ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง : กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อในประเทศไทย ลาว เมียนมาร์ และจีน จังหวัดเชียงราย

Main Article Content

กัมปนาท จันต๊ะคาด

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ 4 ประเทศ หาแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ 4 ประเทศ และเพื่อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ 4 ประเทศ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้รู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นในหมู่บ้านสันบุญเรือง ประเทศไทย จำนวน 4 คน บ้านกอข่อย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์  จำนวน 2 คน บ้านปุ่งนาหนุน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 2 คน บ้านหัวนา สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 คน และประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อผู้อาศัยอยู่ในชุมชนที่ตั้งอยู่ใน 4 ประเทศ ผู้วิจัยดำเนินการเก็บข้อมูลจากตัวแทนครัวเรือนที่ยินยอมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลแก่ผู้วิจัย กำหนดไว้ชุมชนละ 30 ครัวเรือน  โดยทำการเก็บข้อมูลแบบบังเอิญ พบว่า


ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ 4 ประเทศ มีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ 
โดยมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและการค้าขายระหว่างคนไทลื้อทั้ง 4 ประเทศ ในอดีตเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าและพัฒนามาเป็นการซื้อขายตามแนวชายแดน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าตามฤดูกาล ได้แก่ ผัก ผลไม้ ของป่า รวมถึงผ้าทอ ในปัจจุบันมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันน้อยลงแต่มีการซื้อขายในระบบออนไลน์กันมากขึ้น 


ความสัมพันธ์ด้านสังคม และวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อมีความสัมพันธ์กันบนฐานความเป็นชาติพันธุ์เดียวกันของชาวไทลื้อ ซึ่งความสัมพันธ์ประกอบไปด้วย เครือญาติ เครือญาติโดยการสมรส  เครือข่ายชาติพันธุ์ลื้อผ่านงานประเพณีและวัฒนธรรมของไทลื้อ  ความเชื่อเรื่องผีและสายสกุลที่สืบเนื่องมาจากสิบสองปันนา หรือความเชื่อและการนับถือผีบ้าน ผีเมือง ของชาวลื้อที่มีการสร้าง "ใจกลางบ้าน" หรือ "หลักใจกลางบ้าน" หรือ "ใจบ้าน" และความเชื่อเรื่อง "ผีบรรพบุรุษ" ความสัมพันธ์ด้านการนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท  กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อทั้ง 4 ประเทศนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท และมีความศรัทธาในพุทธศาสนา


ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ 4 ประเทศ ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์ในระยะ 1 ปี ประกอบด้วย 1)การส่งเสริมการมีส่วนเกี่ยวข้องกับชุมชน โดยการประชุมทางด้านสังคม และภาคประชาสังคมของไทลื้อทุกปี เพื่อสร้างเครือข่ายไทลื้อทั้ง 4 ประเทศให้มีความแน่นแฟ้นและมีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง และ 2) การสนับสนุนการสร้างสรรค์วัฒนธรรมให้เยาวชนไทลื้อให้มีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องวัฒนธรรมและศิลปะไทลื้อร่วมกันให้มีความรู้ ความเข้าใจในวัฒนธรรมของไทลื้อ เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้เยาวชนสามารถนำไปสู่การเผยแพร่เป็นสารสนเทศที่ทันสมัยและน่าสนใจ ส่วนข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ในระยะ 3-5 ปี ประกอบด้วย  1) การส่งเสริมการสร้างการรับรู้ถึงความเป็นไทลื้อเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพี่น้องไทลื้อ 4 ประเทศผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย 2) สนับสนุนการสร้างการรับรู้ถึงการนำเสนอรายการเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะไทลื้อใน 4 ประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านวิถีวัฒนธรรมประเพณี และความเป็นเชื้อชาติ สายเลือดไทลื้อที่เหมือนกัน และ 3) ส่งเสริมการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมไทลื้อ โดยการส่งเสริมการร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาข้อมูลผ่านเอกสารและการรวบรวมรายชื่อมรดกทางวัฒนธรรมของไทลื้อเข้าด้วยกัน 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
จันต๊ะคาด ก. (2020). ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง : กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อในประเทศไทย ลาว เมียนมาร์ และจีน จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยราชภัฏพระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 15(2), 320–333. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/PNRU_JHSS/article/view/247500
ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Article)

เอกสารอ้างอิง

Kasarda,John D., and Morris Janowitz. Community Attachment in Mass Society. American Sociogical Review. 39 (1974): 328-239.
Nuchpiam T. (2002). Asian-European Studies. Bangkok: Thailand Science Research and Innovation. (in Thai)
Piamsuwannakit, S., Kesapradist, B. & Yossakrai, K. (2018). The Existenceof TaiLue Textilein ChiangraiProvince: An Analysisof Cultural Economy. Journal of Social Academic. 11(1). (January – April 2018): 43-52. (in Thai)
Prarachpariyatti (Sayan Arintamo). (2017). A Study of Relationship Between Buddhist Paradigm and Socio-Cutural Change of Tai-Lue in Lanna. Journal of Social Academic. 10(1). (January – April 2017): 57-70. (in Thai)
Researchers at Chao Ban Chiang Khong. (2004). Mekong River: a river of life and culture. Chiang Mai: Southeast Asia Rivers Network Thailand Chapter. (in Thai)
Satum, A. (2005). The impact of development and globalization on the current Mekong site layout. Chiang Mai: Women's Studies Center, Chiang Mai University. (in Thai)
Sodsongkrit, M. & Wongcharoenkul, C. (2014). The Minority of Dai Tribe : Tai Tribe Relatives in Xishuangbanna,The Republic of China. Journal of Cultural Approach. 15(27). (January – June 2014): 51-64. (in Thai)