การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการแยกสารผสม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกเสริมทักษะ

Main Article Content

ธนิษฐา ศรีโสดา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรณิชชา ทศตา

บทคัดย่อ

 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแยกสารผสมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแยกสารผสม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะเทียบกับเกณฑ์ ร้อยละ 75 3) เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะ กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลสกุลจิตร อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ปีการศึกษา 2564 จำนวน 32 คน โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู๎วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการแยกสารผสม โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E จำนวน 12 แผน 2) แบบฝึกทักษะวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการแยกสารผสม จำนวน 12 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องการแยกสารผสม จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ เรื่องการแยกสารผสม สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ คําเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยค่าที                            


 ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแยกสารผสมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแยกสารผสมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01
3) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู๎แบบ 5E ร่วมกับแบบฝึกทักษะ โดยรวมนักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับมาก  (X = 2.63, S.D. = 0.48)

Article Details

บท
บทความวิจัย