การนำนโยบายการพัฒนาการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรของกรมศุลกากรไปปฏิบัติ

Main Article Content

วิภาคย์ มุกนพรัตน์
นพดล อุดมวิศวกุล
จำเนียร ราชแพทยาคม

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัญหาของการนำนโยบายการพัฒนาการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรของกรมศุลกากรไปปฏิบัติ (2) วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จในการนำนโยบายการพัฒนาการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรของกรมศุลกากรไปปฏิบัติ และ (3) เสนอแนวทางการปรับปรุงการนำนโยบายการพัฒนาการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรของกรมศุลกากรไปปฏิบัติ


การศึกษาครั้งนี้ใช้การวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร คือ ข้าราชการของหน่วยงานภายในกรมศุลกากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากร ใช้วิธีการคำนวณกลุ่มตัวอย่างตามสูตรของทาโรยามาเน่ได้จำนวน 341 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากร คือ เจ้าหน้าที่ประจำส่วนอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากร และผู้บริหารในกองพิกัดอัตราศุลกากร โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ศึกษา คือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา


ผลการศึกษาพบว่า (1) ปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ ความเหมาะสมของจำนวนบุคลากร การมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลสำเร็จ และแรงจูงใจในการมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพของเจ้าหน้าที่ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปัจจัยด้านอื่น ๆ  (2) ปัจจัยด้านการนำนโยบายไปปฏิบัติ ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน และปัจจัยด้านแรงจูงใจของเจ้าหน้าที่รัฐ มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับความสำเร็จในการนำนโยบายการพัฒนาการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรของกรมศุลกากรไปปฏิบัติ และ (3) แนวทางการปรับปรุง ได้แก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มบุคลากรให้เหมาะสมกับปริมาณงาน ผู้บริหารควรกำหนดหน้าที่และเป้าหมายด้านระยะเวลาที่ชัดเจนให้แก่หน่วยงานสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการประเมินผลเพื่อนำมาวัดผลสำเร็จของนโยบาย และฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ควรเพิ่มโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานแก่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการอุทธรณ์พิกัดอัตราศุลกากรมากกว่าหน่วยงานอื่น ๆ

Article Details

บท
บทความวิจัย (Research Article)

References

Best, J. (1977). Research in Education. New Jersey: Prentice Hall, Inc.

The Customs Department. (2018). History of the Customs Department. Retrieved form https://www.customs.go.th/about [2021, Oct. 11]

The Customs Department. (2021). History of the Customs Department. Retrieved form https://www.customs.go.th/cont_strc_annual_report.php?current_id=14232932404e505f4d464a4f464b49 [2021, Oct. 11]

Cohen, J. & Uphoff, N. (1977). Rural development participation: concepts and measures for project design, implementation and evaluation. Cornel University, Ithaka.

Edward, G. C. III. (1980). Implementing public policy. Washington, D.C.: Congressional Quarterly Press.

Jantarasorn, W. (2008). Public Policy Implementation Theory. (3rd ed.). Bangkok: Thai University Researchers Association.

Herzberg, F. (1959). The motivate to work. New York: John Wiley.

Ked-Ukkarawin, B. (2016). An approach to the development of the advance tariff ruling service provided by customs tariff bureau, Customs Department. (research report). Bangkok: Thammasat University. (in Thai)

Kumkun, C. (2017). An approach to the development of the of customs procedures to enhance the country's competitiveness. (research report). Bangkok: National Defence College. (in Thai)

Pearse, A. & Stiefel, M. (1980). Inquiry into participation: A research approach. Geneva: United Nations Research Institute for Social Development.

Rodsom, M. (2018). General knowledge of customs law and tariff law. (5th ed.). Bangkok: The Best Center Inter Group Publisher.

Sabatier, P. & Mazmanian, D. (1980). The implementation of public policy: A framework of analysis”. Policy studies journal, 8(4), 538-560.

Thamaluechu, P. (2007). Quality of working life of civil servants of the Customs Tariff Group, the Customs Department. (Term Paper). Bangkok: Thammasat University. (in Thai)

Udomwisawakul, N. (2017). Public policy agenda setting. Nonthaburi: Sukhothai Thammathirat Open University.

Van Meter, D. S. & Van Horn, C. E. (1975). The policy implementation process: A conceptual framework. Administration & Society, 6(4), 445–488.