติล่วงละเมิดทางเพศยังเป็นภัยที่น่ากลัวต่อเด็กหญิง-สตรี. สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2561, จาก http://www.naewna.com/local/320329.

เอกภพ อินทวิวัฒน์. (2542). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงในการก่ออาชญากรรม ศึกษา เฉพาะกรณีผู้ต้องขังคดีข่มขืนกระทำชำเรา. (วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหา บัณฑิต). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.