รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประสานการประชุม ในศาลเยาวชนและครอบครัว
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) สภาพและปัญหา (2) สมรรถนะที่จำเป็น (3) สร้างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะ และ (4) ประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประสานการประชุมในศาลเยาวชนและครอบครัว โดยการสัมภาษณ์ สอบถาม และสนทนากล่มุ จากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีของเด็กและเยาวชน ผู้อำนวยการสถานพินิจ ผู้ประสานการประชุมในศาลเยาวชนและครอบครัว ผู้ปฏิบัติงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชนของศาลเยาวชนและครอบครัว และนักวิชาการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และ/หรือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยสถิติที่ใช้ คือ ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์
ผลการศึกษา พบว่า ผู้ประสานการประชุมในศาลเยาวชนและครอบครัวส่วนใหญ่ได้รับการคัดเลือกจากผู้ที่มีจิตอาสา ผู้พิพากษาสมทบ และผู้ประนีประนอมประจำศาล มีประสบการณ์และเข้าใจวิธีปฏิบัติงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมีความรู้ ความสามารถ คุณลักษณะทัศนคติที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน แต่ยังขาดประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคดีเด็กและเยาวชน เทคนิคเกี่ยวกับคดีความ การรับฟัง การกระตุ้นกลุ่ม การจัดการความขัดแย้ง ประสบการณ์ด้านการเขียนรายงาน มีทัศนคติด้านลบ กระบวนการในการแก้อย่างไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ไม่อุทิศตน มีเสียสละและความซื่อสัตย์น้อย โดยสมรรถนะที่จำเป็นมี 4 ด้าน ด้วยการสนทนากลุ่ม พบว่ามีความเหมาะสม ด้านคุณลักษณะ ด้านทัศนคติ ด้านความสามารถ และด้านความรู้ตามลำดับโดยการฝึกอบรม
Article Details
บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือในวารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (กรณีการทำวิจัยในมนุษย์ ผู้วิจัยต้องผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และนำหลักฐานมาแสดง)
เอกสารอ้างอิง
Gagne, R. M. (1970). The condition of learning. New York: Holt, Rinchart, & Winston.
Jeong, J. (2004). Analysis of the factors and the roles of HRD in organizational learning styles as identified by key informants at selected corporations in the Republic of Korea. Dissertation Abstracts international, 66(4), 1243-A.
Ongarttrakul, P. (2012). How to adapt to a professional HR. People Magazine, 33(3), 28-30. [In Thai]
Rabi Bhadanasak Research and Development Institute, Office of the Judiciary. (2009). Classification, remediation, rehabilitation and follow-up of children and youth entering the justice system in relation to the judiciary. Retrieved November 30, 2018, from https://www.djop.go.th/vijai/vijai-25-2.pdf [in Thai]
Rogers, C. R. (1942). Counseling and psychotherapy: Newer concepts in practice. New York: Houghton Miffin.
Schultz, S. E. (2006). Psychology and work today (9th ed.). Hoboken, NJ: Pearson.
Tansiri, K. (2007). Problems with criminal justice systems when children and children under the age of seven do not commit criminal offenses: A study of the compliance with the Universal Declaration on Child Rights and the Constitution 1997. Retrieved November 30, 2018, from https://elib.coj.go.th/managecourt/data/e10_3.pdf [In Thai]
Tanrangsan, P. (2010). Reconciliation of justice and criminal offenses of children or youth. Junniti Journal, 7(3), 45-62. [In Thai]
Weerapatharakul, S., Yupas, Y., Jeerasombat, S., & Charoensiri. (2017). A model of competency development affecting the administration of the Sub-District Administrative Organizations in Buriram province. Journal of Social Academic, 10(2), 62-78. [in Thai]
Werner, J. M., & DeSimone, R. L. (2006). Human resource development. Mason, OH: Thomson South-Western.
Zwell, M. (2000). Creating a culture of competence. NewYork: John Wiley & Sons.