กลยุทธ์การตลาดบริการธุรกิจโรงแรม ในเขต Royal Coast ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก
Main Article Content
Abstract
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพและการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast ในปัจจุบัน 2) เพื่อสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของผู้ใช้บริการโรงแรมในเขต Royal Coast 3) เพื่อกำหนดตัว การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพและการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast ในปัจจุบัน 2) เพื่อสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของผู้ใช้บริการโรงแรมในเขต Royal Coast 3) เพื่อกำหนดตัว
แบบการตลาดบริการที่เหมาะสมในการตลาดบริการธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast การวิจัยครั้งนี้ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมา
ใช้บริการจำนวน 400 คน สัมภาษณ์เชิงลึกหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน/ตัวแทนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของภาครัฐ ผู้มีส่วนในการกำกับดูแล และส่งเสริมการตลาดบริการธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast อย่างละ 10 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบ
บอกต่อเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามและแบบสอบถามกึ่งโครงสร้างการหาคุณภาพของเครื่องมือโดยใช้วิธีการทดสอบความตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องที่ 0.89 และได้ค่าความเชื่อมั่นแบบสอบถาม เท่ากับ 0.95 วิเคราะห์
ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมการวิเคราะห์สถิติ SPSS และโปรแกรมสถิติขั้นสูง (Lisrel) ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพของธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast ในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ต้องแข่งขันกันที่ผลิตภัณฑ์ สินค้าและการบริการของโรงแรม ลักษณะการดำเนินงานด้านโครงสร้างองค์กร (structure) ใช้การควบ
คุมแบบรวมอำนาจอยู่ที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจหรือทีมบริหารที่มาจากการซื้อแฟรน์ไซส์ หรือการลงนามทำสัญญาดำเนินธุรกิจมีการแบ่งแผนกตามรูปแบบการบริการในแบบโรงแรมระดับขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีการจัดการรูปแบบใน
ลักษณะให้ความเป็นกันเองกับลูกค้า เน้นความเป็นไทยและใช้ทรัพยากรท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย เน้นการทำงานเพื่อให้คนเกิดความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะทาง ตามแนวคิด Specialization 2) พฤติกรรมการใช้บริการของนักท่องเที่ยว พบว่า ประเภท
ของนักท่องเที่ยวแบบGroup ความถี่ในการใช้บริการ ปีละ 3-4 ครั้ง งบประมาณในการเข้าพักในโรงแรมต่อคืน 2,001-3,500 บาท ระยะเวลาในการพักในแต่ละครั้งคิดเป็น 3-4 วัน/คน ปัจจัยทางด้านผู้มีอิทธิพลในการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวแต่
ละครั้งคือครอบครัว/ญาติ 3) ตัวแบบของกลยุทธ์การตลาดบริการที่เหมาะสมของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ใช้บริการการตลาดบริการ ธุรกิจโรงแรมในเขต Royal Coast หลังจากนำผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor
Analysis:CFA) พบองค์ประกอบที่สำคัญ 8 องค์ประกอบ และค้นพบโมเดลชื่อ SEASIDES
Article Details
References
วิชาชีพในอุตสาหกรรมบริการ (ท่องเที่ยวและโรงแรม) สำหรับการทำงานในเขต Royal Coast เพื่อสร้างศักยภาพ
ทางการแข่งขันในประชาคมอาเซียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี. เพชรบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
2.กัลยา วานิชย์บัญชา. (2546). การวิเคราะห์ข้อมูลหลายตัวแปร. กรุงเทพฯ : ธรรมสาร จำกัด
3.ธนวันต์ สิทธิไทย. (2555). กลยุทธ์การตลาดบริการธุรกิจร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลเพื่อสร้างศักยภาพทางการ
ท่องเที่ยว. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.
4.ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2553). การวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด.
ธิตินันท์ ชาญโกศล.(2555). กลยุทธ์การตลาดบริการธุรกิจนำเที่ยว. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ.
5.บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2556). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โยธิน แสวงดี. (2551). การวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาและฝึกอบรมการวิจัย.
6.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.(2560).GDP ไตรมาสสาม ปี 2560 และแนวโน้มปี 2560 -
2561 สืบค้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560. จาก
7.สำนักเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.(2558).รายงานโครงการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย The Royal Coast (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง) และพื้นที่เชื่อมโยง.
กรุงเทพฯ : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
8.Bitner. M.J., Booms, B.H., & Tetreault, M.S.(1990).The service encounter: Diagnosing favorable and unfavorable
incidents. Journal of Marketing, 54(1), 594-595.
9.Doyle, J. D., Heslop, L. A., Ramirez, A., & Cray, D. (2012). Trust intentions in readers of blogs. Management
Research Review, 35(9), 837-856. doi:10.1108/01409171211256226
10.Kotler, P. & Armstrong, G. (2009). Principle of marketing. (13th ed.). Upper Saddle River, NJ: Pearson Education.
11.Hsin-Hui Hu & H.G. Parsa. 2011. Self-monitoring, dining companions and the usage of alternative currencies.
Journal of Product & Brand Management, 20(3), 228-237.
12.Hutter, K., Hautz, J., Dennhardt, S., & Fuller, J. (2013). The impact of user interactions in social media on
brand awareness and purchase intention: The case of MINI on Facebook. The Journal of Product
and Brand Management, 22(5/6), 342-351.doi:10.1108/jpbm-05-2013-0299
13.Muhammad .(2014). The Concept of Marketing Mix and its Element. International Journal of Information,
Business and Management, 6,(5/6), 5-9.
14.Ray, D. (2014). Overcoming cross-cultural barriers to knowledge management usingsocial media. Journal of
Enterprise Information Management, 27(1), 45-55.
15.Robert, J. and Julien R..(1980). Business Horizons, 23(3), 14-26.
16.Rosman, R., & Stuhura, K. (2013). The implications of social media on customer relationship management
and the hospitality industry. Journal of Management Policy and Practice, 14(3), 18-26. Retrieved
October 16, 2014 from http://nabusinesspress. homestead.com/JMPP/RosmanR_Web14_3_.pdf.
17.Yamanae, T. (1973). Statistic : An Introductory Analysis. (3rd ed.). New York : Harper & Row.
18.Wright, H. (2014). Volunteer tourism and its misperceptions: A comparative analysis of tourist/host
perceptions. Tourism and Hospitality Research, 13(4), 239-250.