โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหวางความคิดรวบยอดของการเรียนรูกับวิธีการเรียนรูของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6

Main Article Content

ธนาภรณ เชาวนศิลป

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพ ื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงเชิงโครงสรางของโมเดลความสัมพันธเชิง สาเหตระหว ุ างความคิดรวบยอดของการเรียนรูกับวิธการเร ี ยนร ี ูของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ตามแนวคิดของ บิกสและมัวร (Biggs & Moore, 1993) กลุมตัวอยางเปนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ในโรงเรียนสังกดสั านํ ักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปการศึกษา 2547 จํานวน 450 คน โมเดลประกอบดวยต  ัวแปรแฝง 4 ตัว ไดแก ความคิดรวบยอดของการเรยนร ี ูเชิงปริมาณ ความคดรวบยอดของการเร ิ ยนร ี ูเชิงคุณภาพ และวิธีการเรียนรู 2 วิธีคือ วิธีการเรียนรูแบบผิวเผินและวิธีการเรียนรูแบบลึกเครองม ื่ ือที่ใชไดแกแบบสํารวจความคดรวบยอดของการเร ิ ียนรูและ แบบสอบถามวิธีการเรียนรูการวิเคราะหขอมูลใชโปรแกรม SPSS คํานวณคาสถิติพื้นฐานและใชโปรแกรม LISREL 8.50 ตรวจสอบความตรงเชิงโครงสรางของโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุ ผลการวิจัยปรากฏวาโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตระหว ุ างความคิดรวบยอดของการเรียนรูกับวิธีการ เรียนรูมีความสอดคลองก  ับขอม ูลเชิงประจักษอยในเกณฑ ู ดีโดยพิจารณาจากคาไค-สแควรเทากับ 1.01 ที่องศา อิสระเทากับ 9 คาความนาจะเปนเทาก ับ 1.00 ดัชนี GFI เทากับ 1.00 ดัชนี AGFI เทากับ 1.00 ดัชนี CFI เทากับ 1.00 คา SRMR เทากับ .00 และ คา RMSEA เทากับ .00 ความคิดรวบยอดของการเรียนรูมีอิทธิพลตอวิธีการ เรียนรูอยางมีนัยสําคัญ โดยความคิดรวบยอดของการเรียนรูเชิงปริมาณมีอิทธิพลทางตรงตอวิธีการเรียนรูแบบผิวเผิน แสดงวานักเรียนที่มีความคิดรวบยอดของการเรียนรูเชิงปริมาณจะใชวิธีการเรียนรูแบบผิวเผิน และความคิดรวบยอด ของการเรียนรูเชิงคุณภาพมีอิทธิพลทางตรงตอวิธีการเรียนรูแบบลึก แสดงวานักเรียนทมี่ ีความคิดรวบยอดของการ เรียนรูเชิงคุณภาพจะใชวิธีการเรียนรูแบบลึก นักเรียนมีแนวโนมจะใชวิธีการเรียนรูแบบใดแบบหนึ่งจะไมคอยใช วิธีการเรียนรทู ั้งสองแบบในการเรียนร

A CAUSAL RELATIONSHIP MODEL BETWEEN CONCEPTIONS OF LEARNING AND APPROACHES TO LEARNING FOR GRADE 12 STUDENTS

The purpose of this research was to develop and validate a causal relationship model between conceptions of learning and approaches to learning, based on the concepts of Biggs & Moore (1993). The sample consisted of 450 Grade 12 students in schools under the jurisdiction of the Office of Basic Education Commission, academic year 2004. The model consisted of four latent variables: quantitative conception of learning, qualitative conception of learning, and two approaches to learning: surface and deep. Research instruments included the Approaches to Learning Questionnaire, and the Conceptions of Learning Inventory. SPSS was employed for descriptive statistics; LISREL 8.50 was used to analyze the causal relationship model. Results indicated that the model was consistent with empirical data. Goodness of fit indicators included a chi-square value of 1.01 with 9 degrees of freedom; p = 1.00; GFI = 1.00; AGFI = 1.00; CFI = 1.00; SRMR = .00, and RMSEA = .00. The influence of conceptions of learning on approaches to learning was statistically significant. Students with a quantitative conception of learning used a surface learning approach, while students with a qualitative conception of learning used a deep learning approach. Students were found to use only one approach to learning, surface or deep, but not both

Article Details

Section
บทความวิจัย (Research Articles)