กลยุทธ์การจัดการเชิงพื้นที่การเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเชิงพื้นที่การเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน เพื่อจัดทำกลยุทธ์การจัดการเชิงพื้นที่ในการเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน และเพื่อประเมินความเหมาะสมของกลยุทธ์การจัดการเชิงพื้นที่ในการเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบนโดยระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ใช้การประชุมเชิงปฏิบัติการ แบบประเมินสภาวะแวดล้อม และแบบประเมินความเหมาะสม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้นำด้านการจัดการไฟป่าของรัฐฉาน และ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไฟป่ากลุ่มไทใหญ่ ที่คุมพื้นที่เขตภูเขารัฐฉานตอนใต้ จำนวนทั้งสิ้น 25 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า สภาพการจัดการเชิงพื้นที่การเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน ด้านจุดแข็ง ผู้นำเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ด้านจุดอ่อน ยังขาดเรื่องของการจัดทำฐานข้อมูลไฟป่าเนื่องมาจากการขาดความรู้และเครื่องมือที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตพื้นที่ป่า ด้านโอกาส สื่อเทคโนโลยีทำให้สื่อสารไปทั่วโลกทำให้เกิดความให้ความสนใจของประเทศเพื่อนบ้านทำให้เกิดการช่วยเหลือในด้านการจัดการไฟป่าอย่างต่อเนื่อง และ ด้านอุปสรรค กรอบนโยบายก็ไม่สนับสนุนการกระจายอำนาจและการเข้าถึงการจัดการและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติเท่าที่ควร ในด้านวิสัยทัศน์ “รัฐฉาน ดินแดนสงบ สุขใจ ไร้ไฟป่า ด้วยการจัดการป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน” และมีกลยุทธ์ 4 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือและการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาระบบการบริหารจัดการไฟป่าโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาศักยภาพของคนรัฐฉานในการบริหารจัดการป่าอย่างยั่งยืน และกลยุทธ์ที่ 4 จัดหา สนับสนุนงบประมาณ กองทุน ในการจัดการป่าเพื่อไม่ให้เกิดไฟป่าอย่างยั่งยืน ผลการประเมินความเหมาะสมของกลยุทธ์การจัดการเชิงพื้นที่การเผาป่าของรัฐฉานที่มีผลต่อกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน ทั้งวิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ กลยุทธ์และแนวทางการพัฒนามีความเหมาะสมมากที่สุด
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิจัยราชภัฏพระนครเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Jarungrattanapong, R. & Manasboonphempool, A. (2009). Effects of haze on tourism: the case of Chiang Mai and Phuket. Chiangmai: Public Policy Studies Institute Foundation. (in Thai)
Kochakote, Y. (2010). Development of forest fire prevention models. Ph.D. Program in Environmental Education. Mahasarakham: Mahasarakham University. (in Thai)
Kreasuwun, J., Chodamornsuk, C., Wirunvedchayan, O. & Ratjiranukool, P. (2008). Weather analysis and air pollution warning. Bangkok: Thailand Science Research and Innovation. (in Thai)
Larpjit, S. (2009). Factors Affacting Citizen’s Decision to Participation in Tambol AdministrationOrganizations in Warinchamrab District, Ubonratchathani Province. Veridian E-Journal. 2(1), 137-154. (in Thai)
Rattanawipa, P. (2004). The Participation of the communities in protecting and solving problems of air pollution in the Chiang Mai Municipality. Chiang Mai: Graduate School, Chiang Mai University. (in Thai)
Rayanakorn, M. (2010). Haze and Air Pollution in Chiang Mai. Bangkok: Thai Health Promotion Foundation. (in Thai)
Sopitcha, T. (2010). Guidelines for forest fire prevention in vulnerable areas in the Lower Mekong Basin. Ph.D. Program in Regional Development Strategies. Ubon Ratchathani: Ubon Ratchathani Rajabhat University. (in Thai)
Wongsankhum, R. (2007). Air pollution management of stakeholders in Mueang district, Chiang Mai province. Chiang Mai: Graduate School, Chiang Mai University. (in Thai)