Effects of Constructivist Learning Innovation for Enhancing Grade 5 Students’ Scientific Creativity
Main Article Content
Abstract
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน ที่เรียนด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ 2) ความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อนวัตกรรมการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ วิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (มอดินแดง) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 35 คน โดยใช้รูปแบบการวิจัยก่อนการทดลอง (Pre-experimental design) แบบกลุ่มเดียวที่มีการทดสอบหลังเรียน (One shot case study) เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย แบบวัดการคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน และการสังเกตการนำเสนอนวัตกรรม ผลการวิจัย พบว่า ผู้เรียนร้อยละ 94.29 มีคะแนนการคิดสร้างสรรค์เฉลี่ยในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 90.54 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 70 ของจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม ความคิดเห็นของผู้เรียนต่อนวัตกรรมการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ พบว่า ด้านเนื้อหาครอบคลุมการคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ มีความทันสมัย ด้านสื่อ มีการออกแบบที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถค้นหาเรียนรู้จากสารสนเทศได้ง่ายและตรงความต้องการ ด้านการออกแบบ องค์ประกอบทุกองค์ประกอบเป็นไปตามทฤษฎีที่นำมาใช้เป็นพื้นฐานในการออกแบบ โดยภาพรวมมีความเหมาะสม และช่วยสนับสนุนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กัญญารัตน์ โคจร. (2563). การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาด้านการคิดขั้นสูงของนักเรียนโรงเรียนวัดแจ่มอารมณ์. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 26(1), 67-84.
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ. (2567). รายงานประจำปี 2567 (Annual Report 2024). https://www.nia.or.th/bookshelf/view/261
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและหลักสูตรแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
จินตนา ศุภกรธนสาร. (2564). การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และทักษะงานประดิษฐ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาศักยภาพกำลังคน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก. 1(1), 42-61
จีรกาญจน์ เต็มพรสิน, สุมาลี ชัยเจริญ และอนุชา โสมาบุตร. (2566). การพัฒนาโมเดลสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้บนเครือข่ายตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมการรู้ดิจิทัลสำหรับนักศึกษาระดับอุดมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (EDKKUJ), 46(2), 1-18.
เจษฎ์บดินทร์ จิตต์โศภิตานนท์, สุมาลี ชัยเจริญ และพรสวรรค์ วงค์ตาธรรม (2564). การออกแบบและพัฒนาโมเดลสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้บนเครือข่าย ตามนวคอนสตรัคติวิสต์ที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีโดยบูรณาการระหว่างศาสตร์การสอนกับประสาทวิทยาศาสตร์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (EDKKUJ), 44(4), 132-150.
แคน กอมณี และสุมาลี ชัยเจริญ. (2566). การออกแบบและพัฒนาโมเดลสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (EDKKUJ), 46(2), 88-107.
ชฏารัตน์ เฮงษฎีกุล. (2566). ความคิดสร้างสรรค์: เกิดขึ้นเองหรือพัฒนาได้. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, 13(2), 122-130.
โชคชัย ยืนยง (2561) ยุทธวิธีการจัดการเรียนรู้มโนมติฟิสิกส์. ขอนแก่น: โรงพิมพ์ขอนแก่นการพิมพ์
ณิชา พิทยาพงศกร. (2024, 21 มิถุนายน). อย่าแปลกใจ ทำไม ? เด็กไทย…ไม่สร้างสรรค์. https://theactive.thaipbs.or.th/read/thai-childrens-creativity
ธีรภัทร นาหนองตูม, ประวิทย์ สิมมาทัน และทรงศักดิ์ สองสนิท. (2566). การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์โดยใช้การเรียนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน ภายใต้สภาพแวดล้อมเมตาเวิร์ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชุมแพศึกษา.วารสารราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 25(2), 25-37.
นฤพร ดาวเรือง. (2566). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดเชิงออกแบบเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยนเรศวร. https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/5944/3/NaruphonDaoruang.pdf
วรรณนภา ธุววิทย์ และจุฬารัตน์ ธรรมประทีป. (2566). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์: PIEGA Model เรื่อง เคมีไฟฟ้า. JSSE Journal & Science Edcation วารสารวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ศึกษา, 6(1), 135-149.
วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรี- สฤษดิ์วงศ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2567, 17 กรกฎาคม). ผลการประเมินด้านความคิดสร้างสรรค์ของ PISA 2022. https://pisathailand.ipst.ac.th/
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2566). รายงานประจำปี ANNUAL REPORT 2023. https://www.onep.go.th/ebook/annualreport/annualreport2023.pdf
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2566, 25 กันยายน). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570). https://www.nesdc.go.th/ewt_news.php?nid=13651
สุมาลี ชัยเจริญ.(2560). การออกแบบสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ขั้นสูง ฉบับปรับปรุง. เอกสารคำสอนรายวิชา 212 931.ขอนแก่น:คณะศึกษาศาสตร์.
Bednar, A.K. (1995). Theory into practice. In G.J Anglin, (ed 2) Instructional technology: Past present, and future. Englewood Cliffs, Colorado: Educational Technology Publications.
Best, J. W., J. V. (1993). Research in education (3rd ed.). Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall.
Guilford, J.P. (1967). The Nature of Human Intelligence. New York: McGraw-Hill.
Hannafin Michal, Susan Land, Kevin Oliver. (1999). In Charles M. Reigeluth (ED), Instructional design theories and models: A New paradigm of instructional theory. Volume II. New Jersey: Lawrence Erlbaum Associates.
Oliver, R, Herrington, J. (2000). Using situated learning as a design strategy for web-based learning. In B. Abbey, Instructional and cognitive impacts of web-based education. London UK: Idea Group Publishing.
Sutaphan, S. Yuenyong, C. (2019). STEM Education Teaching approach: Inquiry from the Context Based. Journal of Physics: Conference Series, 1340 (1), 012003
Sutaphan, S., & Yuenyong, C. (2023). Enhancing grade eight students’ creative thinking in the water stem education learning unit. Cakrawala Pendidikan: Jurnal Ilmiah Pendidikan, 42(1), 120-135. DOI: https://doi.org/10.21831/cp.v42i1.36621.