มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐานจากกฎของนิวตัน โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Main Article Content

วรศักดิ์ ประโรกิจจักร์
ณัฐวัฒน์ วัชรจิตตานนท์
อิสรพงษ์ เชื้อสันเทียะ

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและวิเคราะห์มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐานจากกฎของนิวตัน และเพื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐานจากกฎของนิวตันกับเพศ ระดับชั้นเรียน ความสนใจในอาชีพระดับคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และความชอบในรายวิชาฟิสิกส์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ อาสาสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี ปีการศึกษา 2563 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบทดสอบวิินิจฉัยมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน เรื่องแรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐานจากกฎของนิวตันที่ปรับปรุงจากแบบวัด Force Concept Inventory (FCI) ซึ่งเป็นแบบทดสอบวินิจฉัยที่ได้รับความนิยมและได้มาตรฐาน วิเคราะห์โดยใช้ค่าเฉลี่ยและร้อยละ และแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ผลการวิจััยพบว่านักเรียนมีมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน เรื่องแรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐาน จากกฎของนิวตันของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 70.51 มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อนมากที่สุดเรื่อง จลศาสตร์ (ร้อยละ 42.50) และน้อยสุดในเรื่อง แรงกระทำ (ร้อยละ 21.04) ทั้งนี้ ระดับชั้น และความสนใจในอาชีพมีผลต่อมโนทัศน์ โดยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 มีมโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อนน้อยกว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นักเรียนที่สนใจต่อกลุ่มอาชีพด้านวิทยาศาสตร์มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อนน้อยที่สุุด (Med = 8.00 คะแนน) รองลงมาเป็นกลุ่มด้านสังคมและวิทยาศาสตร์ (Med = 6.00 คะแนน) และลำดับสุดท้ายเป็นกลุ่มอาชีพด้านสังคมศาสตร์ (Med = 4.00 คะแนน) ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ประโรกิจจักร์ ว., วัชรจิตตานนท์ ณ. ., & เชื้อสันเทียะ อ. (2024). มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่บนหลักการพื้นฐานจากกฎของนิวตัน โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วารสารธรรมศาสตร์, 43(3), 19–40. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/tujo/article/view/277648
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานครฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กิตติมา พันธ์พฤกษา. (2563). มโนทัศน์ที่คลาดเคลื่อน เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 31(2), 189-106.

นิคม ทองบุญ. (2542). มโนมติที่คลาดเคลื่อนเรื่อง มวล แรง และกฎการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดพัทลุง. [วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ปัทมาพร ณ น่าน, เชษฐ์ ศิริสวัสดิ์ และสมพงษ์ ปั้นหุ่น. (2558). การสร้างแบบทดสอบวินิจฉัย มโนทัศน์ที่ คลาดเคลื่่อนแบบสามชั้นวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 16(1),198-208.

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาลัยวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2563). หลักสูตรโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ. 2563. (ม.ป.ท.)

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). ฟิสิกส์ เล่ม 1. กรุงเทพมหานครฯ:โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพร้าว.

สุพรรษา หอมฤทธิ์ และชนินันท์ พฤกษ์ประมูล . (2560). การศึกษาแนวคิดคลาดเคลื่อนและการขาดความรู้ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้แบบทดสอบวินิจฉัยสี่ ลำดับขั้น. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 11(2), 220-231.

อารียา ไชยศักดิ์ และพัดตาวัน นาใจแก้ว. (2563). ความเข้าใจมโนมติเรื่องแรงและการเคลื่อนที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานเสริมด้วยโปรแกรมซิมโมเลชั่น [การประชุมวิชาการ]. The 7th NEU National Conference 2020 (NEUNC 2020), มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ประเทศไทย.

ไอนิง เจ๊ะเหลาะ, อนุมัติ เดชนะ และสธน เสนาสวัสดิ์. การศึกษามโนมติที่คลาดเคลื่อน เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ของนักเรียนชั้นมัยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้.วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2(1), 1-11.

Bani-Salameh, H. N. (2017). Using the method of dominant incorrect answers with the FCI test to diagnose misconceptions held by first year college students. Physics Education, 52(1), 015006. https://doi.org/10.1088/1361-6552/52/1/015006

Bayraktar, Ş. (2008). Misconceptions of Turkish Pre-Service Teachers about Force and Motion. International Journal of Science and Mathematics Education, 7, 273-291. https://doi.org/10.1007/s10763-007-9120-9

Faiqah, N., Ali, M., & Mohtar, L. (2013). The Level of Misconceptions on Force and Motion among Physics Pre-Services Teacher in UPSI. [Conference presentation]. KSL Hotel & Resort, Johor Bahru, Johor. https://www.researchgate.net/publication/269806265_The_Level_of_Misconceptions_on_Force_and_Motion_among_Physics_Pre -Services_Teacher_in_UPSI

Halloun, I., & Hestenes, D. (1985a). Common Sense Concepts About Motion. American Journal of Physics - AMER J PHYS, 53, 1056-1065. https://doi.org/10.1119/1.14031

Halloun, I., & Hestenes, D. (1985b). The Initial Knowledge State of College Physics Students. American Journal of Physics, 53, 1043-1055. https://doi.org/10.1119/1.14030

Hestenes, D., Wells, M., & Swackhamer, G. (1992). Force Concept Inventory. The Physics Teacher, 30, 141-158. https://doi.org/10.1119/1.2343497

IBM. (2021). IBM SPSS Statistics for Windows, version 28.0 [ซอฟต์แวร์]. IBM Corporation.

Kaniawati, I., Janeusse Fratiwi, N., Danawan, A., Suyana, I., Samsudin, A., & Suhendi, E. (2019). Analyzing students’ misconceptions about Newton’s laws through Four-Tier Newtonian Test (FTNT). Journal of Turkish Science Education, 16, 110-122. https://doi.org/10.12973/tused.10269a

Liu, G., & Fang, N. (2016). Student Misconceptions about Force and Acceleration in Physics and Engineering Mechanics Education. International Journal of Engineering Education, 32, 19-29.

Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Tijdschrift voor Onderwi jsresearch, 2(2), 49-60.